ASTVผู้จัดการรายวัน- ส.อ.ท.เผยเม.ย.-พ.ค.จะเป็นช่วงที่เกิดวิกฤติแรงงานสุดเหตุจะมีนักศึกษาจบใหม่เข้ามาเพิ่มถึง 5 แสนคนแต่คาดว่าจะมีงานรองรับเพียง 10% เท่านั้นส่งผลให้ภาพรวมไตรมาส 2 แรงงานส่อตกงานล้านคน แนะรัฐชะลอเก็บเงินเข้ากองทุนประกันสังคมออกไป 1 ปี ขณะที่กนอ.เล็งถกสปส.ดึงเงินบำเหน็จบำนาญผู้ประกันตนใช้ล่วงหน้าชะลอเลิกจ้าง
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เดือนเม.ย. – พ.ค. 2552 คาดว่าจะเป็นช่วงที่ไทยจะประสบปัญหาการว่างงานอย่างรุนแรงเนื่องจากระยะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่นักศึกษาจบใหม่ที่พร้อมเข้าสู่การเป็นแรงงานจะเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนคนคาดว่ากลุ่มผู้จบใหม่ดังกล่าวจะมีงานรองรับเพียง 10% เท่านั้นเนื่องจากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมปัจจุบันมีกำลังการผลิตเฉลี่ยเพียง 50% การเพิ่มอัตราคนงานจึงแทบไม่มีดังนั้นไตรมาส 2 ของปีนี้จึงมีโอกาสเห็นแรงงานตกงานหลักล้านคน
“คงจะต้องลุ้นการแก้ไขปัญหาภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศให้ฟื้นตัวเร็ว เพราะภาคการผลิตไทยส่วนใหญ่เน้นส่งออกเวลานี้โรงงานต่างๆ ก็พยายามที่จะรักษาแรงงานไว้ให้มากที่สุดหากไม่ถึงที่สุดจะพยายามไม่ปลดคนงานออกอยู่แล้วแต่นักศึกษาจบใหม่คงจะลำบากดังนั้นคาดว่าส่วนหนึ่งอาจจะศึกษาต่อ”นายธนิตกล่าว
ทั้งนี้ภาคเอกชนเห็นว่าแนวทางการช่วยเหลือผู้ที่ตกงานนั้นรัฐบาลควรที่ชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตรา 2.5% ออกไปก่อน 1 ปี เพื่อลดภาระความเดือดร้อนของแรงงาน แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้สำนักงานประกันสังคมนำเงินบำเหน็จบำนาญส่วนหนึ่งมาจ่ายแก่ผู้ประกันตนก่อน เพราะหากจะผู้ประกัน 8-9 ล้านคนทั่วประเทศใช้สิทธิพร้อมกันหมดก็ทำให้เงินกองทุนที่มี 5 แสนล้านบาทอาจประสบปัญหาขาดสภาพคล่องได้
นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ. เตรียมหารือกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อจัดสรรเงินกองทุนประกันสังคมที่ผู้ประกันตนจะต้องได้รับเงินบำเหน็จ และบำนาญหลังเกษียณอายุส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบให้หยุดงานชั่วคราวหรือถูกเลิกจ้างก่อนล่วงหน้า หรือให้ผู้ประกันตนได้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยถูก เนื่องจากมีหลายรายประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทันทีหากต้องหยุดงานชั่วคราว เพราะมีภาระหนี้ในการผ่อนที่อยู่อาศัย รถยนต์ และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
“เราเห็นว่าเงินประกันสังคมกว่า 5 แสนล้านบาทนั้นก็ควรจะต้องช่วยกับผู้ประกันตนเท่านั้น ซึ่งเวลานี้โรงงานพยายามรักษาการจ้างงานไว้ด้วยการลดโอที ลดเงินเดือน ลดวันหยุด แนวทางการขอให้จัดสรรเงินในอนาคตส่วนหนึ่งมาจ่ายแก่แรงงานก่อน แล้ว ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนแก่แรงงานทั้งประเทศ ที่สำคัญช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งด้วย”ผู้ว่ากนอ.กล่าว
