ASTVผู้จัดการรายวัน-"ระนองรักษ์"จนปัญญาสกัดวิดีโอลิงค์ทักษิณ อ้างส่งผ่านดาวเทียม มีวิธีเดียวคือต้องคว่ำจานรับสัญญาน แถมบอกไม่มีอำนาจตรวจสอบวีดีโอลิงค์ทักษิณ ทั้งยังปิดกั้นยาก โบ้ยเป็นหน้าที่กทช. เพราะเป็นผู้กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม ขณะที่วงในโทรคมนาคมระบุไอซีทีไม่ควรปัดความรับผิดชอบ เพราะมีหน้าที่ดูแล กสท ผู้ให้บริการเกตเวย์ใหญ่ของประเทศ
ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวถึงการแผร่ภาพวีดีโอลิงค์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นการถ่ายทอดสัญญาณผ่านดาวเทียม เนื่องจากมีความคมชัดมากกว่าการแผร่ภาพผ่านอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะการเช่าช่องสัญญาณจากดาวเทียมต่างประเทศ เช่นประเทศจีน การเช็คหาพิกัดดาวเทียมที่แผร่ภาพเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ซึ่งไอซีที จนปัญญาที่จะตรวจสอบ นอกจากคว่ำจานรับสัญญาณดาวเทียมโอบี สกัดกั้นการแผร่ภาพ เพราะบริเวณที่ชุมนุม มีรถจานโอบีรับสัญญาณจำนวนมาก
ทั้งนี้หากการแผร่ภาพดังกล่าวทำผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ยอมรับว่าเป็นหน้าที่ของไอซีที 10,000 % .ในการตรวจสอบ โดยที่ผ่านมาไอซีที ได้ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการอินเตอร์เน็ตรายย่อย และผู้ให้บริการเกตเวย์ระหว่างประเทศ สกัดกั้น และปิดคลิปวีดีของพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างต่อเนื่อง
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวง ไอซีที กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องควบคุมลำบาก เนื่องจากปัจจุบันช่องทางเปิดกว้างขึ้น เกตเวย์ต่างประเทศมีจำนวนมากขึ้น ไม่จำกัดแค่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) เพียงรายเดียว มีผู้ให้บริการทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนรวมแล้วกว่า10 ราย และหากเป็นการถ่ายทอดผ่านดาวเทียม ก็สามารถดำเนินการปิดกั้นได้ยาก
อย่างไรก็ดี ตามความเห็นหลายฝ่ายที่ระบุออกมามองว่ากรณีดังกล่าวคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กทช.) สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นผู้ออกใบอนุญาต ส่วนกระทรวงไอซีที ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ แต่ถ้าหากการดำเนินการดังกล่าวทำผ่านเกตเวย์ของ กสท และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)ก็ขอความร่วมมือตรวจสอบได้
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมรายหนึ่งเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันที โดยใช้ พ.ร.บ.เกี่ยวกับความมั่นคงสั่งการ นอกจากนี้มองว่ากระทรวงไอซีที ก็เป็นอีกหน่วยงานที่เป็นด่านแรกในการจัดการแก้ไขนี้ ซึ่งจากการที่กระทรวงอ้างว่าไม่มีอำนาจนั้น ถือเป็นการปัดความรับผิดชอบ
ทั้งนี้เนื่องจากกระทรวงไอซีที เป็นหน่วยงานที่ดูและ กสท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเกตเวย์ต่างประเทศรายใหญ่ รวมถึงเป็นเจ้าของสัมปทานดาวเทียมด้วย และในกรณีนี้ หากกระทรวงไอซีที คิดว่าเป็นกรณีเกี่ยวกับความมั่นคงก็ควรจัดการได้แล้ว เพราะกระทรวงไอซีที เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล
ด้านแหล่งข่าวจาก บริษัทไทยคม จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า แม้จะมีการยืนยันว่า วีดีโอลิงค์ดังกล่าวเป็นการยิงสัญญาผ่านดาวเทียม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มาจากการแผร่ภาพของดาวเทียมไทยคม ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ยืนยันว่าไม่ได้ทำผ่านช่องสัญญาณของบริษัท อย่างไรก็ตามไทยคม ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและมอนิเตอร์ตลอด ถึงแม้รัฐบาลไม่ได้มีคำสั่งให้บริษัทเข้ามาดูแล
สำหรับการทำวีดีโอลิงค์มี 4 วิธี คือ 1. ยิงสัญญาณโดยตรงจากดาวเทียมและแพร่ภาพ 2. ยิงสัญญาณผ่านเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ซึ่งต้องผ่านเกตเวย์ และปรากฏออกทางโปรเจกเตอร์ 3. ผ่านโครงข่าย 3G เพราะปัจจุบันต่างประเทศได้ให้บริการเทคโนโลยี 3G แล้ว ซึ่งภาพและเสียงจะคมชัดเหมือนวีดีโอ 4. แพร่ภาพผ่านเว็บwww.youtube.com บริษัทเป็นผู้ให้เช่าช่องสัญญาณ ซึ่งเนื้อหาที่ลูกค้าให้บริการบริษัทไม่สามารถเข้าไปดักสัญญาณได้
ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวถึงการแผร่ภาพวีดีโอลิงค์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นการถ่ายทอดสัญญาณผ่านดาวเทียม เนื่องจากมีความคมชัดมากกว่าการแผร่ภาพผ่านอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะการเช่าช่องสัญญาณจากดาวเทียมต่างประเทศ เช่นประเทศจีน การเช็คหาพิกัดดาวเทียมที่แผร่ภาพเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ซึ่งไอซีที จนปัญญาที่จะตรวจสอบ นอกจากคว่ำจานรับสัญญาณดาวเทียมโอบี สกัดกั้นการแผร่ภาพ เพราะบริเวณที่ชุมนุม มีรถจานโอบีรับสัญญาณจำนวนมาก
ทั้งนี้หากการแผร่ภาพดังกล่าวทำผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ยอมรับว่าเป็นหน้าที่ของไอซีที 10,000 % .ในการตรวจสอบ โดยที่ผ่านมาไอซีที ได้ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการอินเตอร์เน็ตรายย่อย และผู้ให้บริการเกตเวย์ระหว่างประเทศ สกัดกั้น และปิดคลิปวีดีของพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างต่อเนื่อง
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวง ไอซีที กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องควบคุมลำบาก เนื่องจากปัจจุบันช่องทางเปิดกว้างขึ้น เกตเวย์ต่างประเทศมีจำนวนมากขึ้น ไม่จำกัดแค่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) เพียงรายเดียว มีผู้ให้บริการทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนรวมแล้วกว่า10 ราย และหากเป็นการถ่ายทอดผ่านดาวเทียม ก็สามารถดำเนินการปิดกั้นได้ยาก
อย่างไรก็ดี ตามความเห็นหลายฝ่ายที่ระบุออกมามองว่ากรณีดังกล่าวคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กทช.) สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นผู้ออกใบอนุญาต ส่วนกระทรวงไอซีที ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ แต่ถ้าหากการดำเนินการดังกล่าวทำผ่านเกตเวย์ของ กสท และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)ก็ขอความร่วมมือตรวจสอบได้
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมรายหนึ่งเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันที โดยใช้ พ.ร.บ.เกี่ยวกับความมั่นคงสั่งการ นอกจากนี้มองว่ากระทรวงไอซีที ก็เป็นอีกหน่วยงานที่เป็นด่านแรกในการจัดการแก้ไขนี้ ซึ่งจากการที่กระทรวงอ้างว่าไม่มีอำนาจนั้น ถือเป็นการปัดความรับผิดชอบ
ทั้งนี้เนื่องจากกระทรวงไอซีที เป็นหน่วยงานที่ดูและ กสท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเกตเวย์ต่างประเทศรายใหญ่ รวมถึงเป็นเจ้าของสัมปทานดาวเทียมด้วย และในกรณีนี้ หากกระทรวงไอซีที คิดว่าเป็นกรณีเกี่ยวกับความมั่นคงก็ควรจัดการได้แล้ว เพราะกระทรวงไอซีที เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล
ด้านแหล่งข่าวจาก บริษัทไทยคม จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า แม้จะมีการยืนยันว่า วีดีโอลิงค์ดังกล่าวเป็นการยิงสัญญาผ่านดาวเทียม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มาจากการแผร่ภาพของดาวเทียมไทยคม ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ยืนยันว่าไม่ได้ทำผ่านช่องสัญญาณของบริษัท อย่างไรก็ตามไทยคม ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและมอนิเตอร์ตลอด ถึงแม้รัฐบาลไม่ได้มีคำสั่งให้บริษัทเข้ามาดูแล
สำหรับการทำวีดีโอลิงค์มี 4 วิธี คือ 1. ยิงสัญญาณโดยตรงจากดาวเทียมและแพร่ภาพ 2. ยิงสัญญาณผ่านเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ซึ่งต้องผ่านเกตเวย์ และปรากฏออกทางโปรเจกเตอร์ 3. ผ่านโครงข่าย 3G เพราะปัจจุบันต่างประเทศได้ให้บริการเทคโนโลยี 3G แล้ว ซึ่งภาพและเสียงจะคมชัดเหมือนวีดีโอ 4. แพร่ภาพผ่านเว็บwww.youtube.com บริษัทเป็นผู้ให้เช่าช่องสัญญาณ ซึ่งเนื้อหาที่ลูกค้าให้บริการบริษัทไม่สามารถเข้าไปดักสัญญาณได้
