เมื่อวานนี้พี่หงส์ – สุภาวดี และพี่ต้น –สุชาติ ชวางกูร มาชวนไปเยี่ยม “อ.ภูวดล ทรงประเสริฐ” ที่สถานพักฟื้นสวางคนิวาส สมุทรปราการ
ตอนนี้ลุงพิภพ และป้าแอ๊ว พาพี่แจ๊ค ชุมพร ซึ่งสุขภาพดีขึ้นกลับบ้านไปแล้ว
เหลือแต่ “อาจารย์ภู” ของเราซึ่งสดใสซาบซ่า แข็งแรงอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น หากแต่ยังเดินเหินไม่ค่อยดีนัก
ได้เจอกันอย่างนี้เลยจับเข่าถามอาจารย์ภู- นักปราศรัยฝีปากกล้าเวทีพันธมิตรฯ แบบตรงไปตรงมาว่า
“คิดอย่างไรกับวิดีโอ ลิงค์ ร้อนฉ่า ของทักษิณที่เชียงใหม่”
อาจารย์ภูตอบฮึ่มฮั่มทันควันว่า “ไปถามคนที่ทักษิณเรียกว่า ไอ้ป๊อก ซื่อบื้อ ดูสิว่ารู้สึกอย่างไร” พูดจบก็เมินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง อึดใจเดียวก็หันหน้านิ่งๆ จริงจังมาทางพวกเรา แล้วพูดเสียงสะบัดแบบโกรธๆ ว่า
“เป็นกูละมึงเอ๋ยได้เสียแน่ ลองมันจาบจ้วงล้วงหัวใจของเรามาขยำขยี้ถึงเพียงนี้แล้ว ไม่มีวันไว้ไมตรีกันละ” ภูวดลกระชากเสียง
“ถ้าเป็นภูวดลนะหรือไอ้แม้วมันพูดคำสุดท้ายเสร็จเมื่อไร เมื่อนั้นจะขนเอากองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพไปบดขยี้คนทำลายชาติให้เห็นดำเห็นแดงกันไปข้าง”
“เพราะฉะนั้น น้องอย่ามาถามพี่” นักปราศรัยผู้ไม่กลัวใครปิดฉากความฝันตอน “ถ้าลองเป็นกู...ภูวดล” ลงทันควัน และต่อด้วยคำแนะนำน่าสนใจว่า
“ไปถามคุณพี่ป๊อก เพื่อนทักษิณทีสิ ถามเขาเพราะๆ นะว่า มึงยังโอเคอยู่ไหมว่ะ? เมื่อเห็นบ้านเมืองแตกแยกถึงเพียงนี้เพราะไอ้แม้วคนเดียว!!! พวกมึงยังสบายใจกันดีอยู่ใช่ไหม? ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับประเทศชาติ และสถาบันสูงสุดกันเลยใช่ไหม? ถึงปล่อยให้ไอ้สุนัขจนตรอกมันบ้าคลั่งโฟนอินเผาบ้านเผาเมืองอยู่ได้ไม่ห้ามปราม”
อาจารย์ภูวดลฝากคำถามรัวเร็วอย่างนี้ในฐานะคนติดตามข่าวสารตลอดแม้ยามป่วย เมื่อเครื่องติดใครเลยจะห้ามอาจารย์ภูวดลคนจริงได้ เขาจึงยิงคำถามตามมาอีกติดๆว่า
“ถ้าหาคำตอบจากไอ้ป๊อก ซื่อบื้อของนักโทษชายทักษิณไม่ได้ ก็ลองหันไปถามหมวดเจี๊ยบ สุณิสาดูสิว่า สบายดีไหม? ป่วยเป็นอะไรมากไปหรือเปล่า? ถึงไร้เดียงสา ขนาดตระเวนไปสัมภาษณ์นักโทษชายทักษิณยังที่ต่างๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นทหาร”
ถึงตรงนี้เขาย้ำหัวตะปูอีก “ผมขอถามต่อไปอีกว่า กองทัพบกครับ คุณพี่ป๊อก และ คุณพี่ทรงกิตติ เพื่อนเลิฟทักษิณครับ และคุณพี่ประวิตร กลาโหมครับ คุณคิดกันอย่างไรครับ เมื่อทักษิณพูดเหมือนคนเมาผ่านวิดีโอ ลิงค์มาเมืองไทยและล่วงเกินท่านองคมนตรี และข้าราชการระดับสูงของศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกาสูงสุด”
