xs
xsm
sm
md
lg

ข้าฯ ยึดมั่นในอำนาจพระบารมีธรรม

เผยแพร่:   โดย: ว.ร.ฤทธาคนี

nidd.riddhagni@gmail.com

ความเหิมเกริมของกลุ่มอนาธิปไตยที่ส่วนใหญ่เป็นพวกอัตตาธิปไตยคือ พวกมีความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ถือเป็นคตินิยม เชื่อมั่นในทฤษฎีที่ตัวเองซึมซับมา หรือมีจิตสำนึกที่เกิดจากการลำเอียงโดยมีอกุลมูล 4 เป็นปัจจัยนำพาให้เกิดอัตตาธิปไตยคติ ภาษาธรรมโดยพระธรรมกิติวงศ์ หรือเจ้าประคุณทองดี สุรเดโช ป.ธ. 9 ราชบัณฑิต กล่าวไว้ว่า อัตตาธิปไตยแปลว่า ความมีตนเป็นใหญ่หรือหมายถึงความถือตนเป็นใหญ่ ถือตนเป็นประมาณ ถือความคิดตนเป็นหลัก คือกิริยาของคนที่ทำสิ่งใดก็นึกถึงตัวเอง นึกถึงประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญ คำนึงถึงแต่เกียรติยศ ชื่อเสียง ความมีหน้ามีตาของตนเป็นหลัก

ดังนั้น อัตตาธิปไตยเป็นเหตุให้คนเห็นแก่ตัว ยึดถือความคิดของตนเป็นใหญ่ ไม่ยอมรับความเห็นของผู้อื่น แม้ว่าบางครั้งจะใจกว้างช่วยเหลือคนอื่นหรือฟังคนอื่น ก็เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนทั้งสิ้น โดยพวกนี้กำลังจะท้าทายกับอำนาจพระบารมีธรรมด้วยการให้แก้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือยกเลิกไปเสีย

ความฮึกเหิมของกลุ่มอนาธิปไตยผนวกกับพวกอัตตาธิปไตยเกิดจากพลังซ้อนที่มีเงินตราเป็นเชื้อปะทุ ทำการกว้านซื้อพวกบัวใต้น้ำ มีสมองเพียงนกแก้วหรือนกขุนทองที่จดจำเพียงคำพูดคนอื่นแล้วนำมาพูดซ้ำ หรือกลุ่มคนเหล่านี้เป็นพวกอเวไนยสัตว์ให้เข้าเป็นพวก

ตามความจริงแล้ว อเวไนยสัตว์จะตรงข้ามกับเวไนยสัตว์แปลว่า สัตว์ผู้ควรแนะนำสั่งสอนได้ และตามลักษณะทางชีวลักษณะแล้วคือมีสติปัญญาความคิด ความสามารถในการจดจำ สามารถวิเคราะห์ผิดถูก ความสามารถในการพูดหรือสื่อสารได้ การเขียน การฟัง การถาม มีวิจารณญาณชี้ผิดชอบชั่วดีได้ มีหิริโอตตัปปะ และสามารถประมวลผลจากประสบการณ์และการจำมาวิเคราะห์ผล

หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สูญเสียอำนาจอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ทำให้ตกอยู่ในอาการสะดุ้งตกใจ เสียดายอำนาจ เสียดายเงินทองที่ใช้อำนาจ เล่ห์กล และความได้เปรียบในระบบทุนนิยม ฉกฉวยสร้างความร่ำรวยเพื่อที่จะซื้อความเป็นใหญ่ และหวังเอาความเป็นใหญ่นี้ใช้ทำลาย และลบล้างอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินที่ประกอบด้วยอำนาจพระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ความศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษผู้เสียสละชีพเพื่อชาติทุกเหตุการณ์ และความศักดิ์สิทธิ์ของตัวประชาชนเองที่ส่วนใหญ่เคารพศรัทธาในอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินที่ตัวเองเป็นเจ้าของ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นกรรมที่เขาก่อขึ้นเอง

