รอยเตอร์ - รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นปฏิเสธเมื่อวานนี้ (16) ว่าไม่ได้มึนเมาสุราขณะแถลงข่าวระหว่างที่เขาไปร่วมการประชุมของกลุ่ม 7 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก(จี 7) แต่ทางด้านฝ่ายค้านรุกหนักเรียกร้องให้ลาออกแสดงความรับผิดชอบต่อการทำเรื่องเสื่อมเสียให้กับประเทศ กรณีนี้จึงกลายเป็นแรงกดดันอันหนักหน่วงอีกระลอกหนึ่งเข้าใส่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะ ซึ่งคะแนนนิยมกำลังตกต่ำถึงขีดสุด ขณะที่จะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายในปีนี้
โชอิจิ นากางาวะ รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่น ผู้เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของอาโซะ บอกกับผู้สื่อข่าวภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีบ่ายวานนี้ว่า อาโซะได้ขอให้เขาอยู่ในตำแหน่งต่อไป ทว่าพวกนักวิเคราะห์ต่างมองว่า ทางฝ่ายค้านจะต้องเร่งกดดันต่อไปอีกเพื่อให้รัฐมนตรีผู้นี้ลาออกให้ได้
นากางาวะ ซึ่งเวลานี้อายุ 55 ปี กล่าวว่า เขาเพียงแต่จิบไวน์เล็กน้อยในระหว่างรับประทานอาหารกลางวันก่อนการแถลงข่าว ซึ่งจัดขึ้นภายหลังการประชุมกันของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มจี 7 เป็นเวลา 2 วันที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี
"ผมไม่ได้ดื่มเข้าไปทั้งแก้วนะ" เขายืนยัน แต่ภาพของเขาในที่แถลงข่าว ซึ่งเขาแสดงอาการเหมือนกำลังมึนเมา ก็ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้วผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ต
ปัญหาเรื่องพฤติกรรมของนากางาวะที่กรุงโรมคราวนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คะแนนนิยมในตัวอาโซะกำลังทรุดดิ่งอย่างหนัก ขณะที่รัฐบาลจะต้องจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาล่างก่อนเดือนตุลาคมปีนี้ และเศรษฐกิจก็กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง
นักวิเคราะห์ระบุว่าหากนากางาวะถูกปลดหรือถูกกดดันให้ลาออก อาโซะก็จะยิ่งเจองานหนักหน่วงในการรักษาอำนาจทางการเมืองเอาไว้ให้ได้ หลังจากที่มีกรณีผิดพลาดเกิดขึ้นมาเรื่องแล้วเรื่องเล่า
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวที่กรุงโรมร่วมกับมาซาอากิ ชิรากาวา ผู้ว่าการธนาคารกลางของญี่ปุ่น ภายหลังการประชุมกลุ่ม จี 7 นากางาวะมีอาการพูดไม่ชัด และบางช่วงก็ยังนั่งหลับตาสัปหงก และเขายังชิงตอบคำถามที่ผู้สื่อข่าวตั้งใจถามผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่นด้วย
นากางาวะพยายามอธิบายว่า พฤติกรรมของเขาเป็นเพราะเขารับประทานยาหลายอย่าง รวมทั้งยาแก้หวัดเข้าไป แต่สิ่งที่เขาทำไปก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจุดยืนของญี่ปุ่น หรือต่อความสัมพันธ์กับประเทศในกลุ่มจี 7 แต่อย่างใด
ทว่าพรรคเดโมแครติก ปาร์ตี้ ออฟ แจแปน (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักไม่เห็นด้วยและบอกว่านากางาวะควรถูกปลด หรือไม่เขาก็ควรพิจารณาลาออกจากตำแหน่งเสีย
