ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” ถกเครียดผู้ส่งออก หามาตรการคุมเข้มนำเข้าข้าวเพื่อนบ้าน ก่อนการเปิดเสรีข้าวภายใต้อาฟตามีผลบังคับใช้ปีหน้า ผู้ส่งออกชี้หากป้องกันไม่ดี ชื่อเสียงข้าวไทยพังแน่ หากมีการลักลอบเข้ามาสวมสิทธิ์แล้วบอกเป็นข้าวไทย ขณะที่เกษตรกรวอนรัฐควบคุมการนำเข้าให้ดี หวั่นทำชาวนาเดือดร้อน
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงการที่ไทยจะเปิดเสรีข้าว หรือลดภาษีนำเข้าข้าวจากอาเซียนเป็น 0% ในปี 2553 ภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมฯ ได้หารือกับผู้ส่งออกข้าวของไทยถึงกรณีดังกล่าวแล้ว เพื่อกำหนดแนวทางการนำเข้าข้าวจากอาเซียนอื่น เพราะหลายฝ่ายเกรงว่า หากไทยเปิดเสรี จะทำให้ผู้ส่งออกแห่นำเข้าข้าวจากเพื่อนบ้านมาส่งออก แทนการซื้อจากเกษตรกรไทย เพราะข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมีราคาต่ำกว่าข้าวไทยมาก
“ถ้าจะนำเข้า คงต้องดูแลให้เรียบร้อย ไม่ให้เกษตรกรไทยได้รับผลกระทบ ส่วนจะทำอย่างไร ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป อาจเป็นไปได้ทั้งกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องขออนุญาตหรือไม่ก็ได้ รวมถึงอาจจะต้องดูเรื่องสุขอนามัย หรือคุณภาพข้าวที่จะนำเข้าด้วย เหมือนกับที่ปัจจุบัน ไทยนำเข้าข้าวตามความตกลงการเกษตร ภายใต้พันธกรณีองค์การการค้าโลก (WTO) ผู้นำเข้าต้องขออนุญาตนำเข้าทุกครั้ง และทางการไทยก็ต้องตรวจสอบคุณภาพด้วยเช่นกัน” นางอภิรดีกล่าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผู้ส่งออกเสนอหลายมาตรการเพื่อดูแลการนำเข้า ทั้งให้คุมเข้มเรื่องสุขอนามัย และคุณภาพข้าว โดยจะนำมาตรการที่หลายประเทศใช้ควบคุมคุณภาพข้าวที่นำเข้าจากไทยมาประยุกต์ใช้ เช่น ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เพราะมีความเข้มงวดมาก รวมถึงการใช้มาตรการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า
นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีหน่วยงานรัฐเพียงหน่วยงานเดียวเป็นผู้นำเข้า แต่หากข้อเสนอดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องขออนุญาตนำเข้าทุกครั้ง และต้องกำหนดคุณสมบัติผู้นำเข้าให้ชัดเจน เช่น ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำของผู้นำเข้า รวมถึงกำหนดจุดนำเข้าที่อนุญาตให้นำเข้าได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่า การเปิดเสรีนำเข้าข้าวน่าห่วง เพราะอาจมีการแห่นำเข้ามาส่งออกต่อเพื่อหวังกำไรมหาศาล โดยข้าวเพื่อนบ้านราคาถูกกว่าไทยมาก เช่น ข้าวเปลือกกัมพูชา ตันละประมาณ 6,000 บาท แต่ของไทย ตันละประมาณ 12,000 บาท
“หากนำเข้ามาอย่างถูกต้องแล้วส่งออกต่อก็ไม่เท่าไร แต่หากทางการวางมาตรการคุมเข้มนำเข้า แล้วเกิดการลักลอบนำเข้าแล้วสวมชื่อข้าวไทยส่งออก ก็จะทำให้ภาพพจน์ข้าวไทยเสียหาย เพราะข้าวเพื่อนบ้านคุณภาพด้อยกว่าข้าวไทยมาก โดยขณะนี้มีผู้ลักลอบนำเข้าข้าวจากกัมพูชามาทำเป็นข้าวนึ่งส่งออกต่อไปแอฟริกา โดยอ้างแหล่งกำเนิดจากไทย และสมาคมฯ ถูกลูกค้าตำหนิว่า เป็นข้าวคุณภาพไม่ดี เมล็ดสั้น มีท้องไข่มาก จึงต้องวางมาตรการคุมเข้มคุณภาพให้ดี และต้องกำหนดมาตรการป้องกันให้แล้วเสร็จภายในเดือนส.ค.นี้” นายชูเกียรติกล่าว
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมการนำเข้าให้ดี อย่าให้มีการนำเข้ามามากจนส่งผลกระทบต่อชาวนา เพราะปัจจุบัน ชาวนาไทยเดือดร้อนมากพออยู่แล้ว จากราคาข้าวตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนการผลิตยังสูงอยู่ อีกทั้งรัฐอาจจะไม่ประกาศราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ตามที่ร้องขอ ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาลำบากมากขึ้น