ดังนั้น เมื่อผนวกกิเลสของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่โลภในอำนาจกับความต้องการล้มระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของพวกอนาธิปไตย แล้วแม้เกิดแนวร่วมเพียงหยิบมือและบวกกับพวกอนาธิปไตยสากล รวมทั้งพวกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ถึงความเป็นไทย แต่อยากวิพากษ์วิจารณ์ความเป็นไทย ขนบธรรมเนียมนิติประเพณีของไทย และอยากจะวาดวิถีรัฐศาสตร์ให้คนไทย จึงออกมาเขียนบทความวิพากษ์บ้าง หรือให้สัมภาษณ์บ้าง หรือเขียนหนังสือหากินบ้าง หรือรับจ้างคนไทยเขียนบทความบ้าง หรือเขียนหนังสือภาษาอังกฤษ ให้ดูเป็นสากลตามนัยโลกาภิวัตน์บ้าง

แต่ขอโทษครับ โลกาภิวัตน์ประยุกต์ได้เฉพาะระบบเศรษฐกิจ การเงิน และข้อมูลข่าวสารเท่านั้น ไม่สามารถประยุกต์ในเรื่องวัฒนธรรมหรือรัฐศาสตร์ได้ ถ้าโลกาภิวัตน์ทางรัฐศาสตร์แล้ว ทำไมต่างชาติโดยเฉพาะชาติตะวันตกจึงเลือกปฏิบัติในเรื่องการออก VISA โดยพวกนี้กำลังเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทยอันจะเป็นภัยร้ายแรงต่อความเป็นไทยในระยะยาวแม้เขมรยังตั้งสถาปนาระบอบกษัตริย์ใหม่เลย

สิ่งหนึ่งที่แนวร่วมอนาธิปไตยและอัตตาธิปไตยใช้คือ จุดอ่อนของรัฐที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องพระบรมเดชานุภาพแต่ไม่ทำ เพราะพระมหากษัตริย์อยู่เหนือระบบการเมือง และพระมหากษัตริย์ไม่สามารถกระทำการฟ้องร้องผู้ที่บังอาจจาบจ้วงพระองค์ หรือพระราชวงศ์ได้ด้วยพระองค์เอง ในกรณีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 คณะราษฎรจาบจ้วงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ อย่างรุนแรง แต่พระองค์ทรงไม่ถือโทษ และต่อมา พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้นำคณะราษฎร์เข้าเฝ้ากราบทูลขอพระราชทานอภัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 ก็ทรงพระราชทานอภัยให้ เพราะตามหลักความจริงของมนุษย์นั้น เกิดมาแตกต่างกัน มีความคิดแตกต่างกัน มีปมด้อยแตกต่างกัน มีโอกาสแตกต่างกัน

และหากในกลุ่มนี้ซึ่งอาจจะมีเพียงกลุ่มย่อยๆ ในสังคมก็ตาม ในเชิงจิตวิทยา และพฤติกรรมที่ต่อต้านความต่างฐานะทางสังคมแล้ว จะมีเป็นนับพันนับหมื่น และหากกลุ่มนี้ไร้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในระบบการปกครองอย่างแท้จริงแล้ว ก็อาจจะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ตามความคิดเห็นตื้นๆ ของตัวเองด้วยถ้อยคำ วาจา และโวหารตามระดับความรู้ และปัญญา ถ้าต่ำหน่อยก็จะหยาบคายเป็นภาษาสถุล หากมีความรู้สูงก็จะใช้โวหารเหน็บแนมทำลายศรัทธาและความเชื่อมั่นในระบบพระมหากษัตริย์ ตามที่เกิดขึ้นในกระแสสื่อทั้งที่เป็นสิ่งตีพิมพ์ และสื่อ Electronic

กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Lese Majesty Law ที่รากศัพท์มาจากภาษาละติน Laesa Maiestas ที่แปลว่า ทำร้ายกษัตริย์ Injury to Majesty

ในอังกฤษสมัยพระเจ้ายอร์จที่ 3 นั้น หากมีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งสากลหมายถึง การละเมิดหรือจาบจ้วงศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ โดยมีนักเขียนการ์ตูนอังกฤษชื่อ ริชาร์ด นิวตัน (Richard Newton) เขียนการ์ตูนโดยเอารูปจอห์น บูล (John Bull) ที่สังคมอังกฤษใช้เปรียบเทียบบุคลิกของประเทศอังกฤษหรือ ลุกแซม (Uncle Sam) เป็นตัวแทนของชาติสหรัฐฯ โดยนายริชาร์ด นิวตัน วาดการ์ตูนล้อเลียนพระเจ้ายอร์จที่ 3 ถูกจอห์น บูล ตดใส่พระทิสลักษณ์ของพระเจ้ายอร์จที่ 3 ทำให้วิลเลียม พิท ยังเกอร์ (William Pitt Younger) นายกรัฐมนตรีอังกฤษในปี 1798 โกรธมาก และให้เอาตัวนายริชาร์ด นิวตัน ไปขังโดยไม่ขึ้นศาลในข้อหากบฏ แต่ในที่สุดก็ปล่อยตัวออกจากคุกและปรับเป็นเงินหลายปอนด์เพราะพระเจ้ายอร์จที่ 3 ทรงพระราชทานอภัย

สิ่งที่รัฐบาลจะต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในยามนี้ คงจะต้องทำการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ทุกมิติ เพราะมิฉะนั้นแล้วจะสายเกินแก้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำการรณรงค์ให้ชาวไทยและชาวโลกเข้าใจในบทบาทของพระมหากษัตริย์ ฐานะของพระองค์ในระบบการเมืองและการปกครองตามนิติประเพณีของไทย และที่แน่นอนที่สุดจะต้องให้ชาวโลกเข้าใจให้ได้ว่ามีหลักธรรมราชาอะไรบ้างที่ไม่ได้เป็นกฎหมาย แต่พระมหากษัตริย์ไทยจะต้องทรงรักษาไว้อย่างเคร่งครัด 3 มาตรการคือ ทศพิธราชธรรม 10 คือ จริยวัตร 10 ประการที่พระเจ้าแผ่นดินทรงประพฤติเป็นหลักธรรม ซึ่งปรากฏในพระสูตรขุททกนิกายชาดก ปรากฏเป็นพระคาถาคือ ทาน ศีล บริจาค ความซื่อตรง ความอ่อนโยน ความเพียร ความไม่โกรธ ความไม่เบียดเบียน ความอดทน ความยุติธรรม

หลักจักรวรรดิวัตรธรรมหรือหลักธรรมะในการคุ้มครองป้องกันอาณาประชาราษฎร์คือ พระมหากษัตริย์จะต้องทรงพิทักษ์ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทรงอนุเคราะห์ประชาชนชาวนิคมชนบทโดยฐานานุรูป ทรงแนะนำให้อาณาประชาราษฎร์ตั้งอยู่ในกุศลสุจริต ประกอบอาชีพโดยชอบธรรม หากชนใดไม่มีทรัพย์พอเลี้ยงชีพโดยสัมมาอาชีวะ จะพระราชทานทรัพย์เจือจานให้เลี้ยงชีพด้วยวิธีอันเหมาะสมสุจริต ทรงช่วยชีวิตประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติ ทรงดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างลึกซึ้ง ด้วยการผูกพระราชไมตรีสมานราชสัมพันธมิตรกับกษัตริย์และผู้นำประเทศอื่นเพื่อให้ราชอาณาจักรอยู่รอดปลอดภัย ทรงส่งเสริมศิลปะและการศึกษา รวมทั้งสุขภาพ อนามัย สุขาภิบาล ทรงให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ด้วยการสร้างโรงพยาบาล บ้านพักคนชรา คนกำพร้า และคนอนาถา ทรงอุปการะสมณชีพราหมณ์ผู้มีศีลประพฤติชอบ โดยพระราชทานไทยธรรมบริขารเกื้อกูลแก่ธรรมปฏิบัติ

