xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจสหรัฐฯส่งหลายๆ สัญญาณ แม้ยัง“เดิน”ไม่ได้แต่ก็เริ่ม“คลาน”แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ – แม้ว่าจะยังคงห่างไกลจากคำว่าแข็งแรงเป็นปกติ แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯก็กำลังแสดงสัญญาณบางประการว่า สถานการณ์กำลังดีขึ้น เป็นต้นว่า บรรดาผู้บริโภคต่างค่อย ๆกลับเข้าห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง พวกรับเหมาก่อสร้างเริ่มได้งานทำ ส่วนสต๊อคสินค้าในโรงงานก็ถูกระบายออกไปเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สถานการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าแม้ไตรมาสหนึ่งที่กำลังจะสิ้นสุดลง อาจจะดูย่ำแย่อย่างที่คาดหมายกัน แต่ความกลัวที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะดิ่งลงไปใกล้ ๆกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (เกรทดีเพรสชั่น) ในทศวรรษ 19030 นั้น คงจะไม่เป็นความจริง
กระนั้นก็ตาม มิได้หมายความภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯกำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า
ยังคงต้องรอกันอีกหลายเดือนกว่าที่เศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตขยายตัวอีก และก็อาจจะนานกว่านั้นด้วยกว่าที่เศรษฐกิจจะดีขึ้นถึงระดับที่สร้างงานขึ้นได้ ซึ่งก็หมายความว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นต่อไป และจะมีคนมากขึ้นที่ไม่สามารถจ่ายหนี้หรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ และก็จะส่งต่อแรงกดดันนี้ให้กับธนาคารซึ่งเป็นศูนย์กลางของวิกฤตครั้งนี้อีกทอดหนึ่ง
“ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว แต่น่าจะเป็นการเริ่มต้นของการชะลอความเร็วของการดิ่งลงต่อไปต่างหาก” อีธาน แฮร์ริส นักเศรษฐศาสตร์ที่บาร์เคลย์สในนิวยอร์กให้ความเห็น “เราจะต้องเดินก่อนที่จะออกวิ่ง”
รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ลดความร้ายแรงลงไป ทำให้เกิดความหวังที่ว่าเศรษฐกิจกำลังเริ่มคืบคลานได้บ้าง หากยังไม่ถึงขั้นก้าวเดินอย่างสง่า โดยหลักฐานทางเศรษฐกิจชิ้นล่าสุดออกมาเมื่อวันอังคาร(17)ชี้ว่า จำนวนการสร้างบ้านใหม่และการอนุญาตให้ก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ได้เริ่มกระเตื้องเพิ่มขึ้น
ข่าวนี้บังเกิดขึ้นต่อเนื่องจากการแถลงตัวเลขยอดค้าปลีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาซื้อของอื่นๆ มากขึ้น นอกเหนือไปจากเครื่องใช้อุปโภคบริโภคประจำวัน สินค้าอย่างเช่นอิเล็กทรอนิกส์และเฟอร์นิเจอร์ต่างก็มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
“เรามีความรู้สึกว่าบรรดาผู้บริโภคมิให้กุมกระเป๋าแน่นเหมือนในไตรมาสที่สี่ หลังจากเลห์แมน บราเธอร์สล้มครืนลงมา อีกต่อไปแล้ว” เจย์ ไบรสัน นักเศรษฐศาสตร์ของวาโคเวียกล่าว “ความรู้สึกช็อกในหลาย ๆด้านเริ่มหายไป แม้ว่าความเชื่อมั่นของบริโภคจะยังไม่ดีขึ้น แต่ความรู้สึกช็อกก็เริ่มลดลงไปแล้ว”