เอาตะปูตอกกลางอกชายชาติทหารไม่พอ อาจารย์ภูวดลยังราดทิงเจอร์สดๆ ลงกลางแผลใหม่ๆ “แล้วพวกคุณยังอยู่เย็นกินอร่อยกันใช่ไหม ที่ได้ยินทักษิณโฟนอินระดมคนเสื้อแดงมาวันที่ 26 มีนาคมนี้ไม่หยุดหย่อน เขาเล่นกันหมดหน้าตักแล้วนะครับคุณพี่ทั้งหลาย พวกคุณยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกันอีกหรือ”
“จะต้องรอให้ไอ้นักโทษชายทักษิณ มันเผาบ้านเผาเมืองให้วอดวายไปก่อน ถึงค่อยคิดขยับขยายแก้ไขกันหรืออย่างไร ไหนใครว่างๆ ตอบภูวดลมาหน่อยสิ”
“ไม่ต้องรีบตอบนะครับ” ภูวดลเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน ทำท่ากอดอกขมวดคิ้วครุ่นคิด และว่า “เพราะผมจะถามคนทุกๆ คนในเมืองไทยว่า คิดกันยังไงที่ได้ยิน และ ได้เห็นแกนนำเสื้อแดงประกาศยุยงให้คนไทยปลดรูปที่เรามีกันทุกบ้าน อยากรู้ว่าทุกๆคนในแผ่นดินนี้คิดกันอย่างไรครับ” ถึงตรงนี้เสียงเขาเครียดมากจนน่าตกใจ
“พวกคุณเห็นคนเสื้อแดงแผ่ขยายไปทั้งแผ่นดินแล้วใช่ไหม เห็นคนจาบจ้วงสถาบันถี่ยิบขึ้นแล้วใช่ไหม ได้ยินได้เห็นการลบหลู่ของแกนนำเสื้อแดงใช่ไหม”
“ทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักวิชาการ และสื่อมวลชน พวกคุณทั้งหลายเข้าใจปัญหาของชาติกันแค่ไหน เข้าใจหรือไม่ว่า ภัยจากระบอบทักษิณมันรุนแรงถึงขั้นพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน”
“คนไทยในแผ่นดินนี้ทุกผู้ทุกนาม เข้าใจกันหรือเปล่าว่าผลประโยชน์ที่ทักษิณโยนมาให้ คือ ผลประโยชน์ที่เบียดบังมาจากเพื่อนร่วมชาติ ทักษิณคือตัวอันตรายในระบบการเมือง การปกครอง และทำลายกฎหมายจนป่นปี้”
“นักวิชาการทั้งหลายที่กระสันอยากแก้ไขมาตรา 112 กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รู้ใช่ไหมว่าถ้าแก้ไขในเร็ววันนี้เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัว โกลาหล และใครจะรับประกันได้ว่า ระบอบใหม่จะได้คนดีมีคุณธรรม”
“ผมจึงอยากถามไงว่า ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักวิชาการ นักสื่อสารมวลชน คนทำงานบันเทิง นักธุรกิจ สาวสังคมไฮโซ และเยาวชนทั้งหลาย พวกคุณยังสบายดีกันดีอยู่ใช่ไหมครับ”
“พวกคุณคงคิดฉาบฉวยว่า เสื้อเหลืองก็ก้าวร้าว เสื้อแดงก็รุนแรง แล้วมองปัญหาผิวเผิน จนรวมหัวพูดกันเท่ๆ ว่า มาเป็นพลังเงียบดีกว่า มาใส่เสื้อสีขาวดีกว่า”
“พลังเงียบก็ดี เสื้อสีขาวก็ดี หรือแม้แต่ริบบิ้นสีขาวก็ด้วย ผมว่าพวกคุณมันขี้ขลาดตาขาว หนีปัญหา ชอบซุกขยะใต้พรม และเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ ไม่เห็นใจ และ เข้าถึงปัญหาของเพื่อนร่วมชาติ”
เห็นไหม....อาจารย์ภูวดลตั้งคำถามเอง และตอบเองมากมายในวันอากาศร้อน-อุณหภูมิการเมืองเดือด
“ถามมันให้หมดเลยแม่คุณเอ๋ย” เขายังยิงสลุตคำถามราวกับห่าฝนต่อไปอีก “ใช่...ถามแทนพี่ภูของเธอทีสิว่า กลุ่มมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน – กลุ่มริบบิ้นสีขาว เพื่อสันติ และ อ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล – กลุ่มนักวิชาการทุกสายที่ใช้เสื้อยืดสีขาวเป็นสัญลักษณ์ ที่เคยออกมาแนะนำให้พันธมิตรฯ ลดราวาศอก และใช้สันติสร้างสมานฉันท์นั้นนะ”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันหมดครับ ทักษิณและพวกกำลังปลุกปั่นใส่ข้อมูลผิดๆ บิดเบือน แบ่งแยกประชาชน พวกคุณไปอยู่ไหนกันหมดหรือครับ ไม่เห็นโผล่หัวมาผูกริบบิ้นสีขาวให้พวกเสื้อแดงมันมั่งเลย”
“สันติ เสวนา สมานฉันท์ไงครับ ทำไมไม่ออกมาบอกอย่างนี้กับคนเสื้อแดง ทำไมไม่เตือนคนเสื้อแดงบ้าง ให้เหมือนกันกับที่เคยทำกับพันธมิตรฯ บ้างสิ ผมอยากรู้ด้วยใจจริง ฝากถามได้ไหมครับ และหาคำตอบมาฝากภูวดลด้วยอยากรู้มาก”
“โดยเฉพาะกับพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ที่เคยย้ำหนักย้ำหนาว่า คนไทยต้องรักกัน ต้องให้อภัย ต้องสมานฉันท์ แล้วเป็นไง มันเอากับเราหรือเปล่าละครับท่านครับ สมน้ำหน้าโดนพัลลภเปิดโปงว่าจะหาเงินมาตั้งพรรคเพื่อแผ่นดินเพราะอยากเป็นนายกฯ”
“และสมน้ำหน้าพัลลภด้วย เป็นไงละ งามหน้าไหม คนทรยศ ขายเพื่อน ขายความลับ ยังมีหน้าเรียกตัวเองว่าทหารอยู่อีกหรือ”
“ฝากถามคำถามเดียวกัน ว่า Are you O.K.? ไปถึงคนชื่อใหม่ - ดิสธร วัชโรทัยด้วยได้ไหม”
อู๊ย - นึกว่าจะไม่ถามถึง - คนนี้ชอบมากอยากถามกับตัวเอง...รับอาสา – ถือเป็นธุระใหญ่ -ไม่มีวันลืม...ว่ามาเลย
“งั้นดีเลย” อาจารย์ภูวดลสวนนิ่งๆ หน้าเหี้ยมๆ ก่อนหมุนรถเข็นมาใกล้ๆ แล้วยื่นหน้ามาพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า
“ถามผู้ชายชื่อดิสธร ให้ด้วยว่า ยังจำได้ไหมครั้งหนึ่งตอนที่พันธมิตรฯ อยู่ในทำเนียบฯ คุณดิสธรเคยพูดที่จังหวัดชุมพรต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยๆ คน ว่าถ้าใครรักในหลวงไม่ต้องไปทำนาที่ทำเนียบฯ ไม่ต้องไปแสดงพลังที่ไหน รักในหลวงให้อยู่บ้าน รักในหลวงให้กลับบ้าน ไปแสดงพลังตรงนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยก จำกันได้ใช่ไหมว่าคุณดิสธรพูดออกมาอย่างนี้”
“สิ่งที่คุณดิสธรพูดแล้วอ้างว่าตัวเองอยู่พรรคในหลวงซึ่งเป็นพรรคที่ใหญ่โตมากนะ มาบัดนี้ยังอยากพูดประโยคเดิมอยู่อีกไหม ในเมื่อคนเสื้อแดงกำลังยาตราทัพมาปิดล้อมทำเนียบฯ และสภาฯ อยู่รอมร่อ”
