สหภาพฯการบินไทยบุกปชป.เรียกร้อง"อภิสิทธิ์"สั่งชะลอการย้ายเที่ยวบิน พร้อมยื่นหนังสือร้องเรียน”โสภณ” ยันรู้ผลย้ายหรือไม่วันนี้ ขณะที่”ชัยศักดิ์”รับหน้าแทน ส่งต่อข้อมูล ชี้การย้ายเป็นเรื่องฝ่ายบริหาร เพราะเป็นบริษัทมหาชน บิ๊กการบินไทย –ทอท.และบวท.ประกาศความพร้อมรับการย้ายกลับการบินไทย จำปีคุยฟุ้งตั้งเป้ารายได้ในประเทศ 100 ล้านบาทต่อปี
วานนี้ (27 มี.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กว่า 100 คน พร้อมรถติดเครื่องขยายเสียง นำโดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้มาชุมนุมปิดถนนถนนเศรษฐศิริบริเวณหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เพื่อเรียกร้องให้ระงับการย้ายการให้บริการเที่ยวบินที่สนามบินดอนเมือง พร้อมกันนี้ นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และ นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการ สรส. พร้อมด้วยสมาชิกสหภาพการบินไทย ได้ยื่นหนังสือต่อนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อขอให้ระงับการย้ายการให้บริการเที่ยวบินที่สนามบินดอนเมืองเช่นกัน โดยมีนายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นผู้รับหนังสือแทน
นางแจ่มศรี กล่าวว่า ฝ่ายบริหารไม่บอกความจริงเรื่องตัวเลขรายได้ตลอด 2 ปีที่มีการให้บริการที่ดอนเมือง ซึ่งจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นตลอด ซึ่งยืนยันว่าการบินไทยมีกำไรในการให้บริการที่ดอนเมือง เพราะนอกจากรายได้จากการขายตั๋วที่ไม่ผ่านเอเยนต์แล้ว ยังมีรายได้จากคาร์โก้ค่อนข้างมากอีกด้วย และขณะนี้ บริษัทมีการปรับลดค่าโดยสารลงมากกว่าปกติ สูงกว่าสายการบินขนาดเล็ก
นางแจ่มศรีกล่าวว่า บริษัทจะต้องบริหารงานอย่างโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล การย้ายเที่ยวบินยังเป็นข้อโต้แย้งในสังคม และเกี่ยวกับผลดีผลเสียของบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าใช้จ่ายปีละ 648 ล้านบาท และกระทบต่อการใช้บริการของประชาชนส่วนใหญ่ ในขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิยังไม่พร้อมในการให้บริการ และยังไม่ได้รับการแก้ไขให้เหมาะสมที่จะเป็นสนามบินเดียว (Single Airport) รวมถึงการให้สายการบินต้นทุนต่ำ วันทูโก กับนกแอร์ใช้ดอนเมืองต่อไป
ด้านนายชัยศักดิ์กล่าวว่า จะรับร้องเรียนของสหภาพฯ เสนอต่อรมว.คมนาคม ตามขั้นตอน ซึ่งเชื่อว่ารมว.คมนาคมน่าจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมาชี้แจงอีกครั้งหนึ่งเพื่อความชัดเจน ส่วนการย้ายเที่ยวบินในวันที่ 29 มี.ค.นี้ก็คงจะต้องดำเนินการไป
“ความเห็นที่แตกต่างไม่ใช่ความขัดแย้งต้องเอาเหตุผลมาคุยกัน ซึ่งการย้ายเที่ยวบินของบริษัทการบินไทยนั้น คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้พิจารณาแล้วว่า หลักการรัฐบาลจะไม่ชี้นำการย้ายหรือไม่ย้าย เพราะบริษัทการบินไทย เป็นมหาชน อาจจะเป็นปัญหากับตลาดหลักทรัพย์ได้”นายชัยศักดิ์กล่าว
รู้ผลย้ายสนามบินวันนี้
เวลา 13.30 น. วานนี้ (27มี.ค.) นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพการบินไทย พร้อมตัวแทนประมาณ 7 คน ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดยนางแจ่มศรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางกระทรวงคมนาคมไม่เคยได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลประกอบการบริษัทการบินไทย จำกัด มหาชนแต่อย่างใด หากรัฐบาลมีนโยบายใช้เพียงสนามบินเดียว คือสนามบินสุวรรณภูมิก็จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ และทางบริษัทการบินไทยจะเพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้น และไม่ได้รับประโยชน์ แต่จะได้ประโยชน์กับกลุ่มทุนเท่านั้น