ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “กอร์ปศักดิ์” รองนายกฯ รุดเจรจาผู้ประกอบการ-เกษตรกรผู้ปลูกมันฯภาคอีสานที่โคราช แก้ปัญหาม็อบปิดถนนซ้ำซาก รับปากนำข้อเรียกร้องเสนอ ครม. อนุมัติ 17 ก.พ.นี้ ทั้งขยายโควตารับจำนำจาก 5 ล้านตันเป็น 10 ล้านตันทั่วประเทศ และคงวงเงินรับจำนำรายละ 3.5 แสนตามเดิม ส่วนเกษตรกรที่นำมันฯ เข้าจำนำแล้วรวมถึงผู้ประกอบการร่วมโครงการฯ จะได้รับเงิน 18 ก.พ. ด้านแกนนำเกษตรกรปลูกมันฯ อีสานสั่งยุติชุมนุม รอฟังมติ ครม. ลั่นหากไม่ได้ตามที่เสนอระดมม็อบใหญ่กดดันแน่
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถ.ราชสีมา-โชคชัย ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และ ในฐานะ ประธานคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ได้เดินทางมาประชุมรับฟังปัญหา ข้อเรียกร้องในการแก้ปัญหา “โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/2552” จากผู้ประกอบการโรงงานแป้งมันฯ ,ลานมันฯ และแกนนำเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ภาคอีสาน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกันและป้องกันการชุมนุมประท้วงปิดถนนซ้ำซาก โดยมี นายปราโมทย์ กงทอง นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้การต้อนรับ
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และ ประธาน คชก. เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมหารือกับผู้ประกอบการและเกษตรกร ว่า การเดินทางมาเจรจาและรับฟังปัญหาต่างๆ กับกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานแป้งมันและลานมัน รวมถึงเกษตรกร ในภาคอีสานครั้งนี้ ได้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/2252 ของรัฐบาลและรับปากที่จะนำปัญหาต่าง ๆจากโครงการดังกล่าว เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันอังคารที่ 17 ก.พ.นี้
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวกว่า สิ่งสำคัญคือทางรัฐบาลต้องการให้เกิดความมั่นใจ ว่า เงินภาษีที่รัฐบาลนำมาใช้ในโครงการแทรกแซงฯ ถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริงหรือไม่ ซึ่งการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ย่อมมีอุปสรรคอยู่บ้างเป็นธรรมดา แต่เจรจาหารือวันนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี โดยประเด็นที่เกษตรกรเกิดความกังกลใจ คือ เดิมทีเกษตรกรแต่ละรายสามารถจำนำมันฯ ได้ในวงเงินรายละ 3.5 แสนบาท ซึ่งในที่ประชุมคณะกรรมการ คชก. มีการพูดกันว่าเกษตรกรรายย่อยนั้นอาจมีมันฯ ไม่ถึง 3.5 แสนบาท และเพื่อให้เงินกระจายไปสู่เกษตรกรรายย่อยที่แท้จริงน่าจะลดวงเงินลงเหลือ 1.5 แสนบาท แต่ทั้งนี้ต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. ก่อน จึงเกิดความเข้าใจผิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทันทีทำให้เกษตรกรออกมาชุมนุมปิดถนนกันหลายจังหวัด แต่เมื่อได้ลงมาดูพื้นที่จริงแล้วก็ทราบว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะคงวงเงินเดิมไว้ที่รายละ 3.5 แสนบาท ซึ่งจะนำเสนอเข้า ครม.ต่อไป
ประเด็นที่ 2 คือ ขยายปริมาณการรับจำนำมันสำปะหลังจากที่กำหนดไว้เดิม 5 ล้านตันทั่วประเทศ เป็น 10 ล้านตันทั่วประเทศ ซึ่งได้รับปากที่จะนำเสนอต่อ ครม.เช่นกันและเชื่อว่าน่าจะไม่มีปัญหา หากเกษตรกรให้ความมั่นใจได้ว่าเป็นเกษตรกรตัวจริง และวันนี้ได้ขอร้องไปว่า ให้ช่วยดูกันแลอย่าให้มีการสวมสิทธิ์ และจะไปดูอีกหลายขบวนการเพื่อไม่ให้มีการเร่งรัดขุดมันฯ ออกมาโดยไม่มีความจำเป็น
สำหรับปัญหาที่เกษตรกรได้รับเงินช้า หลังนำมันฯ เข้าจำนำกับโครงการฯ แล้วนั้น คงต้องรออีกประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ผ่านที่ประชุม ครม.ก่อน คาดว่าวันพุธที่ 18 ก.พ. นี้เกษตรกรจะได้รับเงินอย่างแน่นอน
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนผู้ประกอบการโรงแป้งมัน ลานมันฯ และคลังสินค้า ที่เข้าร่วมโครงการตั้งเดือน พ.ย.เป็นต้นแต่ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างแปรสภาพ ค่าขนส่ง และค่าเช่าเก็บสินค้า จนกำลังประสบปัญหาสภาพคล่อง นั้น จะนำเข้าที่ประชุม ครม.เช่นกัน หลังจากนี้คาดว่าจะได้รับเงินทั้งหมดเพราะรัฐบาลเห็นใจทุกฝ่าย
“ การชุมนุมปิดถนนไม่ควรจะมีอีก เพราะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนคนอื่น หากมีปัญหาอะไรก็ให้เกษตรกร หรือผู้ประกอบการ สายตรงมาถึงผมได้เลย จะวิ่งออกมาพบพูดคุยกันเหมือนวันนี้” นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว
ด้านนายธีระชาติ เสือกระโทก เลขาธิการและผู้ประสานงานสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การหารือกับ รองนายกรัฐมนตรีและประธาน คชก. ในวันนี้เป็นไปด้วยดี โดยทางรองนายกรัฐมนตรีได้รับปากที่จะนำปัญหาต่างๆ ของเกษตรกรเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 17 ก.พ.นี้ ซึ่งตนและแกนนำเกษตรกรจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อสมาชิกเกษตรกรที่ชุมนุมรออยู่ที่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา และ พื้นที่อื่นๆ ให้ยุติไว้ก่อน
“จากนี้ไหจนถึงวันอังคารที่ 17 ก.พ. นี้ เกษตรกรผู้ปลูกมันฯ จะไม่มีการชุมนุมปิดถนน ทั้งนี้เพื่อรอฟังคำตอบจากรัฐบาลว่าจะทำตามที่รับปากไว้หรือไม่ หาก ครม. มีมติออกมาอย่างไร ทางกลุ่มเกษตรกรภาคอีสานจะมีการหารือกันอีกครั้ง และหากไม่ได้ตามที่เสนอไปก็จะนัดชุมนุมใหญ่ต่อไป” นายธีระชาติ กล่าว