และหลักธรรมราชาประการสุดท้ายได้แก่ ราชสังคหะหรือการทำนุบำรุงประชาราษฎร์ ด้วยหลักธรรม 4 ประการได้แก่ การสร้างพระปรีชาสามารถในเรื่องการบำรุงพืชพันธุ์ธัญญาหารส่งเสริมการเกษตรให้สมบูรณ์ พระปรีชาสามารถในการสงเคราะห์พระราชวงศานุวงศ์ และข้าราชการทั้งปวงที่ประกอบพระราชกิจฉลองพระเดชพระคุณ ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน พระปรีชาสามารถในการส่งเสริมอาชีพ เช่น การจัดทุนให้คนยากจนไปสร้างงานในอาชีพต่างๆ พระปรีชาสามารถในการใช้พระวาจาที่เตือนสติประชาชนในอาณัติของพระองค์ ทรงปราศรัยถามไถ่ทุกข์สุขของประชาชนทุกระดับชั้นโดยสมควรแก่ฐานะและภาวการณ์

ความจริงเหล่านี้รัฐบาลควรจะต้องสร้างรูปแบบการอธิบายให้ทุกชนชั้นระดับการศึกษาเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงหลักธรรมที่พระมหากษัตริย์ทรงปฏิบัติ พร้อมทั้งตัวอย่างแสดงให้เห็นจริง และกระทรวงต่างประเทศจะต้องจัดทำนิทรรศการ Road Show อย่างเปิดเผย ไม่ต้องเกรงกลัวพวกอนาธิปไตยสากลหรือพวกมีใจลำเอียงและต้องให้สังคมโลกยอมรับหลักธรรมราชาที่ราชวงศ์จักรียึดมั่นเป็นยุทธศาสตร์ชาติ

เพราะหากรัฐบาลไม่ทำการเหล่านี้แล้ว กลุ่มราชภักดี นักวิชาการที่จงรักภักดี และศรัทธาในระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญก็จะออกมาต่อต้านพวกต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมอย่างรุนแรงที่พัฒนาความเข้มข้นได้ง่ายดาย โดยมีความจงรักภักดี ความไม่จงรักภักดี ความศรัทธา และความไม่ศรัทธาเป็นเงื่อนไข และหากปล่อยเนินนานไปบาดแผลทางใจจะลึก และเกิดเป็นมะเร็งกินใจคนไทย ทั้งที่รู้ถึงการณ์และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สำหรับบุคคลที่เกิดมาต่อต้านระบบสถาบันพระมหากษัตริย์โดยกำเนิดแล้วก็ปล่อยให้คิดฟุ้งซ่านไปเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้

และในที่สุดพลังส่วนรวมก็จะทำให้จิตวิญญาณของเขาเหล่านั้นตายไปเอง และเป็นเช่นนี้แล้วในอังกฤษเมื่อ ค.ศ. 1660 หรือเหตุการณ์การกอบกู้ระบบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญและช่วงปฏิวัติสู่ความโชติช่วง ค.ศ. 1689 ในเรื่องการมอบพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งคนอังกฤษได้มาด้วยเลือดและน้ำตา ประเทศไทยได้ประชาธิปไตยมาเพราะพระเมตตาของสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเห็นสันติสุขของอาณาประชาราษฎร์อยู่เหนือความเป็นพระมหากษัตริย์ และขออย่าให้มีความคิดอย่างครอมเวลคตินิยม (Cromwellism) ในสังคมไทยเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น