“ถ้าอยากพูดอีกเชิญออกมาพูดได้เลย ช่วยออกมาปรามกองทัพเสื้อแดงของทักษิณให้เหมือนกับเคยปรามพันธมิตรฯ ได้ไหม เชิญพูดมาอีกเอาแบบเดิมก็ได้ผมรอฟังอยู่ และคิดว่าคุณดิสธรควรรีบออกมาพูด ถ้ารักและเชื่อมั่นในความสมานฉันท์จริง”
“ผม-อาจารย์ภูวดล ทรงประเสริฐ ไม่มีนอกมีในอะไรกับใคร มีแต่หัวใจพันธมิตรฯ รักในหลวง รักพระราชินี รักสถาบันกษัตริย์ และรักเพื่อนร่วมชาติของผม”
“ผมอยากได้ยินและได้เห็นพวกคุณทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงคุณดิสธร เจ้าของสโลแกนว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงนะ ออกมาพูดออกมาเตือนสติกองทัพเสื้อแดงให้เหมือนกับที่เคยออกมาเตือนพันธมิตรฯ”
“ผมอยากเห็นพวกคุณออกมาให้ข้อมูลกับทุกๆ คนในสังคมไทยว่า อย่าไปช่วยทักษิณ มันโกงบ้านกินเมือง มันโกงเงินชาติมาช่วยชิน มันมักใหญ่ใฝ่สูง มันจาบจ้วง ขอให้พี่น้องกลับบ้านอย่าไปทำนากับกองทัพเสื้อแดง”
“ผมอยากเห็นและผมนับวันรอคอย” ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ทั้งพูด ทั้งถามหนักแน่นเอาจริง
และวันนี้เขานั่งรอคอย “คำตอบ” จากทุกคนอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ที่สถานพักฟื้นสวางคนิวาสฯ
ก่อนจากกันในวันอากาศร้อนเหมือนอยู่ในนรก อาจรย์ภูวดล เปรยปิดท้ายว่า “อ่านข่าวชิ้นหนึ่งแล้วสนใจมาก”
ข่าวอะไรหรือ???....ผู้หญิงอยากรู้....เอียงหน้าตามไปดู....พบว่าเป็นข่าวสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า เด็กไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่พ่อกับแม่เอาลูกทิ้งให้ปู่ย่าตายายช่วยเลี้ยงระหว่างทำงานหาเงินงกๆ ในเมืองกรุง และเด็กเหล่านี้มีพัฒนาการทางสมองช้า ดังนั้นเลย พูด อ่าน เขียน สะกด และประสมคำภาษาไทยผิดพลาด หาความหมายอะไรไม่ได้ ทั้งผิด ทั้งเพี้ยนจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของชาติ
ข่าวชิ้นนี้อาจารย์ภูวดลตัดเก็บไว้ในแฟ้มลับที่ปราศจากความลับและของลับ
เขาให้เหตุผลที่ตัดเก็บว่า “จะได้รู้ว่าคนบางคนเดี๋ยวสะกดคำว่า กตัญญู กับ จงรักภักดี ไม่ได้เพราะอะไร เพราะคำสองคำนี้คงเขียนยากไปเสียแล้ว เมื่อเทียบกับคำว่า ทรยศ ซึ่งสะกดง่ายกว่ามาก ”
“และง่ายยิ่งขึ้นถ้าสะกด Where are you? หรือ Here I am. แม้แต่ Are you O.K.?
“ล่าสุดได้ยินว่า กองทัพเสื้อแดงฮิตกันเหลือเกินกับการสะกดประโยค Show me the money”
อาจารย์ภูวดลพูดจบก็หัวเราะฮึฮึ ตามเคย
เฮ้อ...คนอะไรก็ไม่รู้ มีเหลี่ยมเฉพาะที่หน้า
สู้อุตส่าห์เรียนจนจบปริญญาเอก โดนพวก “หลอกแดก” แล้วยังไม่รู้ตัวอีก.
ตอนนี้ลุงพิภพ และป้าแอ๊ว พาพี่แจ๊ค ชุมพร ซึ่งสุขภาพดีขึ้นกลับบ้านไปแล้ว
เหลือแต่ “อาจารย์ภู” ของเราซึ่งสดใสซาบซ่า แข็งแรงอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น หากแต่ยังเดินเหินไม่ค่อยดีนัก
ได้เจอกันอย่างนี้เลยจับเข่าถามอาจารย์ภู- นักปราศรัยฝีปากกล้าเวทีพันธมิตรฯ แบบตรงไปตรงมาว่า
“คิดอย่างไรกับวิดีโอ ลิงค์ ร้อนฉ่า ของทักษิณที่เชียงใหม่”
อาจารย์ภูตอบฮึ่มฮั่มทันควันว่า “ไปถามคนที่ทักษิณเรียกว่า ไอ้ป๊อก ซื่อบื้อ ดูสิว่ารู้สึกอย่างไร” พูดจบก็เมินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง อึดใจเดียวก็หันหน้านิ่งๆ จริงจังมาทางพวกเรา แล้วพูดเสียงสะบัดแบบโกรธๆ ว่า
“เป็นกูละมึงเอ๋ยได้เสียแน่ ลองมันจาบจ้วงล้วงหัวใจของเรามาขยำขยี้ถึงเพียงนี้แล้ว ไม่มีวันไว้ไมตรีกันละ” ภูวดลกระชากเสียง
“ถ้าเป็นภูวดลนะหรือไอ้แม้วมันพูดคำสุดท้ายเสร็จเมื่อไร เมื่อนั้นจะขนเอากองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพไปบดขยี้คนทำลายชาติให้เห็นดำเห็นแดงกันไปข้าง”
“เพราะฉะนั้น น้องอย่ามาถามพี่” นักปราศรัยผู้ไม่กลัวใครปิดฉากความฝันตอน “ถ้าลองเป็นกู...ภูวดล” ลงทันควัน และต่อด้วยคำแนะนำน่าสนใจว่า
“ไปถามคุณพี่ป๊อก เพื่อนทักษิณทีสิ ถามเขาเพราะๆ นะว่า มึงยังโอเคอยู่ไหมว่ะ? เมื่อเห็นบ้านเมืองแตกแยกถึงเพียงนี้เพราะไอ้แม้วคนเดียว!!! พวกมึงยังสบายใจกันดีอยู่ใช่ไหม? ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับประเทศชาติ และสถาบันสูงสุดกันเลยใช่ไหม? ถึงปล่อยให้ไอ้สุนัขจนตรอกมันบ้าคลั่งโฟนอินเผาบ้านเผาเมืองอยู่ได้ไม่ห้ามปราม”
อาจารย์ภูวดลฝากคำถามรัวเร็วอย่างนี้ในฐานะคนติดตามข่าวสารตลอดแม้ยามป่วย เมื่อเครื่องติดใครเลยจะห้ามอาจารย์ภูวดลคนจริงได้ เขาจึงยิงคำถามตามมาอีกติดๆว่า
“ถ้าหาคำตอบจากไอ้ป๊อก ซื่อบื้อของนักโทษชายทักษิณไม่ได้ ก็ลองหันไปถามหมวดเจี๊ยบ สุณิสาดูสิว่า สบายดีไหม? ป่วยเป็นอะไรมากไปหรือเปล่า? ถึงไร้เดียงสา ขนาดตระเวนไปสัมภาษณ์นักโทษชายทักษิณยังที่ต่างๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นทหาร”
ถึงตรงนี้เขาย้ำหัวตะปูอีก “ผมขอถามต่อไปอีกว่า กองทัพบกครับ คุณพี่ป๊อก และ คุณพี่ทรงกิตติ เพื่อนเลิฟทักษิณครับ และคุณพี่ประวิตร กลาโหมครับ คุณคิดกันอย่างไรครับ เมื่อทักษิณพูดเหมือนคนเมาผ่านวิดีโอ ลิงค์มาเมืองไทยและล่วงเกินท่านองคมนตรี และข้าราชการระดับสูงของศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกาสูงสุด”
