xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คลั่นอังกฤษช่วยฟื้นศก. ลุยจีนเจรจาการค้า5หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "อภิสิทธิ์" เดินทางถึงเมืองไทย พอใจถก "กอร์ดอน บราวน์" แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกก่อนร่วมเดินหน้าประชุมสุดยอดในเดือน เม.ย. ลุยโปรโมทท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจไทย ปลื้มปี 51 คนอังกฤษเที่ยวเมืองไทย 900,000 คน จูบปากเทสโกโลตัสใช้เป็นเครือข่ายส่งออกสินค้าไทย เน้นผลไม้ไทยมาวางขายในเทสโก้ฯ ทั่วโลก เตรียมเยือนจีนปลายเดือนนี้ เจรจาข้อตกลงการค้าการลงทุนและท่องเที่ยวกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 54

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 15มี.ค.52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับมาจากการเยือนประเทศอังกฤษอย่างเป็นทางการว่า ไปเยือนอังกฤษครั้งนี้ สิ่งที่ได้ทำข้อแรกคือ การเข้าพบนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ที่ใช้เวลามากก็คือการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และการเตรียมการประชุมสุดยอดในเดือนเม.ย.52 ได้คุยกันถึงท่าทีของอาเซียน นายกฯอังกฤษกับตนก็เห็นตรงกันถึงความจำเป็นในการประชุมต้นเดือนเม.ย.ว่าจะเรียกความเชื่อมั่นได้ รวมทั้งนโยบายการเงินการคลังทั่วโลกที่จะต้องมีการประสานกัน การขยายการค้า และ ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงบทบาทสถาบันการเงินระหว่างประเทศเพื่อช่วยแก้วิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในส่วนภาคเอกชนได้มีโอกาสไปปาฐกถาตอบข้อซักถามของกลุ่มนักธุรกิจ การขยายการค้าการลงทุนยังมีลู่ทางมาก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างนี้ ความสนใจในการขยายการค้าการลงทุนยังมีอยู่มากพอสมควร รวมไปถึงกิจกรรมชาวไทยในอังกฤษเพื่อเผยแพร่การท่องเที่ยวและอาหารไทยได้รับการตอบสนองที่ดี นอกจากนี้ก็ได้พบปะกับภาควิชาการและชุมชนชาวไทย นักศึกษา และให้สัมภาษณ์กับสื่อหลักๆ ถือเป็นโอกาสดีในการชี้แจงหลายๆเรื่องที่อยู่ในความสนใจ และให้ความมั่นใจในการเดินไปข้างหน้าของประเทศไทยในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมือง

"ได้คุยกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของประเทศอังกฤษ มีความเห็นตรงกันว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจอเมริกา ยุโรป ยังมีช่องว่างอยู่ ทำให้ขณะนี้ต้องเร่งหาทางที่จะทำให้เกิดความร่วมมือโดยเฉพาะการประชุมสุดยอดให้ได้ ไม่เช่นนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกก็จะช้าออกไปอีก ดังนั้นสัปดาห์นี้จะนัดทีมเศรษฐกิจมาพูดคุยเพื่อประเมินสถานการณ์ตรงนี้อีกครั้ง ว่ามีความจำเป็นที่จะปรับหรือเพิ่มเติมอะไรในแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ2"

ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงเรื่องการกีดกันทางการค้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สัญญาณที่ทุกฝ่ายส่งมาก็ตรงกันคือไม่ประสงค์เห็นการกีดกันทางการค้า แต่สิ่งที่อยากได้มากกว่านั้นคือทำอย่างไรจะให้การเปิดเสรีทางการค้าในระดับโลกเดินต่อไปอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ความรู้สึกของตนนั้น การพูดว่าจะไม่ดีกกันทางการค้าก็พูดกันง่าย ถ้าให้เป็นรูปธรรมจริงๆก้ต้องทำให้เห็นว่าการเปอดเสรีทางการค้ามันเดินต่อ มันก็จะมีความหมาย เป็นการสร้างความเชื่อมั่น เป็นรูปธรรมมากกว่าการพูดว่าจะไม่กีดกันเฉยๆ อาเซียนเราทำเป็นตัวอย่างแล้ว ในการเปิดเสรีการค้ากับประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และจะสรุปที่เกี่ยวข้องกับอินเดียให้เร็วที่สุด

