นายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนัดหารือการปฎิรูปการเมืองกับพรรคเพื่อไทย ในวันพุธ (18 มีค.) นี้ว่า พรรคเพื่อไทย จะเสนอให้นายกฯ เปลี่ยนเจ้าภาพ จากสถาบันพระปกเกล้า มาให้ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ดำเนินการโดยร่วมมือกับองค์กรภาควิชาการต่างๆ เพราะไม่เช่นนั้นจะเหมือนกับการขี่ม้ารอบค่าย เพราะสถาบันพระปกเกล้าไม่สามารถ ตราพระราชบัญญัติได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาเพียง 90 วันก็จะแล้วเสร็จ ส่วนตัวประธานนั้นก็ต้องมีการหารือกันว่าจะเอาใคร
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงกรณีที่สถาบันพระปกเกล้ารับหน้าที่เป็นตัวกลางในการปฎิรูปการเมืองว่า สิ่งที่สภาสถาบันพระปกเกล้าได้เสนอไปยังรัฐบาลและฝ่ายค้านนั้น สถาบันพระปกเกล้าไม่ได้ เป็นคนทำการพัฒนาประชาธิปไตย หรือการเมืองการปกครองเอง เราเป็นเพียงเวที และชื่อกรรมการก็บอกอยู่แล้ว คือคณะกรรมการศึกษารับฟังความคิดเห็นและทำข้อเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาประชาธิปไตย และการเมืองการปกครอง ซึ่งก็แปลว่า ทุกภาคส่วนต้องมากำหนดกันเอง ว่าจะพัฒนาอย่างไร คงไม่ใช่เรื่องรัฐธรรมนูญเรื่องเดียว จะรวมไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสถาบันพระปกกล้า เป็นเพียงฝ่ายเลขานุการให้ เพราะถ้าไม่เป็นเพียงเลขานุการ ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการทั้ง 50 คน มีที่มาทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ทั้งเสื้อเหลือง ทั้งเสื้อแดง ต้องเข้าใจตรงนี้ ว่า เป็นเวทีให้เท่านั้น
ทั้งนี้ สิ่งที่สถาบันพระปกเกล้าทำอยู่ คือกำลังทำวิจัยร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในเรื่องโครงสร้างทางเศรษฐกิจว่า จะต้องจัดสรรทรัพยากรและความมั่งคั่งใหม่ จะให้คน 10-20 % ของประเทศเป็นเจ้าของรายได้ประชาชาติเกินครึ่งอย่างนี้ และคนจนที่สุดเป็นเจ้าของรายได้ประชาชาติแค่ 4 % ไม่ได้ ทีดีอาร์ไอ ก็จะทำส่วนนั้น และสถาบันพระปกเกล้า จะทำในเรื่องบทบาทของรัฐ ว่า รัฐควรจะทำอะไร ไม่ควรจะทำอะไร ร่วมกับ สถาบัน กพร. แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องทางวิชาการ
ส่วนที่มาของการตั้งคณะกรรมการ จะเป็นเวทีให้ทุกฝ่ายมาหาทางออกร่วมกัน เราไม่มีธง หรือข้อเสนอไว้ ต้องการให้เข้ามาหารือร่วมกันว่า ต้องการให้สังคมไทย เป็นสังคมที่สงบ สันติ และมีประชาธิปไตย อย่างไร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ 50 ท่าน จะมาพูดกัน พูดง่ายง่ายว่า สถาบันพระปกเกล้าเป็นคนกลางจัดเทวีให้เท่านั้น เราไมได้ทำอะไร และไม่ได้มีธงอะไรทั้งสิ้น
นายบวรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ไม่ได้กังวลอะไรเลยว่าจะถูดดึงเข้าไปอยู่ในเกมการเมือง เพราะเราเป็นเพียงเวที ที่ให้ทุกกลุ่มทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการเมืองไทย มาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และไปฟังความคิดเห็น ไม่ใช่เป็นตัวชงเรื่อง
เมื่อถามว่าจะมีการชี้แจงแก่ผู้ที่ออกมาคัดค้านหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ก็ชี้แจงอย่างนี้ ถ้ารัฐบาลกับฝ่ายค้านไม่รับ ก็ไม่เป็นไร ก็ไปหาเวทีใหม่ ตนไม่ได้เดือดร้อน สถาบันพระปกเกล้า ไม่เดือดร้อน ถ้าไม่อยากมีเวทีที่จะมาแปลกเปลี่ยนหาทางออกร่วมกัน ก็ไม่เป็นไร ก็ไปหาเวทีใหม่