ทางบอร์ดบริหารการบินไทยรู้สึกไม่พอใจต่อการตัดสินใจของนายโสภณ ซารัมย์ รมว. คมนาคมต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายบริหารเสนอมาต้องการจะลดต้นทุน เราได้ตั้งข้อสังเกตุไปแล้ว คิดว่าตัวบริษัทคงกำลังมีการปรับปรุงและฟื้นฟู ฉะนั้นหลังจากมีผู้บริหารชุดใหม่ คงต้องมาทบทวนดู ดังนั้นนโยบายเรื่องนี้ยังไปไม่ถึงเรื่องสนามบิน โดยเฉพาะเรื่องบริษัทการบินไทย แต่รัฐบาลได้รับเสียงสะท้อนมาแล้ว ทั้งนี้หากมีรายละเอียดตัวเลขที่ระบุมา ขอให้ส่งมาด้วยและเชื่อว่าผู้บริหารชุดใหม่ที่เข้ามาในที่สุดต้องมาตั้งต้นตรงนี้ แต่จังหวะนี้คงไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชุมพล กาญจนะ ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกไปเจรจาและรับหนังสือต่อผู้ชุมนุม พร้อมรับปากว่าจะนำหนังสือดังกล่าวให้พิจารณาโดยเร็ว แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักชุมนุมปิดถนนต่อไป จนกระทั่งเวลา 13.00 น. แกนนำของสร.กบท. ได้ประกาศว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ติดต่อประสานมาทางแกนนำ โดยระบุว่าในวันนี้ (28 มี.ค.) จะให้คำตอบว่าจะมีการย้ายบริษัทการบินไทยจากสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิหรือไม่ ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้ยอมรับเงื่อนไข และประกาศว่าจะรอฟังคำตอบจนถึงช่วงเย็น แต่หากในวันพรุ่งนี้ไม่มีการติดต่อกลับมา ก็จะมีการเคลื่อนพลครั้งใหญ่กลับมาชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ หลังจากมีการประกาศก็ได้มีการสลายการชุมนุมไปในที่สุด
3หน่วยงานการบินพร้อมย้าย
ในวันเดียวกัน ผู้บริหาร 3 หน่วยงานด้านการบิน ประกอบด้วย พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สำนักเลขานุการ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท. และพลอากาศเอกสมชาย เธียรอนันท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้ร่วมกันแถลงยืนยันว่าความพร้อมขในการย้ายเที่ยวบินมายังสนามบินสุวรรณภูมิ
โดยพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. 2552 เป็นต้นไป เที่ยวบินภายในประเทศทุกเที่ยวบินของการบินไทย จะย้ายการให้บริการจากท่าอากาศยานดอนเมือง มาทำการบินขึ้น – ลง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยการบินไทยได้จัดเตรียมความพร้อมในการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบด้วย เคาน์เตอร์เช็คอิน การขยายพื้นที่รับรองพิเศษ สำหรับกำหนดการการย้ายเที่ยวบินในวันที่ 28 มี.ค.นี้ จะมีเที่ยวบินสุดท้ายที่จะลงที่ดอนเมืองคือ ทีจี 1047 จากขอนแก่น เวลา 20.40 น. และเที่ยวบินทีจี 1124 ที่ออกจากดอนเมือง 22.15 น.ไปเชียงใหม่ ส่วนการให้บริการที่สุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า การย้ายเที่ยวบินจะทำให้เที่ยวบินในประเทศของสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นวันละ 46 เที่ยวบิน ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 8,000 คนต่อวัน ซึ่งทอท.มีความพร้อมรองรับในทุกด้าน ทั้งความปลอดภัย การตรวจบัตรโดยสารในประเทศ 36 เคาน์เตอร์ การเพิ่มรถเข็น รวมทั้งการเพิ่มเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ ซึ่งสุวรรณภูมิได้นำนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ วิทยาเขตหัวหิน ด้านการบิน 45 คน มาให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสาร นอกจากนี้ได้เตรียมรองรับทางด้านสายพานซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารขาออกได้สูงสุด 21,600 ใบต่อชม.และขาเข้า 11,700 ใบต่อชม. อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีผู้โดยสารภายในประเทศใช้บริการที่สุวรรณภูมิ 3 สายการบินคือ การบินไทย บางกอกแอร์เวย์และไทยแอร์เอเชีย ให้บริการ 160 เที่ยวบินต่อวันมีผู้โดยสารเฉลี่ย 23,464คนต่อวันเมื่อย้ายการบินไทยกลับมามีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นเป็น 206 เที่ยวต่อวันมีผู้โดยสารเฉลี่ย 31,464 คนต่อวัน
พล.อ.อ.สมชาย กล่าวว่า หลังจากย้ายเที่ยวบินไปที่สุวรรณภูมิ บวท.ได้เตรียมพร้อมการปฏิบัติงานทุกส่วนงาน รวมถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อดูแลการจราจรทางอากาศ ที่มีเที่ยวบินเพิ่มจาก 700 เป็น 750 เที่ยวบินต่อวัน และในช่วงชั่วโมงคับคั่งจาก 48เที่ยวบินต่อชม. เป็น 52 เที่ยวบินต่อชม. โดยสุวรรณภูมิจะมีรันเวย์ที่รองรับเที่ยวบินพร้อมกันได้ทั้ง 2 ทางวิ่งสูงสุด 76 เที่ยวบินต่อชั่วโมง จึงยืนยันว่าไม่มีปัญหาการจราจรทางอากาศอย่างแน่นอน
THAIคาดบินในประเทศรายได้100 ล้าน
นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า ฝ่ายการตลาดบริษํทได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากผู้โดยสารภายในประเทศ ไว้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี โดยในช่วงปี 2552 นั้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยพิจารณาจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการในขณะนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางไปภาคอีสาน ซึ่งปัจจุบันการบินไทยมียอดจองตั๋วของการบินไทยในเส้นทางภายในประเทศในวันที่ 29 มี.ค.นี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 13,507 ใบ
บางกอกแอร์เวย์สเพิ่มเที่ยวบินพนมเปญ
นางอาริญา ปราสาททองโอสถ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า สายการบินบางกอกแอร์เวย์สได้เพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางกรุงเทพฯ - พนมเปญเป็น 3 เที่ยวบินต่อวัน พร้อมเปลี่ยนชนิดเครื่องบินเป็นแอร์บัส 319 ที่มีการบริการชั้นธุรกิจ หรือ บลูริบบอนคลาส ตั้งแต่ 29 มี.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพสูงและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
วานนี้ (27 มี.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กว่า 100 คน พร้อมรถติดเครื่องขยายเสียง นำโดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้มาชุมนุมปิดถนนถนนเศรษฐศิริบริเวณหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เพื่อเรียกร้องให้ระงับการย้ายการให้บริการเที่ยวบินที่สนามบินดอนเมือง พร้อมกันนี้ นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และ นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการ สรส. พร้อมด้วยสมาชิกสหภาพการบินไทย ได้ยื่นหนังสือต่อนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อขอให้ระงับการย้ายการให้บริการเที่ยวบินที่สนามบินดอนเมืองเช่นกัน โดยมีนายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นผู้รับหนังสือแทน
นางแจ่มศรี กล่าวว่า ฝ่ายบริหารไม่บอกความจริงเรื่องตัวเลขรายได้ตลอด 2 ปีที่มีการให้บริการที่ดอนเมือง ซึ่งจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นตลอด ซึ่งยืนยันว่าการบินไทยมีกำไรในการให้บริการที่ดอนเมือง เพราะนอกจากรายได้จากการขายตั๋วที่ไม่ผ่านเอเยนต์แล้ว ยังมีรายได้จากคาร์โก้ค่อนข้างมากอีกด้วย และขณะนี้ บริษัทมีการปรับลดค่าโดยสารลงมากกว่าปกติ สูงกว่าสายการบินขนาดเล็ก
นางแจ่มศรีกล่าวว่า บริษัทจะต้องบริหารงานอย่างโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล การย้ายเที่ยวบินยังเป็นข้อโต้แย้งในสังคม และเกี่ยวกับผลดีผลเสียของบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าใช้จ่ายปีละ 648 ล้านบาท และกระทบต่อการใช้บริการของประชาชนส่วนใหญ่ ในขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิยังไม่พร้อมในการให้บริการ และยังไม่ได้รับการแก้ไขให้เหมาะสมที่จะเป็นสนามบินเดียว (Single Airport) รวมถึงการให้สายการบินต้นทุนต่ำ วันทูโก กับนกแอร์ใช้ดอนเมืองต่อไป
