ASTVผู้จัดการรายวัน- “นช.แม้ว” ใกล้รับกรรมในคุก "ไทย-ฮ่องกง" ใกล้บรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ด้านโฆษกส่วนตัวยังปากกล้าป้องนายใหญ่ เชื่อไม่กระทบลูกพี่ แต่ขาสั่นประกาศยกเลิกกำหนดการขึ้นเวทีปาฐกถา 12 มี.ค.นี้อีกแล้ว “ปณิธาน” ลั่นไม่ใช่แค่ฮ่องกง เผยส่งคำพิพากษาไปทุกประเทศเพื่อบีบพื้นที่การเคลื่อนไหวให้เล็กลง ด้าน"อภิสิทธิ์" เมินเสียงโฟนอิน"แม้ว" เชื่อประชาชนมีวิจารณญาณ พร้อมลั่นไม่ท้อหลังลงพื้นที่เจอแก๊งเสื้อแดงปาขวด ชี้แค่ระบายเครียดเพราะอากาศร้อน ยอมรับฝ่ายตรงข้ามพยายามให้เกิดสงครามกลางเมือง แต่รัฐบาลไม่เล่นด้วย ยึดหลัก อดทน อดกลั้น ตามผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแนะนำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(8 มี.ค.) หนังสือพิมพ์ซันเดย์ มอร์นิ่ง โพสต์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์วันอาทิตย์ของ เซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ได้รายงานข่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและฮ่องกงเกือบที่จะตกลงกับประเทศไทยได้แล้ว ในการจัดทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ซึ่งสามารถนำมาใช้เอาตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมารับโทษทัณฑ์ที่ไทยได้
ตามรายงานข่าวชิ้นนี้ของซันเดย์ มอร์นิ่ง โพสต์ สนธิสัญญาที่กำลังจัดทำกันอยู่ ระหว่างฮ่องกงกับไทยฉบับนี้ มีเนื้อหากว้างขวาง และการเจรจาก็อยู่ในขั้นตอนท้ายๆแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้จีนกับไทยได้ทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันไปแล้ว ทว่าไม่สามารถนำมาบังคับใช้ในฮ่องกง ซึ่งมีฐานะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน ขณะที่ฮ่องกงเองยังไม่มีสนธิสัญญาเช่นนี้กับทางประเทศไทย
ซันเดย์ มอร์นิ่ง โพสต์ ซึ่งอ้างแหล่งข่าวฝ่ายกฎหมายหลายราย ระบุว่า ฮ่องกงกับไทยกำลังมีการเจรจามาพักใหญ่แล้ว ในเรื่องการทำสนธิสัญญาลักษณะนี้ และเพิ่มความเร็วในการหารือมากขึ้นอีกในรอบปีที่ผ่านมา
ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวฝ่ายกฎหมายเหล่านี้ ประเทศไทยได้จัดทำร่างสุดท้ายของสนธิสัญญาเสร็จแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งก็ควรจะมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนกับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงแม้สนธิสัญญาฉบับนี้มีเนื้อความที่เป็นลักษณะกลางๆ มิได้มีการระบุบ่งบอกถึงคดีความใดๆเป็นพิเศษก็ตามที
ซันเดย์ มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานด้วยว่า ครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของบ้านเนื้อที่ 308 ตารางเมตรหลังหนึ่งในฮ่องกง โดยซื้อไว้เมื่อ 3 เดือนที่แล้วในนามของน.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาวคนสุดท้องของพ.ต.ท.ทักษิณ ในราคาเกือบ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทว่าจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีผู้ใดเข้าไปพำนักอาศัย
“แม้ว” ขาสั่นยกเลิกปาฐกถา 12 มี.ค.