ปลื้มปี 51 ผู้ดีเที่ยวไทย 9 แสนคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ว่า มีข่าวดีบางเรื่อง เช่น เขาก็ได้ช่วยเราในเรื่องของปัญหาการส่งออกเนื้อไก่เข้ามาสหภาพยุโรป อย่างนี้เป็นต้น และรวมไปถึงอย่างที่ได้พูดคุยไปแล้วว่า มีหลายบริษัทที่ดูแลในเรื่องของช่องทางการลงทุนการค้าการขายเพิ่มขึ้น และตนก็มาเปิดงานท่องเที่ยวด้วย ที่จริงตนก็เพิ่งทราบว่าปีที่ผ่านมามีคนอังกฤษไปเที่ยวเมืองไทย 900,000 คน ซึ่งถือว่าเยอะมาก และน่าดีใจก็คือว่าคนเหล่านี้ก็ยังกลับไปประเทศไทย และตัวเลขการท่องเที่ยวในส่วนของนักท่องเที่ยวยุโรปก็ค่อนข้างที่จะฟื้นตัวได้ค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งอันนี้เราก็จะเดินหน้ามาอย่างต่อเนื่อง

แต่ในหมวกของการเป็นประธานอาเซียน สิ่งที่ถือเป็นหน้าที่ก็คือว่า ทำอย่างไรในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลกนี้ เสียงของเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนา เศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นมาใหม่ ๆ ทั้งหลาย จะสามารถมาถึงบรรดามหาอำนาจ บรรดาเศรษฐกิจซึ่งถือว่าพัฒนาแล้ว ประเด็นหลักที่ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยก็คือว่า จริง ๆ เขามองเอเชีย จริง ๆ พวกเราที่อยู่เมืองไทยก็คงตกใจว่าข่าวดีอะไร เพราะเราก็เจอปัญหาหนักหน่วง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงตัวเลขติดลบเรื่องส่งออก เรื่องท่องเที่ยว หรือการเติบโตทางเศรษฐกิจก็ไปทั่วเอเชีย

แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งยุโรปและสหรัฐฯ มองว่าเอเชียเข้มแข็งอยู่ก็คือว่า เราไม่มีปัญหาเรื่องระบบสถาบันการเงินเลย เพราะฉะนั้นตรงนี้จะอย่างไรก็ตามเขาก็ค่อนข้างเชื่อว่า เราสามารถมีส่วนร่วมในการที่จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นมาได้ ตนก็ต้องการให้เขาเข้าใจด้วยว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกขณะนี้เวลามันกระทบไปประเทศอย่างเอเชียนี้ แม้เราไม่มีปัญหาระบบสถาบันการเงินนี้ แต่คนของเราเจ็บ ที่สำคัญก็คือว่าในเศรษฐกิจอย่างเรานี้ ระบบสวัสดิการและการดูแลทางสังคมนี้ มันไม่ได้พัฒนาเท่ากับประเทศของเขา เวลาคนตกงาน เวลาคนเจ็บไข้ได้ป่วย หรืออะไรก็แล้วแต่ เขาต้องตระหนักถึงตรงนี้ว่าผลกระทบในแง่ของวิกฤตเศรษฐกิจนี้ เวลาไปถึงคนจน แล้วในประเทศที่ยากจนนี้มันจะกระทบหนักหนาสาหัส

เล็งร่วมมือโลตัสเป็นเครือข่าย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับ Sir Terry Leahy กรรมการผู้บริหาร (CEO) บริษัท TESCOในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศอังกฤษว่า ตนได้คุยกันกับทางผู้บริหารของเทสโก (ห้างเทสโกโลตัส) ซึ่งก็เป็นนักลงทุนรายใหญ่ สิ่งที่เราดีใจก็คือว่าไม่ใช่เฉพาะเทสโก แต่ว่าได้ไปพบกับนักธุรกิจด้วยก็คือเรามีเพื่อน หรือมีหุ้นส่วนกับเรานี้เยอะที่อยู่ที่นี่ แล้วก็ยังมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานของเรา และก็มีความตั้งใจที่จะขยายการค้าการลงทุน