เอาตะปูตอกกลางอกชายชาติทหารไม่พอ อาจารย์ภูวดลยังราดทิงเจอร์สดๆ ลงกลางแผลใหม่ๆ “แล้วพวกคุณยังอยู่เย็นกินอร่อยกันใช่ไหม ที่ได้ยินทักษิณโฟนอินระดมคนเสื้อแดงมาวันที่ 26 มีนาคมนี้ไม่หยุดหย่อน เขาเล่นกันหมดหน้าตักแล้วนะครับคุณพี่ทั้งหลาย พวกคุณยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกันอีกหรือ”
“จะต้องรอให้ไอ้นักโทษชายทักษิณ มันเผาบ้านเผาเมืองให้วอดวายไปก่อน ถึงค่อยคิดขยับขยายแก้ไขกันหรืออย่างไร ไหนใครว่างๆ ตอบภูวดลมาหน่อยสิ”
“ไม่ต้องรีบตอบนะครับ” ภูวดลเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน ทำท่ากอดอกขมวดคิ้วครุ่นคิด และว่า “เพราะผมจะถามคนทุกๆ คนในเมืองไทยว่า คิดกันยังไงที่ได้ยิน และ ได้เห็นแกนนำเสื้อแดงประกาศยุยงให้คนไทยปลดรูปที่เรามีกันทุกบ้าน อยากรู้ว่าทุกๆคนในแผ่นดินนี้คิดกันอย่างไรครับ” ถึงตรงนี้เสียงเขาเครียดมากจนน่าตกใจ
“พวกคุณเห็นคนเสื้อแดงแผ่ขยายไปทั้งแผ่นดินแล้วใช่ไหม เห็นคนจาบจ้วงสถาบันถี่ยิบขึ้นแล้วใช่ไหม ได้ยินได้เห็นการลบหลู่ของแกนนำเสื้อแดงใช่ไหม”
“ทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักวิชาการ และสื่อมวลชน พวกคุณทั้งหลายเข้าใจปัญหาของชาติกันแค่ไหน เข้าใจหรือไม่ว่า ภัยจากระบอบทักษิณมันรุนแรงถึงขั้นพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน”
“คนไทยในแผ่นดินนี้ทุกผู้ทุกนาม เข้าใจกันหรือเปล่าว่าผลประโยชน์ที่ทักษิณโยนมาให้ คือ ผลประโยชน์ที่เบียดบังมาจากเพื่อนร่วมชาติ ทักษิณคือตัวอันตรายในระบบการเมือง การปกครอง และทำลายกฎหมายจนป่นปี้”
“นักวิชาการทั้งหลายที่กระสันอยากแก้ไขมาตรา 112 กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รู้ใช่ไหมว่าถ้าแก้ไขในเร็ววันนี้เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัว โกลาหล และใครจะรับประกันได้ว่า ระบอบใหม่จะได้คนดีมีคุณธรรม”
“ผมจึงอยากถามไงว่า ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักวิชาการ นักสื่อสารมวลชน คนทำงานบันเทิง นักธุรกิจ สาวสังคมไฮโซ และเยาวชนทั้งหลาย พวกคุณยังสบายดีกันดีอยู่ใช่ไหมครับ”
“พวกคุณคงคิดฉาบฉวยว่า เสื้อเหลืองก็ก้าวร้าว เสื้อแดงก็รุนแรง แล้วมองปัญหาผิวเผิน จนรวมหัวพูดกันเท่ๆ ว่า มาเป็นพลังเงียบดีกว่า มาใส่เสื้อสีขาวดีกว่า”
“พลังเงียบก็ดี เสื้อสีขาวก็ดี หรือแม้แต่ริบบิ้นสีขาวก็ด้วย ผมว่าพวกคุณมันขี้ขลาดตาขาว หนีปัญหา ชอบซุกขยะใต้พรม และเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ ไม่เห็นใจ และ เข้าถึงปัญหาของเพื่อนร่วมชาติ”
