รอยเตอร์ - ภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่น พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมกราคม แถมในส่วนของรายได้ที่ไม่ใช่การค้า แม้ยังได้เปรียบดุลอยู่ แต่ก็ลดน้อยลงไปถึงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับปีก่อน จึงยิ่งทำให้ค่าเงินเยนดิ่งลงไปอีก
การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดครั้งในแรกในรอบ 13 ปีของญี่ปุ่นครั้งนี้ สาเหตุสำคัญก็คือคำสั่งซื้อสินค้าของญี่ปุ่นจากต่างประเทศเหือดหายไป นอกจากนั้น การที่ค่าเงินเยนแข็งขึ้นในช่วงเดือนมกราคม ก็ส่งผลให้กำไรจากการลงทุนในต่างประเทศตกลงอย่างมากโดยเฉพาะกับบริษัทลูกของบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตรายใหญ่ๆ
"มิติระหว่างอุปสงค์ความต้องการสินค้าและอุปทานปริมาณสินค้า ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว นอกจากนี้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดก็ชี้ถึงความอ่อนแอของเงินค่าเยนต่อไปอีก" คิมิฮิโกะ โทมิตะ หัวหน้าฝ่ายอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศของสเตท สตรีท แบงก์ แอนด์ ทรัสต์กล่าว
"นี่เป็นข่าวใหญ่มาก เนื่องจากญี่ปุ่นไม่เคยชินกับการค้าเงินเยนในช่วงที่มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมาก่อน" เขากล่าว
เงินเยนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ร่วงลงมา 11% แล้ว นับตั้งแต่พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ในเดือนมกราคม สาเหตุก็มาจากการที่ยอดส่งออกของญี่ปุ่นดำดิ่งลงรุนแรงในเดือนดังกล่าว รวมทั้งการเผชิญหน้ากับภาวะชะลอที่รุนแรงที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา และข่าวการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดคราวนี้ก็ทำให้เงินดอลลาร์พุ่งขึ้นไปอีกราวครึ่งเยน มาอยู่ที่ 98.36 เยนต่อดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน อัตราการล้มละลายภาคธุรกิจของญี่ปุ่นก็พุ่งขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ อันเป็นสัญญาณว่าความเจ็บปวดจากความย่ำแย่ทางเศรษฐกิจในญี่ปุ่นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และประเภทของธุรกิจที่ล้มละลายก็กระจายกว้างขวางตั้งแต่ภาคการเงิน, ค้าส่ง ไปจนถึงภาคบริการ
นอกจากนี้ ข่าวร้ายเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด บวกกับปัญหาเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ อันได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับของบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์สในสหรัฐฯ และความหวังที่มลายเกี่ยวกับการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ก็เล่นงานตลาดหุ้นโตเกียวด้วย โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีนิกเคอิปิดดิ่งลง 1.2% อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปี
การหดตัวของภาคการส่งออกซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจญี่ปุ่นทำให้งบดุลบัญชีของบริษัทขนาดยักษ์อย่างโตโยต้า มอเตอร์ และโซนี่ติดตัวแดงเป็นครั้งแรก และส่งผลต่อไปเป็นการลดการจ้างงาน ลดการลงทุน และเดินหน้ามาตรการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจยาวนานที่สุดในโลกสมัยใหม่อย่างเต็มตัว
"เราคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นจะย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้" อากิระ มาเอะกาวะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสที่ยูบีเอสกล่าว
"เราได้เห็นการส่งออกดิ่งลง และตอนนี้เรากำลังได้เห็นเรื่องดุลรายได้ที่เลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้รายได้จากการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นหดหายไป และนี่เป็นสถานการณ์อันน่าวิตกสำหรับประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก" ่
ในเดือนมกราคม ญี่ปุ่นขาดดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 172,800 ล้านเยน ซึ่งนับเป็นการขาดดุลครั้งแรกตั้งแต่เดือนมกราคมปี 1996 เป็นต้นมาและก็มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขาดดุลเพียง 15,300 ล้านเยน
เฉพาะในส่วนของดุลรายได้ ปรากฏว่าดิ่งลง 31.5% จากช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ รวมทั้งเงินปันผลที่น้อยลงจากการลงทุนในต่างประเทศ ขณะที่เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเดือนมกราคมก็ยังส่งผลให้รายได้ที่มาจากต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯหรือสกุลอื่น ๆลดลงเมื่อแปลงเป็นเงินเยนด้วย
สถานการณ์นับว่าเปลี่ยนไปเร็วมากเพราะเมื่อ 10 เดือนก่อน ญี่ปุ่นยังคงได้ดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.96 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากเงินปันผลและอัตราดอกเบี้ยในการลงทุนระหว่างประเทศ
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆที่ออกมาเมื่อวานนี้ก็เช่น ปริมาณการให้กู้ยืมของธนาคารเดือนกุมภาพันธ์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน อันเนื่องมาจากบริษัทไม่สามารถออกตราสารระดมทุนรายวันได้ แม้ว่าจะยอดสินเชื่อจะต่ำกว่าเดือนมกราคมเล็กน้อยแต่ก็แสดงให้เห็นว่าตลาดการเงินที่อ่อนแอลงมากบีบให้บรรดาบริษัทต่าง ๆต้องหันไปกู้เงินจากธนาคารแทน
การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดครั้งในแรกในรอบ 13 ปีของญี่ปุ่นครั้งนี้ สาเหตุสำคัญก็คือคำสั่งซื้อสินค้าของญี่ปุ่นจากต่างประเทศเหือดหายไป นอกจากนั้น การที่ค่าเงินเยนแข็งขึ้นในช่วงเดือนมกราคม ก็ส่งผลให้กำไรจากการลงทุนในต่างประเทศตกลงอย่างมากโดยเฉพาะกับบริษัทลูกของบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตรายใหญ่ๆ
"มิติระหว่างอุปสงค์ความต้องการสินค้าและอุปทานปริมาณสินค้า ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว นอกจากนี้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดก็ชี้ถึงความอ่อนแอของเงินค่าเยนต่อไปอีก" คิมิฮิโกะ โทมิตะ หัวหน้าฝ่ายอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศของสเตท สตรีท แบงก์ แอนด์ ทรัสต์กล่าว
"นี่เป็นข่าวใหญ่มาก เนื่องจากญี่ปุ่นไม่เคยชินกับการค้าเงินเยนในช่วงที่มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมาก่อน" เขากล่าว
เงินเยนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ร่วงลงมา 11% แล้ว นับตั้งแต่พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ในเดือนมกราคม สาเหตุก็มาจากการที่ยอดส่งออกของญี่ปุ่นดำดิ่งลงรุนแรงในเดือนดังกล่าว รวมทั้งการเผชิญหน้ากับภาวะชะลอที่รุนแรงที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา และข่าวการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดคราวนี้ก็ทำให้เงินดอลลาร์พุ่งขึ้นไปอีกราวครึ่งเยน มาอยู่ที่ 98.36 เยนต่อดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน อัตราการล้มละลายภาคธุรกิจของญี่ปุ่นก็พุ่งขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ อันเป็นสัญญาณว่าความเจ็บปวดจากความย่ำแย่ทางเศรษฐกิจในญี่ปุ่นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และประเภทของธุรกิจที่ล้มละลายก็กระจายกว้างขวางตั้งแต่ภาคการเงิน, ค้าส่ง ไปจนถึงภาคบริการ
นอกจากนี้ ข่าวร้ายเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด บวกกับปัญหาเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ อันได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับของบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์สในสหรัฐฯ และความหวังที่มลายเกี่ยวกับการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ก็เล่นงานตลาดหุ้นโตเกียวด้วย โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีนิกเคอิปิดดิ่งลง 1.2% อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปี
การหดตัวของภาคการส่งออกซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจญี่ปุ่นทำให้งบดุลบัญชีของบริษัทขนาดยักษ์อย่างโตโยต้า มอเตอร์ และโซนี่ติดตัวแดงเป็นครั้งแรก และส่งผลต่อไปเป็นการลดการจ้างงาน ลดการลงทุน และเดินหน้ามาตรการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจยาวนานที่สุดในโลกสมัยใหม่อย่างเต็มตัว
"เราคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นจะย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้" อากิระ มาเอะกาวะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสที่ยูบีเอสกล่าว
"เราได้เห็นการส่งออกดิ่งลง และตอนนี้เรากำลังได้เห็นเรื่องดุลรายได้ที่เลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้รายได้จากการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นหดหายไป และนี่เป็นสถานการณ์อันน่าวิตกสำหรับประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก" ่
ในเดือนมกราคม ญี่ปุ่นขาดดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 172,800 ล้านเยน ซึ่งนับเป็นการขาดดุลครั้งแรกตั้งแต่เดือนมกราคมปี 1996 เป็นต้นมาและก็มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขาดดุลเพียง 15,300 ล้านเยน
เฉพาะในส่วนของดุลรายได้ ปรากฏว่าดิ่งลง 31.5% จากช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ รวมทั้งเงินปันผลที่น้อยลงจากการลงทุนในต่างประเทศ ขณะที่เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเดือนมกราคมก็ยังส่งผลให้รายได้ที่มาจากต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯหรือสกุลอื่น ๆลดลงเมื่อแปลงเป็นเงินเยนด้วย
สถานการณ์นับว่าเปลี่ยนไปเร็วมากเพราะเมื่อ 10 เดือนก่อน ญี่ปุ่นยังคงได้ดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.96 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากเงินปันผลและอัตราดอกเบี้ยในการลงทุนระหว่างประเทศ
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆที่ออกมาเมื่อวานนี้ก็เช่น ปริมาณการให้กู้ยืมของธนาคารเดือนกุมภาพันธ์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน อันเนื่องมาจากบริษัทไม่สามารถออกตราสารระดมทุนรายวันได้ แม้ว่าจะยอดสินเชื่อจะต่ำกว่าเดือนมกราคมเล็กน้อยแต่ก็แสดงให้เห็นว่าตลาดการเงินที่อ่อนแอลงมากบีบให้บรรดาบริษัทต่าง ๆต้องหันไปกู้เงินจากธนาคารแทน