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงการที่ไทยจะเปิดเสรีข้าว หรือลดภาษีนำเข้าข้าวจากอาเซียนเป็น 0% ในปี 2553 ภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมฯ ได้หารือกับผู้ส่งออกข้าวของไทยถึงกรณีดังกล่าวแล้ว เพื่อกำหนดแนวทางการนำเข้าข้าวจากอาเซียนอื่น เพราะหลายฝ่ายเกรงว่า หากไทยเปิดเสรี จะทำให้ผู้ส่งออกแห่นำเข้าข้าวจากเพื่อนบ้านมาส่งออก แทนการซื้อจากเกษตรกรไทย เพราะข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมีราคาต่ำกว่าข้าวไทยมาก
“ถ้าจะนำเข้า คงต้องดูแลให้เรียบร้อย ไม่ให้เกษตรกรไทยได้รับผลกระทบ ส่วนจะทำอย่างไร ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป อาจเป็นไปได้ทั้งกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องขออนุญาตหรือไม่ก็ได้ รวมถึงอาจจะต้องดูเรื่องสุขอนามัย หรือคุณภาพข้าวที่จะนำเข้าด้วย เหมือนกับที่ปัจจุบัน ไทยนำเข้าข้าวตามความตกลงการเกษตร ภายใต้พันธกรณีองค์การการค้าโลก (WTO) ผู้นำเข้าต้องขออนุญาตนำเข้าทุกครั้ง และทางการไทยก็ต้องตรวจสอบคุณภาพด้วยเช่นกัน” นางอภิรดีกล่าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผู้ส่งออกเสนอหลายมาตรการเพื่อดูแลการนำเข้า ทั้งให้คุมเข้มเรื่องสุขอนามัย และคุณภาพข้าว โดยจะนำมาตรการที่หลายประเทศใช้ควบคุมคุณภาพข้าวที่นำเข้าจากไทยมาประยุกต์ใช้ เช่น ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เพราะมีความเข้มงวดมาก รวมถึงการใช้มาตรการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า
นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีหน่วยงานรัฐเพียงหน่วยงานเดียวเป็นผู้นำเข้า แต่หากข้อเสนอดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องขออนุญาตนำเข้าทุกครั้ง และต้องกำหนดคุณสมบัติผู้นำเข้าให้ชัดเจน เช่น ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำของผู้นำเข้า รวมถึงกำหนดจุดนำเข้าที่อนุญาตให้นำเข้าได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่า การเปิดเสรีนำเข้าข้าวน่าห่วง เพราะอาจมีการแห่นำเข้ามาส่งออกต่อเพื่อหวังกำไรมหาศาล โดยข้าวเพื่อนบ้านราคาถูกกว่าไทยมาก เช่น ข้าวเปลือกกัมพูชา ตันละประมาณ 6,000 บาท แต่ของไทย ตันละประมาณ 12,000 บาท
“หากนำเข้ามาอย่างถูกต้องแล้วส่งออกต่อก็ไม่เท่าไร แต่หากทางการวางมาตรการคุมเข้มนำเข้า แล้วเกิดการลักลอบนำเข้าแล้วสวมชื่อข้าวไทยส่งออก ก็จะทำให้ภาพพจน์ข้าวไทยเสียหาย เพราะข้าวเพื่อนบ้านคุณภาพด้อยกว่าข้าวไทยมาก โดยขณะนี้มีผู้ลักลอบนำเข้าข้าวจากกัมพูชามาทำเป็นข้าวนึ่งส่งออกต่อไปแอฟริกา โดยอ้างแหล่งกำเนิดจากไทย และสมาคมฯ ถูกลูกค้าตำหนิว่า เป็นข้าวคุณภาพไม่ดี เมล็ดสั้น มีท้องไข่มาก จึงต้องวางมาตรการคุมเข้มคุณภาพให้ดี และต้องกำหนดมาตรการป้องกันให้แล้วเสร็จภายในเดือนส.ค.นี้” นายชูเกียรติกล่าว
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมการนำเข้าให้ดี อย่าให้มีการนำเข้ามามากจนส่งผลกระทบต่อชาวนา เพราะปัจจุบัน ชาวนาไทยเดือดร้อนมากพออยู่แล้ว จากราคาข้าวตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนการผลิตยังสูงอยู่ อีกทั้งรัฐอาจจะไม่ประกาศราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ตามที่ร้องขอ ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาลำบากมากขึ้น