เห็นไหม....อาจารย์ภูวดลตั้งคำถามเอง และตอบเองมากมายในวันอากาศร้อน-อุณหภูมิการเมืองเดือด
“ถามมันให้หมดเลยแม่คุณเอ๋ย” เขายังยิงสลุตคำถามราวกับห่าฝนต่อไปอีก “ใช่...ถามแทนพี่ภูของเธอทีสิว่า กลุ่มมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน – กลุ่มริบบิ้นสีขาว เพื่อสันติ และ อ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล – กลุ่มนักวิชาการทุกสายที่ใช้เสื้อยืดสีขาวเป็นสัญลักษณ์ ที่เคยออกมาแนะนำให้พันธมิตรฯ ลดราวาศอก และใช้สันติสร้างสมานฉันท์นั้นนะ”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันหมดครับ ทักษิณและพวกกำลังปลุกปั่นใส่ข้อมูลผิดๆ บิดเบือน แบ่งแยกประชาชน พวกคุณไปอยู่ไหนกันหมดหรือครับ ไม่เห็นโผล่หัวมาผูกริบบิ้นสีขาวให้พวกเสื้อแดงมันมั่งเลย”
“สันติ เสวนา สมานฉันท์ไงครับ ทำไมไม่ออกมาบอกอย่างนี้กับคนเสื้อแดง ทำไมไม่เตือนคนเสื้อแดงบ้าง ให้เหมือนกันกับที่เคยทำกับพันธมิตรฯ บ้างสิ ผมอยากรู้ด้วยใจจริง ฝากถามได้ไหมครับ และหาคำตอบมาฝากภูวดลด้วยอยากรู้มาก”
“โดยเฉพาะกับพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ที่เคยย้ำหนักย้ำหนาว่า คนไทยต้องรักกัน ต้องให้อภัย ต้องสมานฉันท์ แล้วเป็นไง มันเอากับเราหรือเปล่าละครับท่านครับ สมน้ำหน้าโดนพัลลภเปิดโปงว่าจะหาเงินมาตั้งพรรคเพื่อแผ่นดินเพราะอยากเป็นนายกฯ”
“และสมน้ำหน้าพัลลภด้วย เป็นไงละ งามหน้าไหม คนทรยศ ขายเพื่อน ขายความลับ ยังมีหน้าเรียกตัวเองว่าทหารอยู่อีกหรือ”
“ฝากถามคำถามเดียวกัน ว่า Are you O.K.? ไปถึงคนชื่อใหม่ - ดิสธร วัชโรทัยด้วยได้ไหม”
อู๊ย - นึกว่าจะไม่ถามถึง - คนนี้ชอบมากอยากถามกับตัวเอง...รับอาสา – ถือเป็นธุระใหญ่ -ไม่มีวันลืม...ว่ามาเลย
“งั้นดีเลย” อาจารย์ภูวดลสวนนิ่งๆ หน้าเหี้ยมๆ ก่อนหมุนรถเข็นมาใกล้ๆ แล้วยื่นหน้ามาพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า
“ถามผู้ชายชื่อดิสธร ให้ด้วยว่า ยังจำได้ไหมครั้งหนึ่งตอนที่พันธมิตรฯ อยู่ในทำเนียบฯ คุณดิสธรเคยพูดที่จังหวัดชุมพรต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยๆ คน ว่าถ้าใครรักในหลวงไม่ต้องไปทำนาที่ทำเนียบฯ ไม่ต้องไปแสดงพลังที่ไหน รักในหลวงให้อยู่บ้าน รักในหลวงให้กลับบ้าน ไปแสดงพลังตรงนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยก จำกันได้ใช่ไหมว่าคุณดิสธรพูดออกมาอย่างนี้”
“สิ่งที่คุณดิสธรพูดแล้วอ้างว่าตัวเองอยู่พรรคในหลวงซึ่งเป็นพรรคที่ใหญ่โตมากนะ มาบัดนี้ยังอยากพูดประโยคเดิมอยู่อีกไหม ในเมื่อคนเสื้อแดงกำลังยาตราทัพมาปิดล้อมทำเนียบฯ และสภาฯ อยู่รอมร่อ”