ธุรกิจต่าง ๆก็ที่ได้รับผลกระทบจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคลดลงในช่วงเดือนท้าย ๆของปี 2008 ต่างก็พยายามระบายสินค้าออกมาทุกวิถีทางนับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งหมายความว่าหากการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นในอัตราเช่นนี้ ไม่นานนักโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องกลับมาขยายกำลังการผลิต
ความรู้สึกที่ว่าสถานการณ์เลวร้ายอย่างที่สุดน่าจะสิ้นสุดแล้ว ทำให้นักลงทุนพากันเข้าไปในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดอย่างเช่น ค้าปลีกและก่อสร้างบ้าน
ดัชนีหุ้นภาคกิจการค้าปลีกของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส์ดีดขึ้น 3% เมื่อวันอังคาร และได้กลับผงาดขึ้นมา 18% แล้ว นับตั้งแต่ดิ่งลงใหญ่เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ส่วนดัชนีหุ้นกิจการธุรกิจสร้างบ้านของดาวโจนส์ก็ดีดขึ้น 25% ในช่วงเวลาเดียวกัน
นักเศรษฐศาสตร์คิดว่า นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่ทำให้เกิดการตอบสนองของเศรษฐกิจนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่สร้างความหวังได้ดีที่สุดว่า สัญญาณแผ่วๆ แห่งชีวิตเหล่านี้ จะสามารถเปลี่ยนแปลงไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจได้ก่อนที่หมดปี 2009 อย่างไรก็ตาม หากว่านโยบายที่กำหนดกันออกมามีความผิดพลาด ก็อาจทำให้เศรษฐกิจเสี่ยงที่จะฟุบลงไปอีกได้
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์ที่ผ่านรัฐสภามาเมื่อเดือนที่แล้ว กำลังทำให้ผู้บริโภคมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น แต่ทางการก็กำลังพยายามอย่างสุดฤทธิ์เพื่อจะทำให้นักลงทุนและผู้มีสิทธิออกเสียงเชื่อว่า รัฐบาลสามารถควบคุมวิกฤตทางการเงินไว้ได้ และกำลังนำพาเศรษฐกิจของประเทศไปพ้นจากปัญหาได้
การเหวี่ยงขึ้นลงของวอลสตรีทในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเป็นเครื่องสะท้อนความเชื่อของนักลงทุนที่มีต่อการดำเนินงานของรัฐบาล มากกว่าเป็นสัญญาณของเศรษฐกิจ
แฮร์ริสจากบาร์เคลย์สกล่าวว่า การที่จะบอกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วหรือยังในตอนนี้ น่าจะเป็นคำถามในเชิงนโยบายมากกว่าจะเป็นความจริง เพราะการเพิ่มขึ้นของการบริโภคอาจจะฟุบลงไปอีกได้หากว่านโยบายของรัฐบาลไม่ได้ผล
คำถามที่สำคัญที่สุดที่ยังตอบไม่ได้ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะย้ายเอาหนี้เสียออกจากงบดุลของธนาคาร โดยไม่ต้องใช้เงินของผู้เสียภาษีจำนวนมหาศาลเข้าไปอัดฉีดอีก หรือไม่ทำให้สถาบันการเงินทรุดลงไปอีก ทั้งนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เบน เบอร์นันกี ก็เฝ้าย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าการทำให้ภาคการเงินมีเสถียรภาพเป็นสิ่งที่จะต้องทำก่อนการซ่อมแซมเศรษฐกิจโดยรวม
หลักฐานเกี่ยวกับฐานะของภาคการเงินสหรัฐฯเวลานี้ ยังต้องถือว่าไม่ชัดเจน โดยมีทั้งที่ทำท่าจะดีขึ้น และที่ทำท่าจะเลวลง
ในขณะที่ซิติกรุ๊ป, แบงก์ออฟอเมริกา, และเจพีมอร์แกน ต่างออกมาบอกว่าธุรกิจในช่วงต้นปีนี้ของพวกเขาดีขึ้นอย่างมาก แต่บริษัทบัตรเครดิตอย่างอเมริกัน เอกซเพรสก็ออกมาทำให้นักลงทุนตกใจด้วยตัวเลขหนี้เสียที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
กำลังโหลดความคิดเห็น