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยัน พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เดินทางไปขึ้นเวทีปาฐกถา ในหัวข้อ “วิกฤตเศรษฐกิจ ความแน่นอนทางการเมือง บทเรียนจากประเทศไทย” ที่ฮ่องกง ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ อย่างแน่นอน แต่จะใช้วิธีการปราศรัย ผ่านระบบวิดีโอลิงก์แทน ส่วนกำหนดการปราศรัยนั้น จะมีขึ้นในเวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจะตรงกับเวลา 14.00 น.ในประเทศไทย
ส่วนล่าสุด ที่ทางหนังสือพิมพ์ซันเดย์มอร์นิ่ง ของฮ่องกง รายงานว่า ทางการฮ่องกงและไทย ใกล้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย เรื่องการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนเองยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และมั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งกำหนดการขึ้นปาฐกถา ในวันที่ 12 มีนาคม ด้วย
”ปณิธาน”เผยทำทุกประเทศไม่ใช่แค่ฮ่องกง
นายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในภาพรวมนั้น รัฐบาลโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นอัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ กำลังดำเนินการเจรจากับประเทศต่างๆ ที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมาก็จะมีนโยบายที่คล้ายคลึงกัน
อย่างไรก็ตาม การจับกุมตัวนักโทษในประเทศต่างๆไม่จำเป็นต้องใช้สนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ยังอาจใช้วิธีการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ หรือการให้ประเทศเหล่านั้นแจ้งเมื่อพบตัวผู้ร้ายปรากฏตัวในสนามบินก็ได้
สำหรับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งคำพิพากษาของศาลไปยังประเทศต่างๆ เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลและขอความร่วมมือในการส่งตัวมาดำเนินคดีเช่นกันเพื่อบีบพื้นที่ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เคลื่อนไหวสะดวกเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งถ้าถูกจำกัดการเคลื่อนไหวให้อยู่แต่ในประเทศเล็กๆ สุดท้ายส.ส.บางคนก็อาจเลิกไปหา เพราะระยะทางไกล และการโฟนอินก็จะไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
“กรณีฮ่องกง แม้ว่าจีนจะมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย แต่จีนถือว่าฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษ ดังนั้น จึงต้องมีการเจรจากัน ”
ส่วนเมื่อถามว่า หากจับตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาในช่วงนี้อาจทำให้การบริหารงานของรัฐบาลลำบากขึ้นไปอีก นายปณิธานกล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลอะไร ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเองไม่ควรกลัว เพราะกระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นอิสสระ รัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณใช้เป็นข้ออ้างโดยการให้ข่าวเชิงลบกับประเทศไทยมาตลอด
"มาร์ค"ไม่ท้อหลังเจอเสื้อแดงต้าน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่พบประชาชน จ.ลพบุรี ว่า ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่เราต้องการจะทำ คือได้ไปพบปะประชาชน ได้ไปไขข้อข้องใจ ตอบข้อสงสัย และรับข้อสังเกต ปัญหาเสียงสะท้อนเพิ่มเติมที่ จ.ลพบุรี มีการสรุปเป็นเอกสารมาให้ด้วย ดีจะเป็นชี้วัดทางเศรษฐกิจของเขาเองในระดับจังหวัด ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า การกระทบกระเทือนระดับพื้นที่เป็นอย่างไรบ้าง อย่างตัวเลขที่เขาทำมา สำหรับปี 51 เห็นได้ชัด ภาคบริการกระทบแรง ภาคเกษตร ยังอยู่ในสถานะที่ดีกว่า ภาคอุตสาหกรรมยังทรงๆอยู่
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ในอนาคตคิดว่าคงจะไม่มีความรุนแรง และคิดว่าการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีทุกท่าน เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมาน่าจะเป็นการพิสูจน์ว่า เราลงไปเพื่อประโยชน์ในการทำงาน ไม่ใช่เรื่องของการเมือง และประชาชนมีความตั้งใจที่จะให้เรามีโอกาสใกล้ชิดและแลกเปลี่ยนปัญหากัน
ส่วนการปาขวดของกลุ่มเสื้อแดงนั้น เป็นขวดน้ำพลาสติก อาจเป็นความหงุดหงิด เพราะตากแดดกันอยู่นาน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าช่วงสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปอังกฤษ เมื่อกลับมาแล้วจะลงพื้นที่พบประชาชนอีก ซึ่งขณะนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายบกรัฐมนตรี กำลังรวบรวมอยู่ และจะต้องดูจังหวัดที่ยังไม่มีใครลงไปด้วย
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่แล้วเจอขับไล่ เกิดความท้อแท้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ คิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ และอย่างที่เรียนคือในสังคมเรายังมีคนที่มีความเห็นแตกต่าง เมื่อถามว่า เกรงถูกมองว่าลงไปยั่วยุหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนไปไม่ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งอะไร และบอกชัดเจนว่าไปทำอะไร และถือเป็นงานในหน้าที่
ปฏิรูปการเมืองลดเงื่อนไขขัดแย้ง