"นี่เป็นเรื่องซึ่งทำให้ต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบของเขาทั้งในฐานะเป็นรัฐมนตรีของประเทศและในฐานะเป็นรัฐมนตรีคลัง" อิจิโร โอซาวะ ผู้นำพรรคดีพีเจกล่าว และพูดต่อไปว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียและน่าละอายเป็นอย่างยิ่ง
ด้านอดีตนายกรัฐมนตรีโยชิโร โมริ ก็ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่าเขาเคยพูดถึงเรื่องนี้กับนากางาวะมาแล้ว "เพราะว่าเขาชอบดื่มเหล้า ผมเลยแนะนำเขาไปครั้งหนึ่งให้ระมัดระวังเรื่องนี้ด้วย"
ยูคิโอะ อาโตยามะ ผู้นำหมายเลข 2 ของพรรคดีพีเจบอกว่า พรรคอาจยื่นถอดถอนนากางาวะต่อสภาสูงหากยังไม่มีการสะสางเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว ทั้งนี้ การยื่นถอดถอนในสภาสูงซึ่งฝ่ายค้านกุมเสียงข้างมากอยู่นั้น แม้ว่าจะไม่มีผลผูกมัดเป็นทางการ แต่ก็เคยมีรัฐมนตรีคนหนึ่งเคยถูกกดดันจากมติของสภาสูงจนต้องลาออกไปแล้วคนหนึ่ง
แม้ว่านากางาวะจะยกให้อาโซะเป็นผู้ชี้ชะตาของเขา แต่พวกนักวิเคราะห์ก็ให้ความเห็นว่า ไม่ว่านากางาวะจะออกไปหรือยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปก็ล้วนแต่ส่งผลร้ายต่ออาโซะทั้งสิ้น เพราะอาโซะเป็นผู้แต่งตั้งพันธมิตรใกล้ชิดให้เป็นผู้ดูแลงานในตำแหน่งรัฐมนตรีคลังและกำกับดูแลธนาคารต่างๆ ด้วยตนเอง เมื่อเขาเข้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำญี่ปุ่นในเดือนกันยายนปีที่แล้ว
"การเสียคนสำคัญที่ดูแลระบบการเงินและการคลังของประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้จะเป็นอันตรายอย่างรุนแรงต่อตำแหน่งหน้าที่ของอาโซะ" โกอิชิ นากาโน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโซเฟียให้ความเห็น "แต่ถึงนากางาวะยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป ก็จะยิ่งไปเสริมความคิดเห็นของผู้คนว่าอาโซะควรลงจากตำแหน่งก่อนกำหนด"
โชอิจิ นากางาวะ รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่น ผู้เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของอาโซะ บอกกับผู้สื่อข่าวภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีบ่ายวานนี้ว่า อาโซะได้ขอให้เขาอยู่ในตำแหน่งต่อไป ทว่าพวกนักวิเคราะห์ต่างมองว่า ทางฝ่ายค้านจะต้องเร่งกดดันต่อไปอีกเพื่อให้รัฐมนตรีผู้นี้ลาออกให้ได้
นากางาวะ ซึ่งเวลานี้อายุ 55 ปี กล่าวว่า เขาเพียงแต่จิบไวน์เล็กน้อยในระหว่างรับประทานอาหารกลางวันก่อนการแถลงข่าว ซึ่งจัดขึ้นภายหลังการประชุมกันของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มจี 7 เป็นเวลา 2 วันที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี
"ผมไม่ได้ดื่มเข้าไปทั้งแก้วนะ" เขายืนยัน แต่ภาพของเขาในที่แถลงข่าว ซึ่งเขาแสดงอาการเหมือนกำลังมึนเมา ก็ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้วผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ต
ปัญหาเรื่องพฤติกรรมของนากางาวะที่กรุงโรมคราวนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คะแนนนิยมในตัวอาโซะกำลังทรุดดิ่งอย่างหนัก ขณะที่รัฐบาลจะต้องจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาล่างก่อนเดือนตุลาคมปีนี้ และเศรษฐกิจก็กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง
นักวิเคราะห์ระบุว่าหากนากางาวะถูกปลดหรือถูกกดดันให้ลาออก อาโซะก็จะยิ่งเจองานหนักหน่วงในการรักษาอำนาจทางการเมืองเอาไว้ให้ได้ หลังจากที่มีกรณีผิดพลาดเกิดขึ้นมาเรื่องแล้วเรื่องเล่า
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวที่กรุงโรมร่วมกับมาซาอากิ ชิรากาวา ผู้ว่าการธนาคารกลางของญี่ปุ่น ภายหลังการประชุมกลุ่ม จี 7 นากางาวะมีอาการพูดไม่ชัด และบางช่วงก็ยังนั่งหลับตาสัปหงก และเขายังชิงตอบคำถามที่ผู้สื่อข่าวตั้งใจถามผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่นด้วย
นากางาวะพยายามอธิบายว่า พฤติกรรมของเขาเป็นเพราะเขารับประทานยาหลายอย่าง รวมทั้งยาแก้หวัดเข้าไป แต่สิ่งที่เขาทำไปก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจุดยืนของญี่ปุ่น หรือต่อความสัมพันธ์กับประเทศในกลุ่มจี 7 แต่อย่างใด
ทว่าพรรคเดโมแครติก ปาร์ตี้ ออฟ แจแปน (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักไม่เห็นด้วยและบอกว่านากางาวะควรถูกปลด หรือไม่เขาก็ควรพิจารณาลาออกจากตำแหน่งเสีย
"นี่เป็นเรื่องซึ่งทำให้ต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบของเขาทั้งในฐานะเป็นรัฐมนตรีของประเทศและในฐานะเป็นรัฐมนตรีคลัง" อิจิโร โอซาวะ ผู้นำพรรคดีพีเจกล่าว และพูดต่อไปว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียและน่าละอายเป็นอย่างยิ่ง
ด้านอดีตนายกรัฐมนตรีโยชิโร โมริ ก็ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่าเขาเคยพูดถึงเรื่องนี้กับนากางาวะมาแล้ว "เพราะว่าเขาชอบดื่มเหล้า ผมเลยแนะนำเขาไปครั้งหนึ่งให้ระมัดระวังเรื่องนี้ด้วย"
ยูคิโอะ อาโตยามะ ผู้นำหมายเลข 2 ของพรรคดีพีเจบอกว่า พรรคอาจยื่นถอดถอนนากางาวะต่อสภาสูงหากยังไม่มีการสะสางเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว ทั้งนี้ การยื่นถอดถอนในสภาสูงซึ่งฝ่ายค้านกุมเสียงข้างมากอยู่นั้น แม้ว่าจะไม่มีผลผูกมัดเป็นทางการ แต่ก็เคยมีรัฐมนตรีคนหนึ่งเคยถูกกดดันจากมติของสภาสูงจนต้องลาออกไปแล้วคนหนึ่ง
แม้ว่านากางาวะจะยกให้อาโซะเป็นผู้ชี้ชะตาของเขา แต่พวกนักวิเคราะห์ก็ให้ความเห็นว่า ไม่ว่านากางาวะจะออกไปหรือยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปก็ล้วนแต่ส่งผลร้ายต่ออาโซะทั้งสิ้น เพราะอาโซะเป็นผู้แต่งตั้งพันธมิตรใกล้ชิดให้เป็นผู้ดูแลงานในตำแหน่งรัฐมนตรีคลังและกำกับดูแลธนาคารต่างๆ ด้วยตนเอง เมื่อเขาเข้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำญี่ปุ่นในเดือนกันยายนปีที่แล้ว
"การเสียคนสำคัญที่ดูแลระบบการเงินและการคลังของประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้จะเป็นอันตรายอย่างรุนแรงต่อตำแหน่งหน้าที่ของอาโซะ" โกอิชิ นากาโน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโซเฟียให้ความเห็น "แต่ถึงนากางาวะยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป ก็จะยิ่งไปเสริมความคิดเห็นของผู้คนว่าอาโซะควรลงจากตำแหน่งก่อนกำหนด"