เอเอฟพี - ญี่ปุ่นประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่มูลค่าอย่างน้อย 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อดึงให้เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกแห่งนี้ พลิกฟื้นจากภาวะถดถอยรุนแรง
นายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะแห่งญี่ปุ่นกล่าวว่า เขาได้สั่งให้รัฐมนตรีคลังจัดทำมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินราว 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือมากกว่านั้น เพื่อเร่งการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะถือเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณเพิ่มเติมประจำปีนี้ โดยน่าจะมีมูลค่าอย่างน้อย 10 ล้านล้านเยนเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ได้กล่าวในเดือนธันวาคมว่า ประเทศต่าง ๆอาจจะต้องประกาศใช้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมูลค่าราว 2%ของจีดีพีเพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกทั้งมวลจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัว
อาโซะประกาศมาตรการนี้ออกมาตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทว่าไม่เผยรายละเอียด แต่หลายฝ่ายก็คาดว่าจะมีเป้าหมายช่วยคนงานที่ถูกลอยแพ และบริษัทที่ขาดแคลนสภาพคล่อง
ญี่ปุ่นนั้นอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาถึง 3 ครั้งแล้วนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อนเป็นต้นมา โดยเป็นมาตรการที่ครอบคลุมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐ, การลดภาษี, และอื่น ๆ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าถึง 75 ล้านล้านเยน แม้ว่าจะมีการใช้เงินงบประมาณกันจริงๆ อยู่ที่ 12 ล้านล้านเยนเท่านั้น
มาตรการเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้ง
ที่สองเป็นต้นมา
อัตราการชะลอตัวในช่วงไตรมาสสี่ปีที่แล้วนั้นเมื่อนำมาเทียบเป็นอัตราต่อปี จะเท่ากับว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวถึง 12.1% ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 35 ปี ทั้งนี้เนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่ดำดิ่งลง ทำให้ประเทศต่างลดความต้องการรถยนต์ สินค้าไฮเทคและสินค้าส่งออกอื่น ๆของญี่ปุ่นลงอย่างรุนแรง
พวกผู้ผลิตรายใหญ่ของแดนอาทิตย์อุทัย ต้องลดกำลังการผลิตและลอยแพคนงานหลายหมื่นตำแหน่ง นับตั้งแต่เกิดวิกฤตขึ้น ขณะที่ยอดการส่งอออกในเดือนกุมภาพันธ์ก็ดิ่งลงร่วมๆ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วญี่ปุ่นกับประเทศอื่น ๆในกลุ่มจี 20 ตกลงกันที่จะอัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯเข้าสู่ไอเอ็มเอฟและธนาคารเพื่อการพัฒนาต่างๆ เพื่อนำไปให้สินเชื่อแก่ประเทศที่ยากจนและต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งญี่ปุ่นเองก็บอกว่าจะให้เงิน 1 แสนล้านดอลลาร์แก่โครงการนี้
นายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะแห่งญี่ปุ่นกล่าวว่า เขาได้สั่งให้รัฐมนตรีคลังจัดทำมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินราว 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือมากกว่านั้น เพื่อเร่งการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะถือเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณเพิ่มเติมประจำปีนี้ โดยน่าจะมีมูลค่าอย่างน้อย 10 ล้านล้านเยนเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ได้กล่าวในเดือนธันวาคมว่า ประเทศต่าง ๆอาจจะต้องประกาศใช้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมูลค่าราว 2%ของจีดีพีเพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกทั้งมวลจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัว
อาโซะประกาศมาตรการนี้ออกมาตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทว่าไม่เผยรายละเอียด แต่หลายฝ่ายก็คาดว่าจะมีเป้าหมายช่วยคนงานที่ถูกลอยแพ และบริษัทที่ขาดแคลนสภาพคล่อง
ญี่ปุ่นนั้นอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาถึง 3 ครั้งแล้วนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อนเป็นต้นมา โดยเป็นมาตรการที่ครอบคลุมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐ, การลดภาษี, และอื่น ๆ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าถึง 75 ล้านล้านเยน แม้ว่าจะมีการใช้เงินงบประมาณกันจริงๆ อยู่ที่ 12 ล้านล้านเยนเท่านั้น
มาตรการเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้ง
ที่สองเป็นต้นมา
อัตราการชะลอตัวในช่วงไตรมาสสี่ปีที่แล้วนั้นเมื่อนำมาเทียบเป็นอัตราต่อปี จะเท่ากับว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวถึง 12.1% ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 35 ปี ทั้งนี้เนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่ดำดิ่งลง ทำให้ประเทศต่างลดความต้องการรถยนต์ สินค้าไฮเทคและสินค้าส่งออกอื่น ๆของญี่ปุ่นลงอย่างรุนแรง
พวกผู้ผลิตรายใหญ่ของแดนอาทิตย์อุทัย ต้องลดกำลังการผลิตและลอยแพคนงานหลายหมื่นตำแหน่ง นับตั้งแต่เกิดวิกฤตขึ้น ขณะที่ยอดการส่งอออกในเดือนกุมภาพันธ์ก็ดิ่งลงร่วมๆ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วญี่ปุ่นกับประเทศอื่น ๆในกลุ่มจี 20 ตกลงกันที่จะอัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯเข้าสู่ไอเอ็มเอฟและธนาคารเพื่อการพัฒนาต่างๆ เพื่อนำไปให้สินเชื่อแก่ประเทศที่ยากจนและต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งญี่ปุ่นเองก็บอกว่าจะให้เงิน 1 แสนล้านดอลลาร์แก่โครงการนี้