กรณีเทสโกวันนี้ที่ตนดีใจมากก็คือว่าเขาอยากจะใช้เครือข่ายของเขาส่งออกสินค้าของเรามากขึ้น และวันนี้เขาก็ยกมาเพียงตัวอย่างเดียวง่าย ๆ ก็คือเรื่องของผลไม้ ซึ่งเขาอยากจะเอาผลไม้ไทยมาวางขายในร้านของเขาทั่วโลก โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษด้วย ตนฟังดูตัวเลขก็ตกใจ เขาบอกว่าเขาเชื่อว่าเขาสามารถเอาผลไม้มาขายมากขึ้น 10 เท่าจากที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถ้าทำได้จริงก็เป็นโอกาสที่สำคัญเลยของเกษตรกรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวสวนผลไม้ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาอย่างที่เราทราบ มีปัญหามากในเรื่องของราคา โดยเฉพาะเวลาผลผลิตออกมา เขาขอรัฐบาลไทยอย่างเดียวว่าทำอย่างไรเราสามารถเอาผลไม้นี้เก็บ แล้วสามารถส่งมาถึงประเทศต่าง ๆ เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้เสีย อย่าปล่อยให้คุณภาพได้รับผลกระทบ ส่วนเรื่องการขนส่งถ้าลดต้นทุนได้เขาก็พร้อม ส่วนการที่จะมาบรรจุหีบห่อหรือจะขายอะไรก็เป็นเรื่องของเขา อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี เวลาเราเปิดเรื่องของการค้าการลงทุนแล้วก็มีผลประโยชน์ต่อเนื่องตามมาไปจนถึงเกษตรกรของเรา

"ถ้าเรากำลังจะออกกฎหมายค้าปลีกเขาไม่ต้องตกใจถ้าเขาแข่งขันอย่างเป็นธรรม แต่ว่าถ้าแน่นอนนะมีเงื่อนไขอะไรซึ่งก็เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่รัฐเห็นว่าการค้าขายไม่เป็นธรรม เราก็ต้องเข้าไปแก้ไข แต่เขาก็ยืนยันว่าเขาก็ต้องการเป็นมิตรกับประเทศที่เขาเข้าไปลงทุน เขายืนยันว่าตั้งแต่เขาลงทุนมาเขายังไม่เคยเอาเงินกลับมาเลย เขาเอาเงินลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นการสร้างงานสร้างโอกาส และเขาก็รับกับตนว่าเขาจะพยายามไปทำงานใกล้ชิดกับร้านค้าขนาดเล็ก โชห่วย มากขึ้น ว่ามีอะไรที่จะทำให้อยู่ร่วมกันได้ ก็ถือว่าเป็นนโยบายที่เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน" นายกฯ กล่าว

เตรียมเยือนจีนปลายเดือนนี้

นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการในปลายเดือนมี.ค.นี้ โดยคาดว่า จะมีการเจรจาเรื่องการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ซึ่งจีนได้ขอให้ดำเนินการตามแผนงานที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้การดำเนินงานมีความคืบหน้าและต่อเนื่องและนำไปสู่ข้อตกลงร่วมกันว่าในปี 2554 จะมีปริมาณการค้ามูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีโครงการต่าง ๆ ของจีนเข้ามาลงทุนในไทยเป็นมูลค่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวไทยจำนวน 3 ล้านคน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไทยและจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันและได้มีการลงนามในข้อตกลงต่าง ๆ ร่วมกัน ซึ่งจีนเห็นว่าแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองแต่ต้องการให้ข้อตกลงเป็นไปตามเดิม โดยในการเดินทางของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้จะให้ความสำคัญและยืนยันในข้อตกลงที่เคยมีไว้ในอดีตเพราะถือว่าเป็นข้อตกลงที่ได้รับประโยชน์ร่วมกัน อย่างไรก็ตามจากการเดินทางไปเยือนจีนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อปลายเดือนก.พ.ได้รับการยืนยันจากจีนชัดเจนว่าไม่มีนโยบายกีดกันทางการค้าโดยเฉพาะในเรื่องของสินค้าเกษตร ที่ไทยเองเตรียมจัดงานแสดงสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผลไม้ใน 5 เมืองหลัก เช่นที่ เมืองเป่ยจิง เมืองซีอาน เมืองต้าเหลียน และเมืองเทียนจิน เป็นต้น

"นายกฯ จะไปจีนปลายเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ เพื่อกระตุ้นตลาดสินค้าผลไม้ของไทยโดยเฉพาะลำไย ซึ่งจะใช้งบประมาณ 85 ล้านบาท ขณะที่จีนเองมีนโยบายชัดเจนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงให้ความสนใจในการลงทุนขนาดใหญ่ในไทย โดยเฉพาะโครงการสาธารณูปโภค ที่สำคัญจีนยังได้สนับสนุนเงินกู้จำนวน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับไทยโดยมีเงื่อนไขที่ผ่อนปรนอีกด้วย"

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องเร่งให้ความสำคัญเพราะถือเป็นตลาดหลัก โดยต้องจัดลำดับความสำคัญและคำนึงเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น