xs
xsm
sm
md
lg

รัฐสภาถกกู้เงินนอก2รายการวันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่จะมีขึ้นในวันนี้ (24มี.ค.) เวลา 13.30 น. มีวาระที่น่าสนใจ คือ เรื่องด่วน กรอบการเจรจากู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญคือ กำหนดกรอบวงเงินที่จะขอกู้ประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 70,000 ล้านบาท มีระยะเวลาการกู้ 7-10 ปี โดยจะขอกู้จากธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นไปตามนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ประกอบกับผลกระทบภาวะเศรษฐกิจโลกที่หดตัว ทำให้ปริมาณการส่งออกสินค้าติดลบ ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 51 เป็นต้นมา โดยเฉพาะเดือนม.ค.52 ขยายตัวติลบร้อยละ 26 ถือว่าต่ำสุดตั้งแต่ปี 41 เป็นต้นมา ส่งผลให้การใช้จ่ายเพื่อการบริโภค และการลงทุนของภาคเอกชนลดลงตาม ส่งผลต่อภาวการณ์จ้างงานในประเทศ ประกอบกับเศรษฐกิจครึ่งปีแรก อาจทำให้ขยายตัวติดลบร้อยละ 1 หรือไม่ขยายตัวเลย ครม.จึงมีมติกำหนดนโยบายและมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อขยายสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการภาคการผลิตอื่นๆ รวมถึงการให้การค้ำประกันสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินของรัฐ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องด่วน ที่รัฐสภา จะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกหนึ่งฉบับคือ ร่างหนังสือแลกเปลี่ยน ว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลญี่ปุ่น และร่างสัญญาเงินกู้ (ครม.เป็นผู้เสนอ) ซึ่งมีสาระสำคัญคือ รัฐบาลญี่ปุ่น ตกลงที่จะให้กระทรวงการคลังกู้เงิน โดยผ่านองค์กรความร่วมมือ ระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จำนวน 63,018 ล้านเยน สำหรับ โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.4 ต่อปี ยกเว้นอัตราดอกเบี้ยสำหรับส่วนของการจ้างที่ปรึกษาอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี โดยมีค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ร้อยละ 0.1 ต่อปี ของวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกจ่าย ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ 25 ปี รวมระยะปลอดหนี้ 7 ปี เบิกจ่ายเงินกู้ภายใน 7 ปี 3 เดือน
แหล่งข่าวจากที่ประชุมวิปรัฐาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือ สาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และร่างสัญญาเงินกู้ 63,018 ล้านเยน ที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้ โดยวิปรัฐบาล เห็นว่า หนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และร่างสัญญาเงินกู้สำหรับโครงการดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องมีการลงนามภายในเดือนมี.ค.52 ซึ่งเป็นกำหนดสิ้นปีงบประมาณของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการดังกล่าวไว้แล้ว การลงนามในสัญญาเงินกู้หลังเดือนมี.ค. อาจจะกระทบวงเงินกู้ ที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้แก่ประเทศไทยในปีงบประมาณใหม่ของญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มในเดือนเม.ย.52 นอกจากนั้น หากการลงนามในสัญญาเงินกู้ล่าช้า การพิจารณาเงินกู้โครงการอื่นๆก็จะล่าช้าตามไปด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น