ASTVผู้จัดการรายวัน - เปิดมุมมองลงทุน "คอมมอดิตี" ผู้จัดการกองทุนประสานเสียง เชียร์ลงทุน "ทองคำ-น้ำมัน" เหตุได้ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน แนะหากมีมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ไปอีก "ทองคำ" น่าสนใจ แต่หากมองว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นเร็ว ลงทุน "น้ำมัน" รับโอกาสราคาดีดตัวได้
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) ว่า ในขณะนี้ การลงทุนในคอมมอดิตีเริ่มเห็นสัญญาณกลับมาบ้างแล้ว หลังจากไหลออกไปจากความกังวลจากวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในทองคำ ที่เห็นชัดเจนที่สุด แต่อาจจะยังไม่เยอะเท่ากับอดีตที่ผ่านมา เพราะกองทุนเก็งกำไรที่มีอยู่ทั่วโลกปิดตัวไปหลายกองทุนพอสมควร ในขณะที่การลงทุนในน้ำมันเอง ขณะนี้ยังเห็นสัญญาณไม่เยอะมากนัก
ทั้งนี้ การลงทุนทั้งทองคำและน้ำมันเอง เป็นการลงทุนที่น่าสนใจ ในส่วนของราคาน้ำมันเอง ที่ผ่านมาลดลงไปอยู่ที่ระดับ 38-40 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าลงไปใกล้กับต้นทุนแล้ว ดังนั้น โอกาสที่จะปรับขึ้นจึงมีมากกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกว่าจะฟื้นตัวได้เร็ว หรือว่ามีความต้องการจากประเทศเกิดใหม่มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ราคาน้ำมันคงมีการเคลื่อนไหวเป็นช่วงๆ เนื่องจากยังคงได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดีอยู่ต่อเนื่อง
สำหรับการลงทุนในทองคำนั้น การที่เศรษฐกิจโลกยังส่งสัญญาณไม่ดีอยู่ ทองคำจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น โดยในระยะยาวยังมีปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำยังสูงต่อไปอีก โดยเฉพาะจากความพยายามในการอัดฉีดเงินเข้าระบบของธนาคารกลางสหรัฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความพยายามดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า เมื่อเศรษฐกิจนิ่งแล้ว อาจจะมีปัญหาเงินเฟ้อตามมาได้ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงไปอีก และเมื่อถึงเวลานั้น ทองคำก็จะเป็นการลงทุนที่น่าสนใจที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้
"ในระยะสั้น ปัจจัยที่สนับสนุนการลงทุนในทองคำคือ ความเสี่ยงของเศรฐกิจโลก ส่วนในระยะยาวคือ นักลงทุนกลัวปัญหาเงินเฟ้อในอนาคต หลังจากนั้นก็จะวิ่งเข้าหาทองคำ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ราคาจะวิ่งไปไกลแค่ไหน ต้องพิจารณาดูว่าหลังจากนี้ จะมีข่าวอะไรออกมาอีกบ้าง ซึ่งอาจมีผลให้ราคาแกว่งตัวได้เช่นกัน"นายประเสริฐกล่าว
นายประเสริฐกล่าวว่า ผู้ลงทุนที่จะลงทุนทั้งในทองคำและน้ำมันเอง ต้องติดตามข่าวสารและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งโดยภาพรวมแล้วคงต้องหาโอกาสและจับจังหวะเพื่อทำกำไร เพราะพื้นฐานยังไม่นิ่งและมีโอกาสปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมา ราคาคอมมอดิตีลงมาค่อนข้างเยอะจนทำให้ถึงจุดหนึ่งมีความน่าสนใจ ดังนั้น หากเห็นว่าราค่าปรับขึ้นมาพอสมควร ก็ควรขายทำกำไร แต่ถ้าเรามีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน และติดตามข่าวสารมากขึ้น ก็จะเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงในระยะยาวเช่นกัน เพราะถึงจุดหนึ่งเศรษฐกิจในระยะยาวย่อมมีการฟื้นตัวอยู่แล้ว
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยเอง มีกองทุนที่ลงทุนในทองคำอยู่แล้ว นั่นคือ กองทุนเปิดเค โกลด์ ส่วนกองทุนที่จะลงทุนในน้ำมันนั้น ขณะนี้ก็กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเช่นกัน
นายสาห์รัฐ ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุนธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า เราค่อนข้างให้ความสนใจลงทุนในทองคำและน้ำมัน เพราะทั้ง 2 แอสเซทคลาสมีความสัมพันธ์กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะอ่อนค่าลงในอนาคต ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจย่ำแย่ อัตราดอกเบี้ยต่ำ และยังมีการอัดฉัดสภาพคล่องเข้าระบบอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ความกังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อในอนาคต จะกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนค่าลงไปอีก
ทั้งนี้ ในส่วนของน้ำมันเอง มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียจะฟื้นตัวได้ก่อนกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งการที่กลุ่มประเทศในเอเชียมีปัญหาสถาบันการเงินค่อนข้างน้อย เศรษฐกิจจึงน่าจะฟื้นตัวได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2552 และไตรมาส 1 ของปี 2553 ดังนั้น ราคาคอมมอดิตีเอง จึงน่าจะตอบรับข่าวดังกล่าวล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือน ซึ่งในขณะนี้เองเริ่มสะท้อนแล้วว่าเศรษฐกิจไม่น่าจะแย่ไปมากกว่านี้
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในทองคำ ต้องบอกว่าระยะกลางและระยาว การลงทุนในทองคำยังดีอยู่ เพราะถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว กลุ่มประเทศเอเชียก็จะเป็นกลุ่มประเทศที่มีการบริโภคทองคำสูงขึ้น เนื่องจากเวลล์ที่มีสูงกว่า ในขณะที่จีนเอง มีเงินสำรองสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุด มีการออกมาพูดว่าไม่มั่นใจตอ่สถานการณ์ของค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะเห็นการโยกเงินจากการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ ไปถือครองทองคำมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเอง ก็เห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว
"การจะเลือกลงทุนในทองคำหรือน้ำมันนั้น ต้องมีมุมมองต่อเศรษฐกิจก่อน ถ้ามองว่าเศรษฐกิจโลกจะยังแย่อยู่ การลงทุนในทองคำก็น่าสนใจ แต่ถ้าเรามีมุมมองว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น ในอนาคตราคาน้ำมันก็จะปรับขึ้นได้ ซึ่งโอกาสที่ราคาน้ำมันเองจะลงไปต่ำกว่า 40 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มีค่อนข้างน้อย เนื่องจากต้นทุนอยู่ในระดับนี้อยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มโอเปกเอง ก็มีเป้าหมายที่จะดันราคาน้ำมันขยับขึ้นไปที่ 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล""นายสาห์รัฐกล่าว
ปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้ มีกองทุนที่ลงทุนในน้ำมันด้วยเช่นกัน นั่นคือ กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์ ซึ่งลงทุนในกองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (New York Stock Exchange, NYSE) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI)
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. อยุธยา กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในทองคำ มีการคาดการณ์ที่ชัดเจนว่าราคามีโอกาสปรับขึ้นไปทำนิวไฮด์ได้อีกครั้ง ส่วนหนึ่งเกิดจากความกังวลว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง จึงทำให้มีความต้องการสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวเงินเฟ้อ หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวในอนาคต ทำให้การลงทุนในทองคำได้รับความสนใจและเป็นปัจจัยผลักดันในราคาปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็มีความกังวลว่าหากเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว และผู้ลงทุนสามารรถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น นักลงทุนอาจจะหันไปลงทุนในหุ้นมากขึ้น แล้วลดการลงทุนในทองคำลง
สำหรับการลงทุนในน้ำมัน จากการติดตามดูราคาซื้อขายในตลาดล่วงหน้า ราคาปรับขึ้นไปที่ระดับ 60-70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว ซึ่งแม้ว่าราคาจะไม่สูงมากนัก แต่ถ้าเทียบจากราคา 30 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก็ถือว่าสูงพอสมควร ดังนั้น การที่ราคาน้ำมันมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ถ้ามีความต้องการเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่ ราคาก็มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม มองว่าทองคำ มีปัจจัยสนับสนุนที่ค่อนข้างเยอะกว่า โดยเฉพาะหากธนาคารกลางทั่วโลก หันมาถือครองทองคำแทนเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ก็อาจจะทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นไปสูงกว่าราคานิวไฮด์ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ค่าเงินดอลลาร์เองก็จะอ่อนค่าลงเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
สำหรับบลจ.อยุธยา มีแผนจะออกกองทุนที่ลงทุนในน้ำมันเช่นกัน โดยจะออกมาในลักษณะของกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ หรือกองทุนปิดที่มีการกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน ส่วนจะออกได้เมื่อไหร่นั้น คงต้องรอจังหวะที่ราคาปรับลดลงมาอีก อย่างน้อยโอกาสที่ราคาจะปรับลงก็มีน้อยลงด้วย ซึ่งอายุของการลงทุนนั้น เบื้องต้นก็น่าจะอยู่ที่ 2-3 ปี และตั้งเป้าผลตอบแทนประมาณ 15-20%
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) ว่า ในขณะนี้ การลงทุนในคอมมอดิตีเริ่มเห็นสัญญาณกลับมาบ้างแล้ว หลังจากไหลออกไปจากความกังวลจากวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในทองคำ ที่เห็นชัดเจนที่สุด แต่อาจจะยังไม่เยอะเท่ากับอดีตที่ผ่านมา เพราะกองทุนเก็งกำไรที่มีอยู่ทั่วโลกปิดตัวไปหลายกองทุนพอสมควร ในขณะที่การลงทุนในน้ำมันเอง ขณะนี้ยังเห็นสัญญาณไม่เยอะมากนัก
ทั้งนี้ การลงทุนทั้งทองคำและน้ำมันเอง เป็นการลงทุนที่น่าสนใจ ในส่วนของราคาน้ำมันเอง ที่ผ่านมาลดลงไปอยู่ที่ระดับ 38-40 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าลงไปใกล้กับต้นทุนแล้ว ดังนั้น โอกาสที่จะปรับขึ้นจึงมีมากกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกว่าจะฟื้นตัวได้เร็ว หรือว่ามีความต้องการจากประเทศเกิดใหม่มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ราคาน้ำมันคงมีการเคลื่อนไหวเป็นช่วงๆ เนื่องจากยังคงได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดีอยู่ต่อเนื่อง
สำหรับการลงทุนในทองคำนั้น การที่เศรษฐกิจโลกยังส่งสัญญาณไม่ดีอยู่ ทองคำจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น โดยในระยะยาวยังมีปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำยังสูงต่อไปอีก โดยเฉพาะจากความพยายามในการอัดฉีดเงินเข้าระบบของธนาคารกลางสหรัฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความพยายามดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า เมื่อเศรษฐกิจนิ่งแล้ว อาจจะมีปัญหาเงินเฟ้อตามมาได้ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงไปอีก และเมื่อถึงเวลานั้น ทองคำก็จะเป็นการลงทุนที่น่าสนใจที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้
"ในระยะสั้น ปัจจัยที่สนับสนุนการลงทุนในทองคำคือ ความเสี่ยงของเศรฐกิจโลก ส่วนในระยะยาวคือ นักลงทุนกลัวปัญหาเงินเฟ้อในอนาคต หลังจากนั้นก็จะวิ่งเข้าหาทองคำ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ราคาจะวิ่งไปไกลแค่ไหน ต้องพิจารณาดูว่าหลังจากนี้ จะมีข่าวอะไรออกมาอีกบ้าง ซึ่งอาจมีผลให้ราคาแกว่งตัวได้เช่นกัน"นายประเสริฐกล่าว
นายประเสริฐกล่าวว่า ผู้ลงทุนที่จะลงทุนทั้งในทองคำและน้ำมันเอง ต้องติดตามข่าวสารและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งโดยภาพรวมแล้วคงต้องหาโอกาสและจับจังหวะเพื่อทำกำไร เพราะพื้นฐานยังไม่นิ่งและมีโอกาสปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมา ราคาคอมมอดิตีลงมาค่อนข้างเยอะจนทำให้ถึงจุดหนึ่งมีความน่าสนใจ ดังนั้น หากเห็นว่าราค่าปรับขึ้นมาพอสมควร ก็ควรขายทำกำไร แต่ถ้าเรามีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน และติดตามข่าวสารมากขึ้น ก็จะเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงในระยะยาวเช่นกัน เพราะถึงจุดหนึ่งเศรษฐกิจในระยะยาวย่อมมีการฟื้นตัวอยู่แล้ว
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยเอง มีกองทุนที่ลงทุนในทองคำอยู่แล้ว นั่นคือ กองทุนเปิดเค โกลด์ ส่วนกองทุนที่จะลงทุนในน้ำมันนั้น ขณะนี้ก็กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเช่นกัน
นายสาห์รัฐ ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุนธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า เราค่อนข้างให้ความสนใจลงทุนในทองคำและน้ำมัน เพราะทั้ง 2 แอสเซทคลาสมีความสัมพันธ์กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะอ่อนค่าลงในอนาคต ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจย่ำแย่ อัตราดอกเบี้ยต่ำ และยังมีการอัดฉัดสภาพคล่องเข้าระบบอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ความกังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อในอนาคต จะกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนค่าลงไปอีก
ทั้งนี้ ในส่วนของน้ำมันเอง มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียจะฟื้นตัวได้ก่อนกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งการที่กลุ่มประเทศในเอเชียมีปัญหาสถาบันการเงินค่อนข้างน้อย เศรษฐกิจจึงน่าจะฟื้นตัวได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2552 และไตรมาส 1 ของปี 2553 ดังนั้น ราคาคอมมอดิตีเอง จึงน่าจะตอบรับข่าวดังกล่าวล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือน ซึ่งในขณะนี้เองเริ่มสะท้อนแล้วว่าเศรษฐกิจไม่น่าจะแย่ไปมากกว่านี้
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในทองคำ ต้องบอกว่าระยะกลางและระยาว การลงทุนในทองคำยังดีอยู่ เพราะถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว กลุ่มประเทศเอเชียก็จะเป็นกลุ่มประเทศที่มีการบริโภคทองคำสูงขึ้น เนื่องจากเวลล์ที่มีสูงกว่า ในขณะที่จีนเอง มีเงินสำรองสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุด มีการออกมาพูดว่าไม่มั่นใจตอ่สถานการณ์ของค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะเห็นการโยกเงินจากการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ ไปถือครองทองคำมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเอง ก็เห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว
"การจะเลือกลงทุนในทองคำหรือน้ำมันนั้น ต้องมีมุมมองต่อเศรษฐกิจก่อน ถ้ามองว่าเศรษฐกิจโลกจะยังแย่อยู่ การลงทุนในทองคำก็น่าสนใจ แต่ถ้าเรามีมุมมองว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น ในอนาคตราคาน้ำมันก็จะปรับขึ้นได้ ซึ่งโอกาสที่ราคาน้ำมันเองจะลงไปต่ำกว่า 40 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มีค่อนข้างน้อย เนื่องจากต้นทุนอยู่ในระดับนี้อยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มโอเปกเอง ก็มีเป้าหมายที่จะดันราคาน้ำมันขยับขึ้นไปที่ 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล""นายสาห์รัฐกล่าว
ปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้ มีกองทุนที่ลงทุนในน้ำมันด้วยเช่นกัน นั่นคือ กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์ ซึ่งลงทุนในกองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (New York Stock Exchange, NYSE) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI)
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. อยุธยา กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในทองคำ มีการคาดการณ์ที่ชัดเจนว่าราคามีโอกาสปรับขึ้นไปทำนิวไฮด์ได้อีกครั้ง ส่วนหนึ่งเกิดจากความกังวลว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง จึงทำให้มีความต้องการสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวเงินเฟ้อ หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวในอนาคต ทำให้การลงทุนในทองคำได้รับความสนใจและเป็นปัจจัยผลักดันในราคาปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็มีความกังวลว่าหากเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว และผู้ลงทุนสามารรถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น นักลงทุนอาจจะหันไปลงทุนในหุ้นมากขึ้น แล้วลดการลงทุนในทองคำลง
สำหรับการลงทุนในน้ำมัน จากการติดตามดูราคาซื้อขายในตลาดล่วงหน้า ราคาปรับขึ้นไปที่ระดับ 60-70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว ซึ่งแม้ว่าราคาจะไม่สูงมากนัก แต่ถ้าเทียบจากราคา 30 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก็ถือว่าสูงพอสมควร ดังนั้น การที่ราคาน้ำมันมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ถ้ามีความต้องการเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่ ราคาก็มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม มองว่าทองคำ มีปัจจัยสนับสนุนที่ค่อนข้างเยอะกว่า โดยเฉพาะหากธนาคารกลางทั่วโลก หันมาถือครองทองคำแทนเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ก็อาจจะทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นไปสูงกว่าราคานิวไฮด์ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ค่าเงินดอลลาร์เองก็จะอ่อนค่าลงเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
สำหรับบลจ.อยุธยา มีแผนจะออกกองทุนที่ลงทุนในน้ำมันเช่นกัน โดยจะออกมาในลักษณะของกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ หรือกองทุนปิดที่มีการกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน ส่วนจะออกได้เมื่อไหร่นั้น คงต้องรอจังหวะที่ราคาปรับลดลงมาอีก อย่างน้อยโอกาสที่ราคาจะปรับลงก็มีน้อยลงด้วย ซึ่งอายุของการลงทุนนั้น เบื้องต้นก็น่าจะอยู่ที่ 2-3 ปี และตั้งเป้าผลตอบแทนประมาณ 15-20%