รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า การประชุมครม. ที่เมืองพัทยาวันที่ 7 เม.ย.นี้ จะมีการพิจารณาเห็นชอบผลการประชุมครม.เศรษฐกิจ เมื่อครั้งที่ผ่านมาโดยเฉพาะในโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรสำหรับปีการผลิต 2551/2552 ที่ได้เห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณ ปี 53 เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อชดเชยให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพราะการค้ำประกันเงินกู้ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 110,000 ล้านบาท จะใช้สำหรับการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรับจำนำพืชผลทางการเกษตร รวมวงเงินประมาณ 8,725.62 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) จำนวน 3,523.08 ล้านบาท องค์การคลังสินค้า (อคส.) 4,993.06 ล้านบาท องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) 179.48 ล้านบาท และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 30 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้กระทรวงพาณิชย์ส่งเรื่องการนำเงินจากกองทุนนโยบายมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คชก. มาจัดสรรให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ในลักษณะของการจ่ายขาด ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และคชก.ต้องดำเนินการตามมติครม.หรือไม่
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่างบประมาณ 1.1 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติไว้เพื่อใช้ในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ทั้งมันสำปะหลัง ยางพารา และพืชเกษตรอื่นๆ เนื่องจากพบว่า ขณะนี้งบประมาณที่รัฐบาลชุดนี้กำลังนำมาใช้แก้ปัญหาผลผลิตตกต่ำใกล้จะหมดแล้ว และขณะนี้โครงการรับจำนำทุกโครงการในปี 52 ก็กำลังจะปิด
ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะทำการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะมันสำปะหลังตามที่เกษตรกรเรียกร้องได้ เนื่องจากวงเงินดังกล่าวสามารถที่จะจ่ายให้กับเกษตรกรที่ได้โควต้าจากรัฐบาลที่แล้วไว้เท่านั้น
"ไม่สามารถที่จะดึงราคาได้ ไม่มีใครที่ต้องการขายให้เอกชนแล้ว เพราะสามารถที่จะขายให้กับรัฐได้ถึง กก.ละ 2 บาทในราคาแทรกแซง ผมไม่มีทางเลือกเนื่องจากทำมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เพราะทางการเมืองผมไม่สามารถที่จะจัดสรรใหม่ได้ ผมจะต้องทำให้จบ ตรงนี้เป็นเรื่องที่ผิดคาด เพราะรัฐบาลได้เพิ่มเงินในการแทรกแซงมันสำปะหลังมาถึง 3 ครั้งแล้ว เพราะหากจะเพิ่มอีกก็อาจจะต้องใช้เงินกว่าอีกหมื่นล้านบาท โดยหากถึงมือเกษตรกรจริงก็ดี แต่ตรงนี้กลับไม่ใช่และก็ตรวจสอบได้ลำบากมาก เนื่องจากมีการรั่วไหลของเงินที่รัฐบาลที่แล้วจัดสรรไว้อย่างมาก"
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังดูอยู่ว่า มีการรั่วไหลของงบประมาณ 1.1 แสนล้านตรงจุดไหน แม้เราต้องการจะช่วยเกษตรกรทุกคน แต่ว่าลักษณะที่กำลังมีการจำนำอยู่นี้ไม่ได้ช่วยทุกคน มันช่วยเฉพาะคนที่ได้โควต้า ซึ่งก็เป็นการใช้เงินจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในช่วงผ่องถ่าย จะมีการสำรวจและตรวจสอบว่า เงินที่เข้าไปแทรกแซงเหลืออยู่เท่าไร โดยเฉพาะจุดที่มีปัญหา ซึ่งก็ไม่ได้มีการปิดประตูว่าจะไม่เปิดอีกแต่งตรงนี้จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน และส่วนที่เหลือเกษตรกรก็อย่าเพิ่งขุดหัวมันสำปะหลังสด เพราะรัฐบาลจะเปิดรับจำนำโดยใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) โดยไม่เสียดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรับจำนำพืชผลทางการเกษตร รวมวงเงินประมาณ 8,725.62 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) จำนวน 3,523.08 ล้านบาท องค์การคลังสินค้า (อคส.) 4,993.06 ล้านบาท องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) 179.48 ล้านบาท และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 30 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้กระทรวงพาณิชย์ส่งเรื่องการนำเงินจากกองทุนนโยบายมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คชก. มาจัดสรรให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ในลักษณะของการจ่ายขาด ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และคชก.ต้องดำเนินการตามมติครม.หรือไม่
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่างบประมาณ 1.1 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติไว้เพื่อใช้ในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ทั้งมันสำปะหลัง ยางพารา และพืชเกษตรอื่นๆ เนื่องจากพบว่า ขณะนี้งบประมาณที่รัฐบาลชุดนี้กำลังนำมาใช้แก้ปัญหาผลผลิตตกต่ำใกล้จะหมดแล้ว และขณะนี้โครงการรับจำนำทุกโครงการในปี 52 ก็กำลังจะปิด
ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะทำการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะมันสำปะหลังตามที่เกษตรกรเรียกร้องได้ เนื่องจากวงเงินดังกล่าวสามารถที่จะจ่ายให้กับเกษตรกรที่ได้โควต้าจากรัฐบาลที่แล้วไว้เท่านั้น
"ไม่สามารถที่จะดึงราคาได้ ไม่มีใครที่ต้องการขายให้เอกชนแล้ว เพราะสามารถที่จะขายให้กับรัฐได้ถึง กก.ละ 2 บาทในราคาแทรกแซง ผมไม่มีทางเลือกเนื่องจากทำมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เพราะทางการเมืองผมไม่สามารถที่จะจัดสรรใหม่ได้ ผมจะต้องทำให้จบ ตรงนี้เป็นเรื่องที่ผิดคาด เพราะรัฐบาลได้เพิ่มเงินในการแทรกแซงมันสำปะหลังมาถึง 3 ครั้งแล้ว เพราะหากจะเพิ่มอีกก็อาจจะต้องใช้เงินกว่าอีกหมื่นล้านบาท โดยหากถึงมือเกษตรกรจริงก็ดี แต่ตรงนี้กลับไม่ใช่และก็ตรวจสอบได้ลำบากมาก เนื่องจากมีการรั่วไหลของเงินที่รัฐบาลที่แล้วจัดสรรไว้อย่างมาก"
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังดูอยู่ว่า มีการรั่วไหลของงบประมาณ 1.1 แสนล้านตรงจุดไหน แม้เราต้องการจะช่วยเกษตรกรทุกคน แต่ว่าลักษณะที่กำลังมีการจำนำอยู่นี้ไม่ได้ช่วยทุกคน มันช่วยเฉพาะคนที่ได้โควต้า ซึ่งก็เป็นการใช้เงินจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในช่วงผ่องถ่าย จะมีการสำรวจและตรวจสอบว่า เงินที่เข้าไปแทรกแซงเหลืออยู่เท่าไร โดยเฉพาะจุดที่มีปัญหา ซึ่งก็ไม่ได้มีการปิดประตูว่าจะไม่เปิดอีกแต่งตรงนี้จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน และส่วนที่เหลือเกษตรกรก็อย่าเพิ่งขุดหัวมันสำปะหลังสด เพราะรัฐบาลจะเปิดรับจำนำโดยใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) โดยไม่เสียดอกเบี้ย