ASTVผู้จัดการรายวัน-ส่งออกก.พ.ติดลบ 11.3% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ส่วนการนำเข้าลดลงสูงถึง 40.3% ทำให้เดือนนี้เกินดุลการค้ากว่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ “ศิริพล”วอนทุกฝ่ายอย่าย้ำเรื่องส่งออกติดลบจนเกินไป เหตุจะทำให้แบงก์เข้มงวดเรื่องปล่อยกู้ เสียงอ่อยยืนเป้าทั้งปีโต 0-3% เหตุเศรษฐกิจ การค้าโลกวูบกว่าที่คิด ตลกร้ายบิ๊กพาณิชย์สั่งห้ามแจกข้อมูลรายละเอียดส่งออก หวั่นตัวเลขจริงหลุด ปูดเดือนนี้ ยอดส่งออกทองพุ่งกระฉูด 1,148% ช่วยพยุงส่งออกไม่ให้ลบมาก
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนก.พ.2552 มีมูลค่า 11,735.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 11.3% เป็นการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนม.ค.ที่ลดลงถึง 26.5% โดยการขยายตัวติดลบไม่ได้สูงเหมือนที่มีคนพยากรณ์เอาไว้ ถือเป็นทิศทางที่ดีขึ้น และการส่งออกของไทยไม่ได้แย่ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่มีการส่งออกติดลบ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 8,158.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 40.3% ทำให้เดือนนี้ไทยเกินดุลการค้า 3,576.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
“มีนักพยากรณ์ออกมาบอกส่งออกจะติดลบ ก็แม่นมั่ง ไม่แม่นมั้ง และผู้ส่งออกบางสาขาก็บอกส่งออกจะติดลบถึง 40% แต่ตัวเลขที่ออกมาก็ลบไม่มาก ผมไม่อยากให้พูดแต่เรื่องส่งออกติดลบ มันจะเกิดผลกระทบต่อเนื่อง สถาบันการเงินจะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งที่จริงๆ แล้วส่งออกไม่ได้แย่”นายศิริพลกล่าว
ทั้งนี้ การส่งออกในเดือนก.พ. เป็นการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับจากเดือนพ.ย.2551 โดยในเดือนพ.ย.ส่งออก ติดลบ 20.47% ธ.ค. ติดลบ 14.55% ม.ค.ติดลบ 26.5% และก.พ.ติดลบ 11.3% ขณะที่ยอดส่งออกรวม 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) มีมูลค่า 22,231.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 19.2% นำเข้ามีมูลค่า 17,277.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 38.9% เกินดุลการค้ารวม 4,954 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายศิริพลกล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในเดือนก.พ. ถือว่าติดลบน้อยลง และเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังประเมินไม่ได้ว่าแนวโน้มในเดือนต่อๆ ไป และตัวเลขทั้งปีจะเป็นอย่างไร ต้องรอให้ผ่านไตรมาสแรกไปก่อน แล้วจะมีการประเมินตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้งได้ โดยเป้าหมายส่งออกทั้งปี เดิมตั้งไว้ที่ขยายตัว 0-3% แต่ขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยน ทั้งเศรษฐกิจ การค้าโลก ก็ต้องนำปัจจัยเหล่านี้มาประเมินร่วมด้วย
“หลายๆ ฝ่ายบอกว่าจะติดลบ มีหลายตัวเลข ตั้งแต่ลบน้อยไปจนถึงลบมาก การพูดตัวเลขชัดๆ คงไม่ได้ ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก ทั้งเศรษฐกิจ การค้าโลก ชะลอตัวลงกว่าที่คิด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะพยายามทำให้ติดลบน้อยที่สุด แต่เป็นบวกได้ก็ดี”นายศิริพลกล่าว
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การส่งออกในเดือนก.พ. แม้ภาพรวมจะส่งออกติดลบ โดยสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร ลดลง 10.5% สินค้าอุตสาหกรรมลดลง 6.7% และสินค้าอื่นๆ ลดลง 31.1% แต่ก็พบว่ามีสินค้าหลายๆ รายการส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น ข้าว กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป อาหารอื่นๆ และน้ำตาล รวมไปถึงอัญมณี ทองคำ เครื่องสำอาง อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์เภสัช และเครื่องมือแพทย์
ส่วนสินค้าที่ส่งออกลดลง เช่น ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (ไม่รวมกุ้ง) ผล ผลไม้แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
สำหรับตลาดส่งออกส่วนใหญ่ลดลง โดยตลาดหลักลดลง 29.8% ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ลดลง 33.2% 31.3% 28.8% และ 24.8% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดใหม่ เพิ่มขึ้น 9.3% ตลาดที่สำคัญ เช่น ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 49.7% ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 27.4% ตะวันออกกลาง เพิ่มขึ้น 1.6% สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 1,083% เป็นต้น
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในการแถลงข่าวส่งออก ตามปกติจะมีการแจกเอกสารประกอบการแถลงข่าวทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ ไม่ยอมแจกเอกสารรายละเอียดตารางการส่งออก นำเข้า ประเทศที่ส่งออก และรายละเอียดการนำเข้า จนผู้สื่อข่าวต้องทวงถาม ซึ่งทราบว่ามีผู้บริหารระดับสูงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ ห้ามแจกเอกสารดังกล่าว เพราะกลัวว่า ตัวเลขที่แท้จริงจะหลุดออกไป และทำให้กระทรวงพาณิชย์เสียหน้า
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ในเดือนก.พ. มีการส่งออกทองคำมูลค่าสูงถึง 1,864 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1,148% คิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 10% ของยอดการส่งออกรวมที่ทำได้ในเดือนี้ โดยในเดือนม.ค.ส่งออก แค่มูลค่า 781 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 99% ซึ่งหากตัดทองคำที่การส่งออกมีความผิดปกติออก ยอดส่งออกคงติดลบมากกว่านี้
นอกจากนี้ ยังพบว่า การนำเข้าที่ลดลงสูงถึง 40.3% เริ่มเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าแนวโน้มการส่งออกในเดือนต่อๆ ไป กำลังจะมีปัญหา เพราะมีการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบลดลงอย่างมาก โดยสินค้าทุนลดลง 16.1% วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ลดลง 48.8% ส่วนสินค้าเชื้อเพลิง ที่มีการนำเข้าลดลง 56% เป็นการลดลงตามความต้องการใช้ในประเทศที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและราคาน้ำมันดิบปรับลดลง
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( ส.อ.ท. ) กล่าวถึง ตัวเลขการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ ที่ขยายตัวติดลบ 11.3% น้อยลง จากเดือนมกราคม ที่ติดลบถึง 26.47 % ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับการส่งออกของไทย ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากการที่ประเทศต่าง ๆ ได้เร่งออกมาตรการผลักดันเศรษฐกิจ ทำให้การชะลอตัวของเศรษฐกิจค่อย ๆ ลดลง จึงทำให้คำสั่งซื้อสินค้าเริ่มเข้ามามากขึ้น
ส่วนตัวเลขการนำเข้า ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ขยายตัวติดลบกว่า 19 %ลดลง จากเดือนก่อนนั้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีเช่นกัน ทั้งนี้ มองว่า การส่งออกทั้งปี หากขยายตัวได้ 0% ก็ถือว่าดีแล้ว แต่ยังต้องติดตามดูสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 อีกครั้งว่า จะเป็นไปในทิศทางใด อย่างไรก็ตาม มองว่า มาตรการกระตุ้นการส่งออกของภาครัฐ ได้เดินมาถูกทางแล้ว แต่ควรเพิ่มงบประมาณที่ใช้สำหรับการกระตุ้นการส่งออกให้มากขึ้น
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนก.พ.2552 มีมูลค่า 11,735.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 11.3% เป็นการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนม.ค.ที่ลดลงถึง 26.5% โดยการขยายตัวติดลบไม่ได้สูงเหมือนที่มีคนพยากรณ์เอาไว้ ถือเป็นทิศทางที่ดีขึ้น และการส่งออกของไทยไม่ได้แย่ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่มีการส่งออกติดลบ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 8,158.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 40.3% ทำให้เดือนนี้ไทยเกินดุลการค้า 3,576.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
“มีนักพยากรณ์ออกมาบอกส่งออกจะติดลบ ก็แม่นมั่ง ไม่แม่นมั้ง และผู้ส่งออกบางสาขาก็บอกส่งออกจะติดลบถึง 40% แต่ตัวเลขที่ออกมาก็ลบไม่มาก ผมไม่อยากให้พูดแต่เรื่องส่งออกติดลบ มันจะเกิดผลกระทบต่อเนื่อง สถาบันการเงินจะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งที่จริงๆ แล้วส่งออกไม่ได้แย่”นายศิริพลกล่าว
ทั้งนี้ การส่งออกในเดือนก.พ. เป็นการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับจากเดือนพ.ย.2551 โดยในเดือนพ.ย.ส่งออก ติดลบ 20.47% ธ.ค. ติดลบ 14.55% ม.ค.ติดลบ 26.5% และก.พ.ติดลบ 11.3% ขณะที่ยอดส่งออกรวม 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) มีมูลค่า 22,231.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 19.2% นำเข้ามีมูลค่า 17,277.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 38.9% เกินดุลการค้ารวม 4,954 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายศิริพลกล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในเดือนก.พ. ถือว่าติดลบน้อยลง และเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังประเมินไม่ได้ว่าแนวโน้มในเดือนต่อๆ ไป และตัวเลขทั้งปีจะเป็นอย่างไร ต้องรอให้ผ่านไตรมาสแรกไปก่อน แล้วจะมีการประเมินตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้งได้ โดยเป้าหมายส่งออกทั้งปี เดิมตั้งไว้ที่ขยายตัว 0-3% แต่ขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยน ทั้งเศรษฐกิจ การค้าโลก ก็ต้องนำปัจจัยเหล่านี้มาประเมินร่วมด้วย
“หลายๆ ฝ่ายบอกว่าจะติดลบ มีหลายตัวเลข ตั้งแต่ลบน้อยไปจนถึงลบมาก การพูดตัวเลขชัดๆ คงไม่ได้ ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก ทั้งเศรษฐกิจ การค้าโลก ชะลอตัวลงกว่าที่คิด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะพยายามทำให้ติดลบน้อยที่สุด แต่เป็นบวกได้ก็ดี”นายศิริพลกล่าว
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การส่งออกในเดือนก.พ. แม้ภาพรวมจะส่งออกติดลบ โดยสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร ลดลง 10.5% สินค้าอุตสาหกรรมลดลง 6.7% และสินค้าอื่นๆ ลดลง 31.1% แต่ก็พบว่ามีสินค้าหลายๆ รายการส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น ข้าว กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป อาหารอื่นๆ และน้ำตาล รวมไปถึงอัญมณี ทองคำ เครื่องสำอาง อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์เภสัช และเครื่องมือแพทย์
ส่วนสินค้าที่ส่งออกลดลง เช่น ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (ไม่รวมกุ้ง) ผล ผลไม้แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
สำหรับตลาดส่งออกส่วนใหญ่ลดลง โดยตลาดหลักลดลง 29.8% ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ลดลง 33.2% 31.3% 28.8% และ 24.8% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดใหม่ เพิ่มขึ้น 9.3% ตลาดที่สำคัญ เช่น ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 49.7% ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 27.4% ตะวันออกกลาง เพิ่มขึ้น 1.6% สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 1,083% เป็นต้น
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในการแถลงข่าวส่งออก ตามปกติจะมีการแจกเอกสารประกอบการแถลงข่าวทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ ไม่ยอมแจกเอกสารรายละเอียดตารางการส่งออก นำเข้า ประเทศที่ส่งออก และรายละเอียดการนำเข้า จนผู้สื่อข่าวต้องทวงถาม ซึ่งทราบว่ามีผู้บริหารระดับสูงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ ห้ามแจกเอกสารดังกล่าว เพราะกลัวว่า ตัวเลขที่แท้จริงจะหลุดออกไป และทำให้กระทรวงพาณิชย์เสียหน้า
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ในเดือนก.พ. มีการส่งออกทองคำมูลค่าสูงถึง 1,864 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1,148% คิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 10% ของยอดการส่งออกรวมที่ทำได้ในเดือนี้ โดยในเดือนม.ค.ส่งออก แค่มูลค่า 781 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 99% ซึ่งหากตัดทองคำที่การส่งออกมีความผิดปกติออก ยอดส่งออกคงติดลบมากกว่านี้
นอกจากนี้ ยังพบว่า การนำเข้าที่ลดลงสูงถึง 40.3% เริ่มเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าแนวโน้มการส่งออกในเดือนต่อๆ ไป กำลังจะมีปัญหา เพราะมีการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบลดลงอย่างมาก โดยสินค้าทุนลดลง 16.1% วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ลดลง 48.8% ส่วนสินค้าเชื้อเพลิง ที่มีการนำเข้าลดลง 56% เป็นการลดลงตามความต้องการใช้ในประเทศที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและราคาน้ำมันดิบปรับลดลง
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( ส.อ.ท. ) กล่าวถึง ตัวเลขการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ ที่ขยายตัวติดลบ 11.3% น้อยลง จากเดือนมกราคม ที่ติดลบถึง 26.47 % ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับการส่งออกของไทย ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากการที่ประเทศต่าง ๆ ได้เร่งออกมาตรการผลักดันเศรษฐกิจ ทำให้การชะลอตัวของเศรษฐกิจค่อย ๆ ลดลง จึงทำให้คำสั่งซื้อสินค้าเริ่มเข้ามามากขึ้น
ส่วนตัวเลขการนำเข้า ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ขยายตัวติดลบกว่า 19 %ลดลง จากเดือนก่อนนั้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีเช่นกัน ทั้งนี้ มองว่า การส่งออกทั้งปี หากขยายตัวได้ 0% ก็ถือว่าดีแล้ว แต่ยังต้องติดตามดูสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 อีกครั้งว่า จะเป็นไปในทิศทางใด อย่างไรก็ตาม มองว่า มาตรการกระตุ้นการส่งออกของภาครัฐ ได้เดินมาถูกทางแล้ว แต่ควรเพิ่มงบประมาณที่ใช้สำหรับการกระตุ้นการส่งออกให้มากขึ้น