เมื่อถามว่า เรื่องสัดส่วนของคณะกรรมการ จะมีความเท่าเทียมกันหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ต้องปรึกษา กันระหว่างประธานคณะกรรมการ คือนายสุจิต บุญบงการ และฝ่ายเลขาฯ ต้องไปปรึกษาประธานสภาทั้งสอง แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีทุกภาคส่วนมาร่วม ส่วนจะเป็นรูปธรรม ในเวลาช้าหรือเร็วนั้น เชื่อว่า คงจะได้ เพราะมีเวลา 8 เดือน ถ้าไม่ออกมา คงถูกสังคมเล่นงาน ซึ่งอาจจะออกมาเป็นรูปที่กว้างขวางกว่า จะออกมาในรูปแก้รัฐธรรมนูญ
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงกรณีที่สถาบันพระปกเกล้ารับหน้าที่เป็นตัวกลางในการปฎิรูปการเมืองว่า สิ่งที่สภาสถาบันพระปกเกล้าได้เสนอไปยังรัฐบาลและฝ่ายค้านนั้น สถาบันพระปกเกล้าไม่ได้ เป็นคนทำการพัฒนาประชาธิปไตย หรือการเมืองการปกครองเอง เราเป็นเพียงเวที และชื่อกรรมการก็บอกอยู่แล้ว คือคณะกรรมการศึกษารับฟังความคิดเห็นและทำข้อเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาประชาธิปไตย และการเมืองการปกครอง ซึ่งก็แปลว่า ทุกภาคส่วนต้องมากำหนดกันเอง ว่าจะพัฒนาอย่างไร คงไม่ใช่เรื่องรัฐธรรมนูญเรื่องเดียว จะรวมไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสถาบันพระปกกล้า เป็นเพียงฝ่ายเลขานุการให้ เพราะถ้าไม่เป็นเพียงเลขานุการ ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการทั้ง 50 คน มีที่มาทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ทั้งเสื้อเหลือง ทั้งเสื้อแดง ต้องเข้าใจตรงนี้ ว่า เป็นเวทีให้เท่านั้น
ทั้งนี้ สิ่งที่สถาบันพระปกเกล้าทำอยู่ คือกำลังทำวิจัยร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในเรื่องโครงสร้างทางเศรษฐกิจว่า จะต้องจัดสรรทรัพยากรและความมั่งคั่งใหม่ จะให้คน 10-20 % ของประเทศเป็นเจ้าของรายได้ประชาชาติเกินครึ่งอย่างนี้ และคนจนที่สุดเป็นเจ้าของรายได้ประชาชาติแค่ 4 % ไม่ได้ ทีดีอาร์ไอ ก็จะทำส่วนนั้น และสถาบันพระปกเกล้า จะทำในเรื่องบทบาทของรัฐ ว่า รัฐควรจะทำอะไร ไม่ควรจะทำอะไร ร่วมกับ สถาบัน กพร. แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องทางวิชาการ
ส่วนที่มาของการตั้งคณะกรรมการ จะเป็นเวทีให้ทุกฝ่ายมาหาทางออกร่วมกัน เราไม่มีธง หรือข้อเสนอไว้ ต้องการให้เข้ามาหารือร่วมกันว่า ต้องการให้สังคมไทย เป็นสังคมที่สงบ สันติ และมีประชาธิปไตย อย่างไร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ 50 ท่าน จะมาพูดกัน พูดง่ายง่ายว่า สถาบันพระปกเกล้าเป็นคนกลางจัดเทวีให้เท่านั้น เราไมได้ทำอะไร และไม่ได้มีธงอะไรทั้งสิ้น
นายบวรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ไม่ได้กังวลอะไรเลยว่าจะถูดดึงเข้าไปอยู่ในเกมการเมือง เพราะเราเป็นเพียงเวที ที่ให้ทุกกลุ่มทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการเมืองไทย มาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และไปฟังความคิดเห็น ไม่ใช่เป็นตัวชงเรื่อง
เมื่อถามว่าจะมีการชี้แจงแก่ผู้ที่ออกมาคัดค้านหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ก็ชี้แจงอย่างนี้ ถ้ารัฐบาลกับฝ่ายค้านไม่รับ ก็ไม่เป็นไร ก็ไปหาเวทีใหม่ ตนไม่ได้เดือดร้อน สถาบันพระปกเกล้า ไม่เดือดร้อน ถ้าไม่อยากมีเวทีที่จะมาแปลกเปลี่ยนหาทางออกร่วมกัน ก็ไม่เป็นไร ก็ไปหาเวทีใหม่
เมื่อถามว่า เรื่องสัดส่วนของคณะกรรมการ จะมีความเท่าเทียมกันหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ต้องปรึกษา กันระหว่างประธานคณะกรรมการ คือนายสุจิต บุญบงการ และฝ่ายเลขาฯ ต้องไปปรึกษาประธานสภาทั้งสอง แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีทุกภาคส่วนมาร่วม ส่วนจะเป็นรูปธรรม ในเวลาช้าหรือเร็วนั้น เชื่อว่า คงจะได้ เพราะมีเวลา 8 เดือน ถ้าไม่ออกมา คงถูกสังคมเล่นงาน ซึ่งอาจจะออกมาเป็นรูปที่กว้างขวางกว่า จะออกมาในรูปแก้รัฐธรรมนูญ
