ASTVผู้จัดการรายวัน- ชุมชนมาบตาพุดสุดทนออกโรงเองเตรียมยื่นหนังสือถึงนายกฯวันที่ 16 มี.ค.ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลฯให้มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ ลั่นแผนปฏิบัติที่ผ่านมากำลังไปด้วยดีแล้วแต่คนยื่นฟ้องกลับไม่ใช่คนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบแถมใช้ข้อมูลเก่ามาอ้างอิง "ชาญชัย" เล็งลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง ส่วน "มาร์ค" พูดไม่ชัดเรื่องยื่นอุทธรณ์คำตัดสินศาล แค่บอกเป็นเรื่องของข้อ กม.
นายอิทธิพล แจ่มแจ้ง ประธานกรรมการ มูลนิธิกองทุนเพื่อคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมชุมชนเมืองมาบตาพุด และเทศบาลตำบลบ้านฉาง เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่จะมีการประชุมวันที่ 16 มี.ค.นี้ ให้พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งศาล กรณีประกาศให้พื้นที่มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษโดยมีเงื่อนไข ให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาให้ถ่องแท้ ถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนเพื่อหาข้อเท็จจริงก่อน
ทั้งนี้ เห็นว่าผู้ที่ไปฟ้องร้องต่อศาลส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบกับข้อมูลที่ยื่นต่อศาล เป็นข้อมูลช่วงปี 49-50 ที่ยังไม่มีการดำเนินการแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยอง 5 ปี (2550-2554) ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าว ได้ใช้จำลองแบบแผนของการเป็นเขตควบคุมมลพิษอยู่แล้ว ดังนั้นหากรัฐประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ เท่ากับแผนปฏิบัติการจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทันที และเท่ากับแผนที่ปฏิบัติมาเท่ากับเอาประเทศ ประชาชนในพื้นที่เป็นตัวทดลอง
นายศุภชัย วัฒนางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มปิโตรเคมี ส.อ.ท.ได้เห็นตรงกันที่จะเสนอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ยื่นอุทธรณ์กรณีมาบตาพุด เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงให้ตรงกันก่อน ซึ่งเอกชนที่ผ่านมาไม่ได้ละเลยในการปฏิบัติตามแผนการลดมลพิษแต่อย่างใดแต่เห็นว่าหากนโยบายการลงทุนไม่ชัดเจนจะกระทบต่อนโยบายลงทุนของภาครัฐในระยะยาวได้
"เราเองยังตอบไม่ได้ว่า สุดท้ายจะเป็นอย่างไร เพราะการประกาศเขตควบคุมมลพิษนั้นหากแผนด้านสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงแบบเข้มงวดกว่าแผนเดิม ทั้งที่แผนเดิมนั้นอิงมาตรฐานสากลอยู่แล้ว ก็ย่อมกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนเพราะจะมีผลต่อขั้นตอนการยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอแน่ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่มีปัญหา" นายศุภชัยกล่าว
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้หารือกับนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการประกาศเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด ซึ่งสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นด้วย กับแนวทางที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ส.อ.ท.และสมาคมธนาคารไทย จะทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองระยอง และตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาเพื่อศึกษาข้อมูลการจัดการมลพิษในพื้นที่ เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับ เนื่องจากปัจจุบันต่างประเทศต่างดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ หากมีการประกาศเขตควบคุมมลพิษอาจส่งผลให้นักธุรกิจต่างชาติเปลี่ยนใจไปลงทุนในประเทศอื่นได้
ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นว่าการประกาศเขตควบคุมมลพิษที่มาบตาพุดจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง เพราะอาจทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเข้าใจผิดว่า ระยองมีมลพิษมากโดยจะไปหารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดระยองเพื่อสรุปปัญหาและหาแนวทางในการแก้ปัญหา รวมทั้งจะออกมาชี้แจงกับสาธารณะถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการท่องเที่ยว และจะรวบรวมข้อมูลที่ได้ไปชี้แจงให้กับที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ที่มีนายอภิสิทธิ์ เป็นประธาน ในวันที่ 18 มี.ค.52 ร่วมกับข้อเสนอของ กกร.ด้วย
“กกร.เห็นด้วยที่จะให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองระยอง เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการในนิคมฯมาบตาพุดและ 25 ชุมชน ได้ร่วมกันแก้ปัญหามลพิษในพื้นที่ตั้งแต่ปี50 โดยผู้ประกอบการในพื้นที่ได้ประสานงานกับชุมชนทั้ง 25 ชุมชน เพื่อให้ออกมาร่วมชี้แจงการจัดการมลพิษร่วมกับภาคเอกชนในอีก 1-2 วันข้างหน้าที่ผ่านมา ภาคเอกชนจัดทำแผนจัดการมลพิษในมาบตาพุดร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมปี50-54 โดยตามแผนภาคเอกชนจะลงทุนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม 21,000 ล้านบาท” นายสันติ กล่าว
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เร็วๆนี้ตนจะลงพื้นที่ เพื่อหารือกับทุกส่วนทั้งชุมชนและภาคอุตสาหกรรมในการรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเชิงข้อกฎหมาย รัฐบาลจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่นั้น เป็นเรื่องข้อกฎหมาย คณะกรรมการ คงจะประกาศตามคำสั่งศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมมลพิษไปแล้วจะกระทบต่อการลงทุน 5 แสนล้าน หรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนสรุปมา แต่เราจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล
นายอิทธิพล แจ่มแจ้ง ประธานกรรมการ มูลนิธิกองทุนเพื่อคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมชุมชนเมืองมาบตาพุด และเทศบาลตำบลบ้านฉาง เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่จะมีการประชุมวันที่ 16 มี.ค.นี้ ให้พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งศาล กรณีประกาศให้พื้นที่มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษโดยมีเงื่อนไข ให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาให้ถ่องแท้ ถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนเพื่อหาข้อเท็จจริงก่อน
ทั้งนี้ เห็นว่าผู้ที่ไปฟ้องร้องต่อศาลส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบกับข้อมูลที่ยื่นต่อศาล เป็นข้อมูลช่วงปี 49-50 ที่ยังไม่มีการดำเนินการแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยอง 5 ปี (2550-2554) ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าว ได้ใช้จำลองแบบแผนของการเป็นเขตควบคุมมลพิษอยู่แล้ว ดังนั้นหากรัฐประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ เท่ากับแผนปฏิบัติการจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทันที และเท่ากับแผนที่ปฏิบัติมาเท่ากับเอาประเทศ ประชาชนในพื้นที่เป็นตัวทดลอง
นายศุภชัย วัฒนางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มปิโตรเคมี ส.อ.ท.ได้เห็นตรงกันที่จะเสนอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ยื่นอุทธรณ์กรณีมาบตาพุด เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงให้ตรงกันก่อน ซึ่งเอกชนที่ผ่านมาไม่ได้ละเลยในการปฏิบัติตามแผนการลดมลพิษแต่อย่างใดแต่เห็นว่าหากนโยบายการลงทุนไม่ชัดเจนจะกระทบต่อนโยบายลงทุนของภาครัฐในระยะยาวได้
"เราเองยังตอบไม่ได้ว่า สุดท้ายจะเป็นอย่างไร เพราะการประกาศเขตควบคุมมลพิษนั้นหากแผนด้านสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงแบบเข้มงวดกว่าแผนเดิม ทั้งที่แผนเดิมนั้นอิงมาตรฐานสากลอยู่แล้ว ก็ย่อมกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนเพราะจะมีผลต่อขั้นตอนการยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอแน่ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่มีปัญหา" นายศุภชัยกล่าว
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้หารือกับนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการประกาศเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด ซึ่งสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นด้วย กับแนวทางที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ส.อ.ท.และสมาคมธนาคารไทย จะทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองระยอง และตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาเพื่อศึกษาข้อมูลการจัดการมลพิษในพื้นที่ เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับ เนื่องจากปัจจุบันต่างประเทศต่างดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ หากมีการประกาศเขตควบคุมมลพิษอาจส่งผลให้นักธุรกิจต่างชาติเปลี่ยนใจไปลงทุนในประเทศอื่นได้
ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นว่าการประกาศเขตควบคุมมลพิษที่มาบตาพุดจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง เพราะอาจทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเข้าใจผิดว่า ระยองมีมลพิษมากโดยจะไปหารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดระยองเพื่อสรุปปัญหาและหาแนวทางในการแก้ปัญหา รวมทั้งจะออกมาชี้แจงกับสาธารณะถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการท่องเที่ยว และจะรวบรวมข้อมูลที่ได้ไปชี้แจงให้กับที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ที่มีนายอภิสิทธิ์ เป็นประธาน ในวันที่ 18 มี.ค.52 ร่วมกับข้อเสนอของ กกร.ด้วย
“กกร.เห็นด้วยที่จะให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองระยอง เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการในนิคมฯมาบตาพุดและ 25 ชุมชน ได้ร่วมกันแก้ปัญหามลพิษในพื้นที่ตั้งแต่ปี50 โดยผู้ประกอบการในพื้นที่ได้ประสานงานกับชุมชนทั้ง 25 ชุมชน เพื่อให้ออกมาร่วมชี้แจงการจัดการมลพิษร่วมกับภาคเอกชนในอีก 1-2 วันข้างหน้าที่ผ่านมา ภาคเอกชนจัดทำแผนจัดการมลพิษในมาบตาพุดร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมปี50-54 โดยตามแผนภาคเอกชนจะลงทุนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม 21,000 ล้านบาท” นายสันติ กล่าว
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เร็วๆนี้ตนจะลงพื้นที่ เพื่อหารือกับทุกส่วนทั้งชุมชนและภาคอุตสาหกรรมในการรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเชิงข้อกฎหมาย รัฐบาลจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่นั้น เป็นเรื่องข้อกฎหมาย คณะกรรมการ คงจะประกาศตามคำสั่งศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมมลพิษไปแล้วจะกระทบต่อการลงทุน 5 แสนล้าน หรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนสรุปมา แต่เราจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล
