ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - กลุ่มนักวิชาการผู้ห่วงใยสันติสุขสังคม “มทส.” โคราช สุดทนร่วมออกแถลงการณ์เป็นจม.เปิดผนึก จี้ “นช.แม้ว” หยุดทำลายชาติบ้านเมืองสร้างความขัดแย้งแตกแยกในหมู่ปชช. และสร้างความเสื่อเสียต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพของคนไทย รวมทั้งหยุดให้ร้ายประเทศชาติ และศาลไทยไปทั่วโลกที่เคยเมตตาจนได้นั่ง “นายกฯ” สมใจ เตือนถูกจารึกเป็น “นายกฯเนรคุณ” หนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์ ชี้พึงรับฟังคำติเตียนปราชญ์นำมาปรับปรุงตนเองและเลิกคบคนพาลจักเป็นมงคลแก่ชีวิตตามหลักคำสอนศาสนา จนกว่าผืนดินกลบหน้า
วันนี้ (6 เม.ย.) รศ.ดร.ทวิช จิตรสมบูรณ์ อารจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า กลุ่มนักวิชาการผู้ห่วงใยสันติสุขสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์เป็นจดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน เรื่อง “ข้อคิดเห็นเพื่อสร้างเสริมสันติสุขในสังคมไทย” กรณีกระทำการปลุกระดมสร้างความขัดแย้งแตกแยกของประชาชนและทำลายชาติบ้านเมือง รวมทั้งพาดพิงในทางเสื่อมเสียต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพของประชาชน ผ่านเวทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ อยู่ในขณะนี้
โดยรายละเอียดจดหมายเปิดผนึก เรื่อง “ข้อคิดเห็นเพื่อสร้างเสริมสันติสุขในสังคมไทย” ดังกล่าว ระบุว่า กราบเรียน อดีต ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ตามที่ท่านได้เชื่อมต่อสัญญาณเข้าไปแสดงความเห็นบนเวทีชุมนุมทางการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลนั้น พวกเรามีความเห็นว่าข้อความบางส่วนอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความบาดหมาง และความแตกแยกในกลุ่มต่างๆ ของประชาชน ในฐานะนักวิชาการในมหาวิทยาลัยซึ่งมีส่วนรับผิดชอบในการสร้างเสริมความเจริญและสันติสุขแก่สังคมพวกเราใคร่ขอเสนอข้อคิดเห็นบางประการเพื่อท่านโปรดพิจารณาดังนี้
1.อดีตนายกรัฐมนตรีทุกท่านมีสถานะโดยปริยายเป็นปูชนียบุคคลของสังคม และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติในระดับหนึ่ง จึงมีพันธะหน้าที่สำคัญโดยปริยายในการเสียสละความสุขและสวัสดิภาพส่วนตนเพื่อสร้างเสริมสันติสุขต่อสังคมโดยรวม หากอดีตนายกฯ มัวเมาลุ่มหลงในประโยชน์ส่วนตน จนเจตนากระทำการใดเพื่อก่อเกิดความขัดแย้งในกลุ่มต่างๆ ของประชาชน โดยเฉพาะการกล่าวพาดพิงในทางเสื่อมเสียต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพของประชาชน อดีตนายกฯ ท่านนั้นย่อมหมดความชอบธรรมที่จะได้รับการยกย่องจากสังคมให้อยู่ในสถานะอันสูงส่งดังกล่าวอีกต่อไป
ตรงกันข้าม กลับจะได้รับการประณามเพิ่มอีกนับร้อยเท่าพันทวีกว่าที่กระทำการดังกล่าวในสถานะของบุคคลธรรมดา พวกเราหวังว่าท่านจะตระหนักในสถานะอันสูงส่งของอดีตนายกฯไทย ที่ท่านได้ดำรงอยู่และใช้ประโยชน์อยู่เสมอมาทั้งในระดับชาติและนานาชาติ จะไม่กระทำการอันมิชอบใดดังที่ได้กล่าวมาแล้ว และหากได้กระทำการใดไปแล้วพวกเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะได้มีสติและสัมปชัญญะระลึกถึงความไม่ถูกต้องนั้น จนเลิกกระทำการดังกล่าวนั้นอีกต่อไป
2.การที่ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ในช่วงหนึ่ง และเกิดความร่ำรวยอย่างรวดเร็วในช่วงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะศาลไทยได้เมตตาตัดสินให้ท่านพ้นผิดต่อคดีปิดบังทรัพย์สิน ทั้งที่มีพยานหลักฐานพร้อมมูลว่ามีความผิดจริงตามหลักนิติศาสตร์ หากศาลตัดสินให้ท่านผิดตามรูปคดีท่านก็คงหมดสิทธิ์เป็นนายกฯ อาจหมดสิทธิ์ร่ำรวยอย่างรวดเร็วกว่าปกติ และหมดสิทธิ์ถูกรัฐประหาร จนต้องมากล่าวโทษประณามศาลที่เคยเมตตาท่านมาอยู่จนทุกวันนี้
ด้วยวุฒิภาวะของอดีตนายกฯ ไทยที่เคยได้รับคุณานิสงส์มหาศาลจากกระบวนการศาลไทยและสังคมไทย ท่านมิพึงกล่าวโทษให้ร้ายศาลไทยและประเทศไทยอีกต่อไปทั้งในเวทีชาติและเวทีนานาชาติ มิฉะนั้นแล้วท่านอาจได้รับการจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นนายกฯ เพียงคนเดียวที่เณรคุณสังคม
3.ท่านเคยเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการยอมรับสูงสุดจากทุกฝ่าย รวมถึงนักปราชญ์ทั้งหลาย บัดนี้บรรดาปราชญ์ที่เคยสนับสนุนท่านต่างพากันติเตียนท่านเกือบหมดสิ้น ท่านพึงตระหนักในคำสอนขององค์ศาสดาว่า หลักการตัดสินว่าสิ่งใดไม่ถูกต้องนั้นให้ยึดการติเตียนของปราชญ์เป็นสำคัญ ท่านจึงควรน้อมรับฟังคำติเตียนของปราชญ์เพื่อนำมาปรับปรุงตน และพึงเลิกคบคนพาลเป็นมิตร ก็จักเป็นมงคลแก่ชีวิตท่านตามหลักคำสอนของศาสนา จนกว่าผืนดินจะกลบหน้าท่าน (และพวกเราทุกคน) ในที่สุด
กราบเรียนเสนอข้อคิดเห็นมาด้วยความปรารถนาดี และด้วยความห่วงใยในสันติสุขของสังคมไทย
กลุ่มนักวิชาการผู้ห่วงใยสันติสุขสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา
ลงชื่อ รศ.ดร.ทวิช จิตรสมบูรณ์, รศ.ดร.กรกช อินทราพิเชฐ, ผศ.พยอม ก้อนในเมือง, ผศ.ดร.รังสรรค์ วงศ์สรรค์, ดร. มัลลิกา สังข์สนิท, ดร.โสภณ วงศ์แก้ว, รศ.ดร.กนกอร อินทราพิเชฐ, มัณฑนา ธรรมโชติ, ผศ.ดร.สมประสงค์ สัตยมัลลี, อรนุช อวิรุธไพบูลย์, รศ.ดร. จีรวัฒน์ ยงสวัสดิกุล, ผศ.ดร.อารักษ์ ธีรอำพน