“ชวน” เผย “เทพเทือก” เตรียมข้อมูลแจงกกต. ข้อหาเงินเข้าพรรค 258 ล้าน หลัง “เฉลิม” เล็งยื่นให้สอบ จวกดีเอสไอ เลือกข้างตั้งแต่สมัยเป็นฝ่ายค้าน หนุนบูรณาการกระทรวงยุติธรรม ตรวจแถวข้าราชการในกระทรวง ชี้ทำให้เห็นชัดระบอบทักษิณยังฝังตัวอยู่ทุกที่
วันนี้(24 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ประกาศจะยื่นต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีเงินบริจาคเข้าพรรคจำนวน 258 ล้านบาทไม่ถูกต้องกฎหมายว่า กระบวนการตรวจสอบเป็นเรื่องธรรมดา ถ้ามีร่องรอยมีเหตุผลมีหลักฐานอะไรที่เห็นว่าพรรคการเมืองใดกระทำผิด ดังนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก็เป็นหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกกล่าวหาจะได้ชี้แจงต่อไป หากข้อกล่าวหานั้นเกิดขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่เกิด เป็นเพียงข้อครหาจากการไม่ไว้วางใจเท่านั้น พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่อยู่ใต้กฎหมายเหมือนพรรคอื่น ถ้ามีประเด็นอะไรที่คิดว่าพรรคทำไม่ถูกต้อง ก็มีสิทธิ์ที่กกต.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบต่อไป ไม่มีอะไรต้องไปกังวล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเทียบเคียงกับในอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์เคยถูกร้องเรียนกรณียุบพรรค ตอนไหนหนักกว่ากัน ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตอนที่พรรคไทยรักไทยร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเรื่องที่รู้อยู่ว่าไม่มีเหตุผล เป็นลักษณะการกล่าวหาและสร้างหลักฐานขึ้นมา แต่ก็เป็นภาระที่ทำให้พรรคต้องชี้แจงและมีการสู้คดีในตุลาการรัฐธรรมนูญ และก็ได้รับความเป็นธรรมจากตุลาการรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เพราะมีการตรวจสอบพวกเราอย่างละเอียด แต่พยานที่บิดเบือนก็ปรากฏหลักฐานมาหมดในการซักพยานในศาลว่ามีการสมคบร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้เตรียมข้อมูลชี้แจงต่อกกต.อย่างไร นายชวน กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ คงเตรียมอยู่แล้ว และตนก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือพูดคุยกับนายสุเทพ แต่ได้ฟังการอภิปรายฯในสภา โดยได้ฟังนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลังและอดีตเลขาธิการพรรค กับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคและอดีตหัวหน้าพรรค รวมทั้งคนอื่น ๆ อภิปรายฯชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ชี้แจงได้ดีทุกเรื่อง ไม่คิดว่าใครจะทำได้ถึงขนาดนี้ ดังนั้นจึงไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรก็ขอให้รอดูว่า ฝ่ายค้านยังติดใจเรื่องนี้ที่จะร้องเรียนตามที่ประกาศไว้ก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้โดยชอบธรรม เป็นหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องชี้แจงต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า สงสัยหรือไม่ว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านอภิปรายมาจากดีเอสไอ. นายชวน กล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ถ้าถามความรู้สึกก็เชื่อว่าออกมาจากเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่เป็นไร สิ่งที่ต้องดูก็คือระเบียบวินัยของเจ้าหน้าที่จะต้องทำอย่างไร ส่วนเรื่องข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรอย่าไปบิดเบือนก็แล้วกัน
ถามต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รู้ว่าดีเอสไอกำลังเลือกข้างใช่หรือไม่ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความจริงรู้มาตั้งแต่ต้น ช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านแล้วว่าเจ้าหน้าที่ในดีเอสไอ หรือหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม มีทั้งคนที่ซื่อตรงและไม่ซื่อตรงประกอบกันอยู่ และดีเอสไอก็ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ก็มีคนดีและคนประเภทที่ไม่ซื่อตรงก็เป็นที่รู้กัน ดังนั้นคนที่ไม่ซื่อตรงก็สามารถทำบางอย่างที่ไม่ถูกต้องได้
“ผมเห็นด้วยกับการที่เคยมีคนเสนอให้กระทรวงยุติธรรมบูรณาการ กรมต่าง ๆ ภายในกระทรวง และจะตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ไม่ได้สอบเพื่อปกป้องพรรคการเมือง หรือลงโทษพรรคการเมือง แต่สอบเพื่อให้รู้ว่ากระบวนการทำงานของดีเอสไอนั้น มีอะไรที่ต้องระมัดระวัง ว่าทำอะไรถูกหรือผิด ต่อระเบียบวินัยของข้าราชการหรือไม่ ควรจะสอบเรื่องนั้นไม่ใช่สอบว่าข้อเท็จจริงรั่วไปแล้ว จะเสียหายหรือไม่เสียหายกับใคร แต่สอบการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าจะต้องยึดหลักอะไร เหตุที่เกิดขึ้นใครเป็นผู้ละเมิดกฎเกณฑ์ดังกล่าว” นายชวน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าระบอบทักษิณ ยังมีอยู่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้วเรื่องนี้คงไม่ใช่ที่จะทำให้หมดไปให้หมดไปง่าย ๆ เพียงแค่ 3 เดือน ความจริงเราเคยเสนอหลาย ครั้งสมัยที่มีการยึดอำนาจว่าต้องพยายามให้ความจริงกับประชาชน อย่าไปบิดเบือนหรือให้ร้ายใคร ขอให้เอาความจริงมาบอกว่าบ้านเมืองกำลังเกิดอะไรขึ้น และข้าราชการนั้นจะเห็นว่าข้าราชการในกระทรวงต่าง ๆ หลายคนก็โดนเรื่องถูกสอบย้อนหลัง ก็เป็นข้อเตือนใจของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายว่าในการปฏิบัติงานในหน้าที่ต้องยึดความเที่ยงตรง ชอบธรรม ซึ่งจะช่วยปกป้องตัวเองไว้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายชวน เคยระบุว่าอย่าประมาทเงินของพ.ต.ท.ทักษิณ พฤติกรรมเหล่านี้ปรากฏให้เห็นแล้วใช่หรือไม่ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่ารัฐบาลก็มีหน้าที่ติดตามและให้ความจริงกับประชาชนในสิ่งที่ไม่มีอะไรไปกว่าการยึดความถูกต้องของบ้านเมืองเอาไว้