นางมณฑา กล่าวว่า ส่วนของผู้ประกอบการที่ใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3,310 บริษัทพบว่าหลายราย เริ่มประสบปัญหาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยตั้งแต่เดือน ต.ค. 51- มค. 52 มีการเลิกจ้างคนงานแล้ว 1.1 หมื่นคน จากทั้งหมดที่อยู่ 3.5 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้า และยานยนต์ ซึ่ง กนอ. จะหามาตรการช่วยเหลือแรงงานให้มากที่สุด เบื้องต้นได้จัดกิจกรรมนัดนัดแรงงาน การฝึกอาชีพแรงงาน รวมถึงจัดกิจกรรมตลาดนัดสินค้าโรงงานและสินค้าชุมชน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เดือนเม.ย. – พ.ค. 2552 คาดว่าจะเป็นช่วงที่ไทยจะประสบปัญหาการว่างงานอย่างรุนแรงเนื่องจากระยะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่นักศึกษาจบใหม่ที่พร้อมเข้าสู่การเป็นแรงงานจะเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนคนคาดว่ากลุ่มผู้จบใหม่ดังกล่าวจะมีงานรองรับเพียง 10% เท่านั้นเนื่องจากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมปัจจุบันมีกำลังการผลิตเฉลี่ยเพียง 50% การเพิ่มอัตราคนงานจึงแทบไม่มีดังนั้นไตรมาส 2 ของปีนี้จึงมีโอกาสเห็นแรงงานตกงานหลักล้านคน
“คงจะต้องลุ้นการแก้ไขปัญหาภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศให้ฟื้นตัวเร็ว เพราะภาคการผลิตไทยส่วนใหญ่เน้นส่งออกเวลานี้โรงงานต่างๆ ก็พยายามที่จะรักษาแรงงานไว้ให้มากที่สุดหากไม่ถึงที่สุดจะพยายามไม่ปลดคนงานออกอยู่แล้วแต่นักศึกษาจบใหม่คงจะลำบากดังนั้นคาดว่าส่วนหนึ่งอาจจะศึกษาต่อ”นายธนิตกล่าว
ทั้งนี้ภาคเอกชนเห็นว่าแนวทางการช่วยเหลือผู้ที่ตกงานนั้นรัฐบาลควรที่ชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตรา 2.5% ออกไปก่อน 1 ปี เพื่อลดภาระความเดือดร้อนของแรงงาน แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้สำนักงานประกันสังคมนำเงินบำเหน็จบำนาญส่วนหนึ่งมาจ่ายแก่ผู้ประกันตนก่อน เพราะหากจะผู้ประกัน 8-9 ล้านคนทั่วประเทศใช้สิทธิพร้อมกันหมดก็ทำให้เงินกองทุนที่มี 5 แสนล้านบาทอาจประสบปัญหาขาดสภาพคล่องได้
นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ. เตรียมหารือกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อจัดสรรเงินกองทุนประกันสังคมที่ผู้ประกันตนจะต้องได้รับเงินบำเหน็จ และบำนาญหลังเกษียณอายุส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบให้หยุดงานชั่วคราวหรือถูกเลิกจ้างก่อนล่วงหน้า หรือให้ผู้ประกันตนได้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยถูก เนื่องจากมีหลายรายประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทันทีหากต้องหยุดงานชั่วคราว เพราะมีภาระหนี้ในการผ่อนที่อยู่อาศัย รถยนต์ และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
“เราเห็นว่าเงินประกันสังคมกว่า 5 แสนล้านบาทนั้นก็ควรจะต้องช่วยกับผู้ประกันตนเท่านั้น ซึ่งเวลานี้โรงงานพยายามรักษาการจ้างงานไว้ด้วยการลดโอที ลดเงินเดือน ลดวันหยุด แนวทางการขอให้จัดสรรเงินในอนาคตส่วนหนึ่งมาจ่ายแก่แรงงานก่อน แล้ว ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนแก่แรงงานทั้งประเทศ ที่สำคัญช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งด้วย”ผู้ว่ากนอ.กล่าว
นางมณฑา กล่าวว่า ส่วนของผู้ประกอบการที่ใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3,310 บริษัทพบว่าหลายราย เริ่มประสบปัญหาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยตั้งแต่เดือน ต.ค. 51- มค. 52 มีการเลิกจ้างคนงานแล้ว 1.1 หมื่นคน จากทั้งหมดที่อยู่ 3.5 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้า และยานยนต์ ซึ่ง กนอ. จะหามาตรการช่วยเหลือแรงงานให้มากที่สุด เบื้องต้นได้จัดกิจกรรมนัดนัดแรงงาน การฝึกอาชีพแรงงาน รวมถึงจัดกิจกรรมตลาดนัดสินค้าโรงงานและสินค้าชุมชน