“ถ้าอยากพูดอีกเชิญออกมาพูดได้เลย ช่วยออกมาปรามกองทัพเสื้อแดงของทักษิณให้เหมือนกับเคยปรามพันธมิตรฯ ได้ไหม เชิญพูดมาอีกเอาแบบเดิมก็ได้ผมรอฟังอยู่ และคิดว่าคุณดิสธรควรรีบออกมาพูด ถ้ารักและเชื่อมั่นในความสมานฉันท์จริง”
“ผม-อาจารย์ภูวดล ทรงประเสริฐ ไม่มีนอกมีในอะไรกับใคร มีแต่หัวใจพันธมิตรฯ รักในหลวง รักพระราชินี รักสถาบันกษัตริย์ และรักเพื่อนร่วมชาติของผม”
“ผมอยากได้ยินและได้เห็นพวกคุณทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงคุณดิสธร เจ้าของสโลแกนว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงนะ ออกมาพูดออกมาเตือนสติกองทัพเสื้อแดงให้เหมือนกับที่เคยออกมาเตือนพันธมิตรฯ”
“ผมอยากเห็นพวกคุณออกมาให้ข้อมูลกับทุกๆ คนในสังคมไทยว่า อย่าไปช่วยทักษิณ มันโกงบ้านกินเมือง มันโกงเงินชาติมาช่วยชิน มันมักใหญ่ใฝ่สูง มันจาบจ้วง ขอให้พี่น้องกลับบ้านอย่าไปทำนากับกองทัพเสื้อแดง”
“ผมอยากเห็นและผมนับวันรอคอย” ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ทั้งพูด ทั้งถามหนักแน่นเอาจริง
และวันนี้เขานั่งรอคอย “คำตอบ” จากทุกคนอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ที่สถานพักฟื้นสวางคนิวาสฯ
ก่อนจากกันในวันอากาศร้อนเหมือนอยู่ในนรก อาจรย์ภูวดล เปรยปิดท้ายว่า “อ่านข่าวชิ้นหนึ่งแล้วสนใจมาก”
ข่าวอะไรหรือ???....ผู้หญิงอยากรู้....เอียงหน้าตามไปดู....พบว่าเป็นข่าวสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า เด็กไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่พ่อกับแม่เอาลูกทิ้งให้ปู่ย่าตายายช่วยเลี้ยงระหว่างทำงานหาเงินงกๆ ในเมืองกรุง และเด็กเหล่านี้มีพัฒนาการทางสมองช้า ดังนั้นเลย พูด อ่าน เขียน สะกด และประสมคำภาษาไทยผิดพลาด หาความหมายอะไรไม่ได้ ทั้งผิด ทั้งเพี้ยนจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของชาติ
ข่าวชิ้นนี้อาจารย์ภูวดลตัดเก็บไว้ในแฟ้มลับที่ปราศจากความลับและของลับ
เขาให้เหตุผลที่ตัดเก็บว่า “จะได้รู้ว่าคนบางคนเดี๋ยวสะกดคำว่า กตัญญู กับ จงรักภักดี ไม่ได้เพราะอะไร เพราะคำสองคำนี้คงเขียนยากไปเสียแล้ว เมื่อเทียบกับคำว่า ทรยศ ซึ่งสะกดง่ายกว่ามาก ”
“และง่ายยิ่งขึ้นถ้าสะกด Where are you? หรือ Here I am. แม้แต่ Are you O.K.?
“ล่าสุดได้ยินว่า กองทัพเสื้อแดงฮิตกันเหลือเกินกับการสะกดประโยค Show me the money”
อาจารย์ภูวดลพูดจบก็หัวเราะฮึฮึ ตามเคย
เฮ้อ...คนอะไรก็ไม่รู้ มีเหลี่ยมเฉพาะที่หน้า
สู้อุตส่าห์เรียนจนจบปริญญาเอก โดนพวก “หลอกแดก” แล้วยังไม่รู้ตัวอีก.