ด้านนายชัยศักดิ์กล่าวว่า จะรับร้องเรียนของสหภาพฯ เสนอต่อรมว.คมนาคม ตามขั้นตอน ซึ่งเชื่อว่ารมว.คมนาคมน่าจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมาชี้แจงอีกครั้งหนึ่งเพื่อความชัดเจน ส่วนการย้ายเที่ยวบินในวันที่ 29 มี.ค.นี้ก็คงจะต้องดำเนินการไป
“ความเห็นที่แตกต่างไม่ใช่ความขัดแย้งต้องเอาเหตุผลมาคุยกัน ซึ่งการย้ายเที่ยวบินของบริษัทการบินไทยนั้น คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้พิจารณาแล้วว่า หลักการรัฐบาลจะไม่ชี้นำการย้ายหรือไม่ย้าย เพราะบริษัทการบินไทย เป็นมหาชน อาจจะเป็นปัญหากับตลาดหลักทรัพย์ได้”นายชัยศักดิ์กล่าว
รู้ผลย้ายสนามบินวันนี้
เวลา 13.30 น. วานนี้ (27มี.ค.) นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพการบินไทย พร้อมตัวแทนประมาณ 7 คน ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดยนางแจ่มศรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางกระทรวงคมนาคมไม่เคยได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลประกอบการบริษัทการบินไทย จำกัด มหาชนแต่อย่างใด หากรัฐบาลมีนโยบายใช้เพียงสนามบินเดียว คือสนามบินสุวรรณภูมิก็จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ และทางบริษัทการบินไทยจะเพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้น และไม่ได้รับประโยชน์ แต่จะได้ประโยชน์กับกลุ่มทุนเท่านั้น ทางบอร์ดบริหารการบินไทยรู้สึกไม่พอใจต่อการตัดสินใจของนายโสภณ ซารัมย์ รมว. คมนาคมต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายบริหารเสนอมาต้องการจะลดต้นทุน เราได้ตั้งข้อสังเกตุไปแล้ว คิดว่าตัวบริษัทคงกำลังมีการปรับปรุงและฟื้นฟู ฉะนั้นหลังจากมีผู้บริหารชุดใหม่ คงต้องมาทบทวนดู ดังนั้นนโยบายเรื่องนี้ยังไปไม่ถึงเรื่องสนามบิน โดยเฉพาะเรื่องบริษัทการบินไทย แต่รัฐบาลได้รับเสียงสะท้อนมาแล้ว ทั้งนี้หากมีรายละเอียดตัวเลขที่ระบุมา ขอให้ส่งมาด้วยและเชื่อว่าผู้บริหารชุดใหม่ที่เข้ามาในที่สุดต้องมาตั้งต้นตรงนี้ แต่จังหวะนี้คงไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชุมพล กาญจนะ ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกไปเจรจาและรับหนังสือต่อผู้ชุมนุม พร้อมรับปากว่าจะนำหนังสือดังกล่าวให้พิจารณาโดยเร็ว แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักชุมนุมปิดถนนต่อไป จนกระทั่งเวลา 13.00 น. แกนนำของสร.กบท. ได้ประกาศว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ติดต่อประสานมาทางแกนนำ โดยระบุว่าในวันนี้ (28 มี.ค.) จะให้คำตอบว่าจะมีการย้ายบริษัทการบินไทยจากสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิหรือไม่ ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้ยอมรับเงื่อนไข และประกาศว่าจะรอฟังคำตอบจนถึงช่วงเย็น แต่หากในวันพรุ่งนี้ไม่มีการติดต่อกลับมา ก็จะมีการเคลื่อนพลครั้งใหญ่กลับมาชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ หลังจากมีการประกาศก็ได้มีการสลายการชุมนุมไปในที่สุด
3หน่วยงานการบินพร้อมย้าย
ในวันเดียวกัน ผู้บริหาร 3 หน่วยงานด้านการบิน ประกอบด้วย พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สำนักเลขานุการ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท. และพลอากาศเอกสมชาย เธียรอนันท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้ร่วมกันแถลงยืนยันว่าความพร้อมขในการย้ายเที่ยวบินมายังสนามบินสุวรรณภูมิ
โดยพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. 2552 เป็นต้นไป เที่ยวบินภายในประเทศทุกเที่ยวบินของการบินไทย จะย้ายการให้บริการจากท่าอากาศยานดอนเมือง มาทำการบินขึ้น – ลง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยการบินไทยได้จัดเตรียมความพร้อมในการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบด้วย เคาน์เตอร์เช็คอิน การขยายพื้นที่รับรองพิเศษ สำหรับกำหนดการการย้ายเที่ยวบินในวันที่ 28 มี.ค.นี้ จะมีเที่ยวบินสุดท้ายที่จะลงที่ดอนเมืองคือ ทีจี 1047 จากขอนแก่น เวลา 20.40 น. และเที่ยวบินทีจี 1124 ที่ออกจากดอนเมือง 22.15 น.ไปเชียงใหม่ ส่วนการให้บริการที่สุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า การย้ายเที่ยวบินจะทำให้เที่ยวบินในประเทศของสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นวันละ 46 เที่ยวบิน ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 8,000 คนต่อวัน ซึ่งทอท.มีความพร้อมรองรับในทุกด้าน ทั้งความปลอดภัย การตรวจบัตรโดยสารในประเทศ 36 เคาน์เตอร์ การเพิ่มรถเข็น รวมทั้งการเพิ่มเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ ซึ่งสุวรรณภูมิได้นำนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ วิทยาเขตหัวหิน ด้านการบิน 45 คน มาให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสาร นอกจากนี้ได้เตรียมรองรับทางด้านสายพานซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารขาออกได้สูงสุด 21,600 ใบต่อชม.และขาเข้า 11,700 ใบต่อชม. อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีผู้โดยสารภายในประเทศใช้บริการที่สุวรรณภูมิ 3 สายการบินคือ การบินไทย บางกอกแอร์เวย์และไทยแอร์เอเชีย ให้บริการ 160 เที่ยวบินต่อวันมีผู้โดยสารเฉลี่ย 23,464คนต่อวันเมื่อย้ายการบินไทยกลับมามีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นเป็น 206 เที่ยวต่อวันมีผู้โดยสารเฉลี่ย 31,464 คนต่อวัน
พล.อ.อ.สมชาย กล่าวว่า หลังจากย้ายเที่ยวบินไปที่สุวรรณภูมิ บวท.ได้เตรียมพร้อมการปฏิบัติงานทุกส่วนงาน รวมถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อดูแลการจราจรทางอากาศ ที่มีเที่ยวบินเพิ่มจาก 700 เป็น 750 เที่ยวบินต่อวัน และในช่วงชั่วโมงคับคั่งจาก 48เที่ยวบินต่อชม. เป็น 52 เที่ยวบินต่อชม. โดยสุวรรณภูมิจะมีรันเวย์ที่รองรับเที่ยวบินพร้อมกันได้ทั้ง 2 ทางวิ่งสูงสุด 76 เที่ยวบินต่อชั่วโมง จึงยืนยันว่าไม่มีปัญหาการจราจรทางอากาศอย่างแน่นอน
THAIคาดบินในประเทศรายได้100 ล้าน
นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า ฝ่ายการตลาดบริษํทได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากผู้โดยสารภายในประเทศ ไว้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี โดยในช่วงปี 2552 นั้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยพิจารณาจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการในขณะนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางไปภาคอีสาน ซึ่งปัจจุบันการบินไทยมียอดจองตั๋วของการบินไทยในเส้นทางภายในประเทศในวันที่ 29 มี.ค.นี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 13,507 ใบ
บางกอกแอร์เวย์สเพิ่มเที่ยวบินพนมเปญ
นางอาริญา ปราสาททองโอสถ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า สายการบินบางกอกแอร์เวย์สได้เพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางกรุงเทพฯ - พนมเปญเป็น 3 เที่ยวบินต่อวัน พร้อมเปลี่ยนชนิดเครื่องบินเป็นแอร์บัส 319 ที่มีการบริการชั้นธุรกิจ หรือ บลูริบบอนคลาส ตั้งแต่ 29 มี.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพสูงและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง