รอยเตอร์ - รัฐบาลโอบามากำลังเล่นงานเอไอจีอย่างหนัก เรื่องที่บริษัทประกันภัยซึ่งต้องแบมือขอรับความช่วยเหลือกู้ชีวิตจากทางการสหรัฐฯไปถึง 180,000 ล้านดอลลาร์แห่งนี้ ยังคงกล้าสร้างความโกรธเกรี้ยวให้แก่สาธารณชน ด้วยการจ่ายโบนัสให้พนักงานเป็นจำนวน 165 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้กระทรวงการคลังสหรัฐฯบอกว่า จะบีบให้เอไอจีคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้เสียภาษี ก่อนที่จะปล่อยเงินช่วยเหลือก้อนใหม่อีก 30,000 ล้านดอลลาร์ตามที่ร้องขอมา
รัฐมนตรีคลัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ได้ส่งหนังสือถึงบรรดาผู้นำรัฐสภา แจ้งเรื่องเงื่อนไขต่าง ๆที่จะใช้กับอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) แต่ในขณะเดียวกัน บรรดาสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ชอบใจบริษัทประกันภัยแห่งนี้ ก็พยายามเดินหน้าออกกฎหมาย เพื่อเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงจากเงินโบนัสที่เอไอจีให้กับพนักงาน
กรณีเอไอจีกระตุ้นความโกรธเกรี้ยวของสาธารณชนต่อการช่วยเหลือธุรกิจขนาดใหญ่ของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งทำให้รัฐบาลประสบความยากลำบากมากขึ้นในกอบกู้สถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเห็นเป็นกลไกหลักอย่างหนึ่งในการฟื้นฟูภาคการเงินและฉุดลากเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะถดถอย
"เราจะกำหนดสัญญาข้อผูกมัดที่ทำให้เอไอจีต้องนำเอาเงินจากการดำเนินงานของบริษัท มาจ่ายให้แก่กระทรวงการคลัง เป็นจำนวนเท่ากับที่เอไอจีเพิ่งจ่ายเป็นรางวัลเพื่อการรักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัทต่อไป" ไกธ์เนอร์เขียนรายงานรัฐสภา
นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่ากระทรวงการคลังจะหัก 165 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว ออกจาก 30,000 ล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลจะให้เอไอจีเพิ่มเติม ตามที่ได้ประกาศเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา
"เราจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาของเอไอจีต่อไปเพื่อลดความเสี่ยงของระบบการเงินของเรา ในขณะเดียวกันก็จะต้องลดความสูญเสียของผู้เสียภาษีให้เหลือน้อยที่สุด" ไกธ์เนอร์อธิบาย "และเราก็จะสำรวจดูว่าจะทำอะไรที่จะเร่งกระบวนการนี้ได้บ้าง"
ตอนนี้รัฐบาลสหรัฐฯถือหุ้นราว 80% ของเอไอจีหลังจากได้อัดฉีดเงินถึง 180,000 ล้านดอลาร์ เพื่อประคองบริษัทที่เคยเป็นบริษัทประกันใหญ่ที่สุดของโลกเอาไว้
เอดวาร์ด ลิดดี้ ซีอีโอของเอไอจีมีกำหนดไปให้ปากคำต่อหน้าคณะกรรมาธิการบริการการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธ(18) โดยคาดว่าจะถูกซักถามหนักเรื่องโบนัส รวมทั้งจะต้องแบกรับความโกรธเกรี้ยวของพวกส.ส.
บาร์นีย์ แฟรงก์ ประธานของคณะกรรมาธิการซึ่งทรงอิทธิพลยิ่งชุดนี้กล่าวว่า ควรจะต้องฟ้องร้องเอไอจี "เพื่อเรียกโบนัสเหล่านั้นคืนมา"
ทั้งวุฒิสภาและสภาล่างต่างก็พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อสะกัดกั้นการให้โบนัสของเอไอจี ประธานสภาผู้แทนราษฎร แนนซี เปโลซี บอกว่ามีคณะกรรมาธิการอีกหลายคณะ กำลังเดินหน้าเรื่องร่างกฏหมายให้สภาล่างสามารถอนุมัติได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ก็ยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับวิธีการอื่น ๆอีก เช่น ให้รัฐมนตรียุติธรรมดำเนินการเรียกคืนเงิน ที่บริษัทซึ่งรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เอาไปจ่ายเป็นสิทธิประโยชน์มหาศาลให้แก่พนักงานของบริษัท รวมทั้งโบนัสด้วย
นอกจากเรื่องโบนัสแล้ว เอไอจีก็ยังทำให้ทั้งประชาชนและรัฐบาลขัดเคืองใจอีกโดยการเปิดเผยว่าได้เอาเงินที่ได้รับมาจากรัฐบาลไปจ่ายให้โกลด์แมน แซคส์ และธนาคารหลายแห่งในยุโรป รวมกันถึง 93,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินที่รัฐบาลอัดฉีดเข้ามา
