00 ไม่ว่าวันที่ฝ่าย “คนเสื้อแดง” ในสังกัดของ นักโทษชาย“ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศดีเดย์ชุมนุมใหญ่อีกรอบจะเป็นวันไหนก็ตาม แต่แพลมๆออกมาบ้างแล้วว่า อาจจะเป็นวันที่ 9 เมษายน หลังงานกาชาดนั่นก็หมายความว่า เป็นสัญญาณเพิ่มแรงกดดันให้ถึงขีดสุด เพื่อให้ตัวเองไปถึง “เป้าหมาย” ให้มากที่สุด กำลังถูกเร่งให้ “ปิดเกม”แล้ว
00 ขณะเดียวกันถ้าให้พูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่า การชุมนุมของเสื้อแดงคราวนี้ถือว่า “จุดติด” ขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่ายังไม่ใช่ลักษณะ“พรึบพรับ” พร้อมกันทั่วประเทศก็ตาม แต่ถ้าฝ่ายรัฐบาล-ความมั่นคง รวมทั้งกองทัพยัง “ดูเบา” แก้ปัญหาแบบวิธีโบราณ เน้นตั้งรับ หรือเชื่อว่านานไปจะฝ่อเองนั้น ระวังประเมินผิด จะเสียใจกันทั้งชาติ
00 แต่ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความหวัง ใจชื้นขึ้นมาบ้างกับความตื่นตัวของพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากปล่อยให้ “นักโทษ” ตัวเอ้ โฟนอินเข้ามา“ปลุกระดม” สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมืองอยู่พักใหญ่ ล่าสุดบรรดาระดับอาวุโส “อ่านเกมขาด” อย่าง “นายหัว” ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รุมเฉ่งรัฐมนตรีอ่อนหัดกันยกใหญ่
00 หลายคนบ่นอึดอัดเต็มทีกับความ “ไม่เอาไหน” หรือขอให้ได้เป็นรัฐมนตรีก็มีความสุข หลงใหลเคลิบเคลิ้มไปกับน้ำลาย คำป้อยอของข้าราชการเขี้ยวลากดิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานนี้คนที่อ่วมก็คือ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” โทษฐานที่คุมสื่อรัฐในมือ แต่กลับไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์กับรัฐบาล
00 ได้ฟังรายงานข่าวออกมาจากที่ประชุม แม้ยังสรุปไม่ได้ว่าจริงเท็จแค่ไหนที่เสนอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรู้จักแก้ปัญหา รู้จักตอบโต้ อย่างน้อยวิธีเก่าอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อสถาบันองคมนตรีหรือบุคคลสำคัญถูกกล่าวพาดพิงโจมตี อย่างน้อยๆ ก็น่าจะตื่นตัวจัดรายการพิเศษขึ้นมาแล้วเชิญนักวิชาการที่รู้ทัน มีกึ๋น และพร้อมจะตอบโต้มาออกรายการ หรือใช้รายการที่มีอยู่แล้วในช่องทีวีของรัฐเชิญไปพูด ไปชี้แจง ก็น่าจะทำได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ทำ
00 เวลานี้หลายคนคงรำคาญไม่หายกับคำพูดของ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่รับผิดชอบความมั่นคง ย้ำอยู่คำเดิมว่าให้ชาวบ้านใช้วิจารณญาณ แม้หลักการจะถูก เคารพใน ความคิด ชาวบ้าน แต่ตราบใดที่ข้อมูลถูกบิดเบือน ปิดบัง ชาวบ้านเหล่านั้นก็ไม่มีทางรู้เช่นเห็นชาตินักการเมืองชั่วได้หรอก และก็ไม่ใช้วิจารณญาณข้างเดียวนี่ไงที่ทำให้ม็อบแดงจนเต็มหน้าทำเนียบฯ และบ้านเมืองถึงได้วิกฤตกันขนาดนี้ไง !!
00 ขณะเดียวกันถ้าให้พูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่า การชุมนุมของเสื้อแดงคราวนี้ถือว่า “จุดติด” ขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่ายังไม่ใช่ลักษณะ“พรึบพรับ” พร้อมกันทั่วประเทศก็ตาม แต่ถ้าฝ่ายรัฐบาล-ความมั่นคง รวมทั้งกองทัพยัง “ดูเบา” แก้ปัญหาแบบวิธีโบราณ เน้นตั้งรับ หรือเชื่อว่านานไปจะฝ่อเองนั้น ระวังประเมินผิด จะเสียใจกันทั้งชาติ
00 แต่ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความหวัง ใจชื้นขึ้นมาบ้างกับความตื่นตัวของพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากปล่อยให้ “นักโทษ” ตัวเอ้ โฟนอินเข้ามา“ปลุกระดม” สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมืองอยู่พักใหญ่ ล่าสุดบรรดาระดับอาวุโส “อ่านเกมขาด” อย่าง “นายหัว” ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รุมเฉ่งรัฐมนตรีอ่อนหัดกันยกใหญ่
00 หลายคนบ่นอึดอัดเต็มทีกับความ “ไม่เอาไหน” หรือขอให้ได้เป็นรัฐมนตรีก็มีความสุข หลงใหลเคลิบเคลิ้มไปกับน้ำลาย คำป้อยอของข้าราชการเขี้ยวลากดิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานนี้คนที่อ่วมก็คือ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” โทษฐานที่คุมสื่อรัฐในมือ แต่กลับไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์กับรัฐบาล
00 ได้ฟังรายงานข่าวออกมาจากที่ประชุม แม้ยังสรุปไม่ได้ว่าจริงเท็จแค่ไหนที่เสนอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรู้จักแก้ปัญหา รู้จักตอบโต้ อย่างน้อยวิธีเก่าอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อสถาบันองคมนตรีหรือบุคคลสำคัญถูกกล่าวพาดพิงโจมตี อย่างน้อยๆ ก็น่าจะตื่นตัวจัดรายการพิเศษขึ้นมาแล้วเชิญนักวิชาการที่รู้ทัน มีกึ๋น และพร้อมจะตอบโต้มาออกรายการ หรือใช้รายการที่มีอยู่แล้วในช่องทีวีของรัฐเชิญไปพูด ไปชี้แจง ก็น่าจะทำได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ทำ
00 เวลานี้หลายคนคงรำคาญไม่หายกับคำพูดของ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่รับผิดชอบความมั่นคง ย้ำอยู่คำเดิมว่าให้ชาวบ้านใช้วิจารณญาณ แม้หลักการจะถูก เคารพใน ความคิด ชาวบ้าน แต่ตราบใดที่ข้อมูลถูกบิดเบือน ปิดบัง ชาวบ้านเหล่านั้นก็ไม่มีทางรู้เช่นเห็นชาตินักการเมืองชั่วได้หรอก และก็ไม่ใช้วิจารณญาณข้างเดียวนี่ไงที่ทำให้ม็อบแดงจนเต็มหน้าทำเนียบฯ และบ้านเมืองถึงได้วิกฤตกันขนาดนี้ไง !!