แม้ว่ามีสถาบันการเงินอื่น ๆที่พึ่งความช่วยเหลือจากรัฐบาล ให้โบนัสพนักงานเหมือนกับเอไอจี ไม่ว่าจะเป็นเมอร์ริล ลินช์ หรือมอร์แกน สแตนลีย์ แต่ขนาดของกิจการและจำนวนเงินช่วยเหลือที่เอไอจีได้รับนั้น มากกว่าสถาบันการเงินใด ๆ จึงทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงกว่ากันมากนัก
รัฐมนตรีคลัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ได้ส่งหนังสือถึงบรรดาผู้นำรัฐสภา แจ้งเรื่องเงื่อนไขต่าง ๆที่จะใช้กับอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) แต่ในขณะเดียวกัน บรรดาสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ชอบใจบริษัทประกันภัยแห่งนี้ ก็พยายามเดินหน้าออกกฎหมาย เพื่อเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงจากเงินโบนัสที่เอไอจีให้กับพนักงาน
กรณีเอไอจีกระตุ้นความโกรธเกรี้ยวของสาธารณชนต่อการช่วยเหลือธุรกิจขนาดใหญ่ของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งทำให้รัฐบาลประสบความยากลำบากมากขึ้นในกอบกู้สถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเห็นเป็นกลไกหลักอย่างหนึ่งในการฟื้นฟูภาคการเงินและฉุดลากเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะถดถอย
"เราจะกำหนดสัญญาข้อผูกมัดที่ทำให้เอไอจีต้องนำเอาเงินจากการดำเนินงานของบริษัท มาจ่ายให้แก่กระทรวงการคลัง เป็นจำนวนเท่ากับที่เอไอจีเพิ่งจ่ายเป็นรางวัลเพื่อการรักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัทต่อไป" ไกธ์เนอร์เขียนรายงานรัฐสภา
นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่ากระทรวงการคลังจะหัก 165 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว ออกจาก 30,000 ล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลจะให้เอไอจีเพิ่มเติม ตามที่ได้ประกาศเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา
"เราจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาของเอไอจีต่อไปเพื่อลดความเสี่ยงของระบบการเงินของเรา ในขณะเดียวกันก็จะต้องลดความสูญเสียของผู้เสียภาษีให้เหลือน้อยที่สุด" ไกธ์เนอร์อธิบาย "และเราก็จะสำรวจดูว่าจะทำอะไรที่จะเร่งกระบวนการนี้ได้บ้าง"
ตอนนี้รัฐบาลสหรัฐฯถือหุ้นราว 80% ของเอไอจีหลังจากได้อัดฉีดเงินถึง 180,000 ล้านดอลาร์ เพื่อประคองบริษัทที่เคยเป็นบริษัทประกันใหญ่ที่สุดของโลกเอาไว้
เอดวาร์ด ลิดดี้ ซีอีโอของเอไอจีมีกำหนดไปให้ปากคำต่อหน้าคณะกรรมาธิการบริการการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธ(18) โดยคาดว่าจะถูกซักถามหนักเรื่องโบนัส รวมทั้งจะต้องแบกรับความโกรธเกรี้ยวของพวกส.ส.
บาร์นีย์ แฟรงก์ ประธานของคณะกรรมาธิการซึ่งทรงอิทธิพลยิ่งชุดนี้กล่าวว่า ควรจะต้องฟ้องร้องเอไอจี "เพื่อเรียกโบนัสเหล่านั้นคืนมา"
ทั้งวุฒิสภาและสภาล่างต่างก็พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อสะกัดกั้นการให้โบนัสของเอไอจี ประธานสภาผู้แทนราษฎร แนนซี เปโลซี บอกว่ามีคณะกรรมาธิการอีกหลายคณะ กำลังเดินหน้าเรื่องร่างกฏหมายให้สภาล่างสามารถอนุมัติได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ก็ยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับวิธีการอื่น ๆอีก เช่น ให้รัฐมนตรียุติธรรมดำเนินการเรียกคืนเงิน ที่บริษัทซึ่งรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เอาไปจ่ายเป็นสิทธิประโยชน์มหาศาลให้แก่พนักงานของบริษัท รวมทั้งโบนัสด้วย
นอกจากเรื่องโบนัสแล้ว เอไอจีก็ยังทำให้ทั้งประชาชนและรัฐบาลขัดเคืองใจอีกโดยการเปิดเผยว่าได้เอาเงินที่ได้รับมาจากรัฐบาลไปจ่ายให้โกลด์แมน แซคส์ และธนาคารหลายแห่งในยุโรป รวมกันถึง 93,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินที่รัฐบาลอัดฉีดเข้ามา
แม้ว่ามีสถาบันการเงินอื่น ๆที่พึ่งความช่วยเหลือจากรัฐบาล ให้โบนัสพนักงานเหมือนกับเอไอจี ไม่ว่าจะเป็นเมอร์ริล ลินช์ หรือมอร์แกน สแตนลีย์ แต่ขนาดของกิจการและจำนวนเงินช่วยเหลือที่เอไอจีได้รับนั้น มากกว่าสถาบันการเงินใด ๆ จึงทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงกว่ากันมากนัก