เมื่อถามว่า ในช่วงรัฐบาลนี้คิดว่าจะทำให้คนที่มีความคิดเห็นแตกต่างเข้าใจได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งใจ แต่ถ้าเห็นด้วยคงเป็นไปได้ยาก แต่ยอมรับในการที่จะอยู่ร่วมกันในกติกาซึ่งไม่กระทบกระทั่งกัน เมื่อถามว่าคิดว่าบรรยากาศแบบนี้จะเป็นไปอีกนานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องถามฝ่ายผู้ชุมนุม เพราะทางตนก็พยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะไม่ให้เกิดความรู้สึกที่ขัดแย้ง ขณะเดียวกันก็มีเรื่องที่เราพยายามทำ ซึ่งเป็นข้อห่วงใยของเขาอยู่ เช่น การปฏิรูปการเมือง เรื่องอะไรต่างๆ
ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานด้านความมั่นคง บอกว่ามีความพยายามที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อทำให้เกิดสงครามกลางเมืองนั้น ก็อาจจะมีบางส่วนที่พยายามทำอย่างนั้น แต่รัฐบาลจะไม่ไปเล่นด้วย
เมื่อถามว่ากรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินบอกให้ประชาชนไม่ต้องหวังรัฐบาลเรื่องการแก้เศรษฐกิจ ให้ช่วยตัวเอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นของท่าน เมื่อถามว่ามีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลก็เดินหน้าทำงานต่อ และอยากเรียนว่าที่ทำงานอยู่ทั้งหมดเพื่อประชาชนทุกคน และจริงๆแล้วการที่จะได้รับความร่วมมือก็สำคัญในความสำเร็จของงานและเวลาสำเร็จไม่ได้เพื่อประโยชน์รัฐบาล แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนเอง
ดูแลไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง
เมื่อถามว่า นายกฯยังมั่นใจว่าภายใต้นโยบายนี้จะไม่ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองและไม่เกิดข้อขัดแย้งลุกลามบานปลาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะไม่ให้เกิดอย่างนั้น จะเห็นว่าสองเดือนที่ผ่านมา เราหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะ หรือเกิดความรุนแรงมาโดยตลอด เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอิน ถึงประชาชนรากหญ้าโดยตรง จะทำให้เป็นปัญหาอะไรหรือไม่ต่อการลงพื้นที่ของรัฐบาลในครั้งต่อไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ครับ เชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณ พูดกันตรงๆประชาชนก็ดี รัฐบาลก็ดี ก็อยู่เมืองไทย ฉะนั้นจะทราบข้อเท็จจริงที่กำลังเกิดขึ้นที่นี่นี้เป็นอย่างดี ความจริงตนนึกว่า คนไทยทุกคนน่าจะช่วยกัน เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังยากลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการว่างงาน ฉะนั้นทุกคนต้องมาช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น
ขณะเดียวกันในแง่ของการเพิ่งพาตนเอง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิด เพียงแต่ไม่ได้หมายความจะเป็นลักษณะของการปฏิเสธ ไม่ร่วมมือหรือไม่รับนโยบายการแก้ไขปัญหาต่างๆ ต้องมาช่วยกัน
แม้วต้องหยุดกระพือความขัดแย้ง
เมื่อถามว่า จะขอร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยุติการเคลื่อนไหวแบบนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนว่าอยู่ที่ตัวท่านมากกว่า ว่าจะยึดประโยชน์ของใคร ถ้ายึดประโยชน์ของประเทศชาติ ก็น่าจะรู้ว่าขณะนี้สภาพบ้านเมืองทุกคนต้องมาร่วมกันแก้ไขปัญหา เมื่อถามว่า ขณะที่รัฐบาลพยายามกำจัดความขัดแย้งให้เล็กที่สุด แต่อีกฝ่ายยังเติมเชื้อไฟความขัดแย้งเรื่องจะยุติได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนย้ำตลอดและย้ำต่อไปว่า ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง รัฐบาลจะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความขัดแย้ง จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่าจะทนให้เขาปรบมือข้างเดียวได้นานแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้รับคำแนะนำจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาตั้งแต่แรกว่า ทำงานในสภาวะแบบนี้ต้องอดทนอดกลั้น จะยึดแนวทางนี้ต่อไป เมื่อถามว่าจะอดทนอดกลั้น กับพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรืออย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อดทน อดกลั้นกับทุกๆฝ่ายที่เห็นแตกต่าง แต่จะไม่ยอมรับให้ใครทำผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่าการปฏิรูปการเมือง ที่สถาบันพระปกเกล้าจะพิจารณาในวันที่ 9 มี.ค.นี้ จะมีส่วนคลี่คลายสถานการณ์ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนหวังเป็นเช่นนั้น เพราะเป้าหมายคือ ต้องการให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม ได้ฟังเสียงของทุกๆ คนว่าความต้องการคืออะไร เมื่อถามว่า จะฝากถึงสถาบันพระปกเกล้าเกี่ยวกับแนวทางนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้พิจารณาเข้ามาช่วยการทำงานของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของสังคม
เมื่อถามว่า มีข่าวทางสถาบันพระปกเกล้า จะเสนอให้นายสุจิต บุญบงการ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทำหน้าที่ประธานปฏิรูปการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ตั้งเงื่อนไขเรื่องนี้ เพียงแต่ขอให้สถาบันพระปกเกล้าซึ่งมีความเป็นกลางไปพิจารณา
ให้สังคมพิพากษา"เสื้อแดง"
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรี เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ต่างๆว่า โดยภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าการลงพื้นที่จะมีกลุ่มเสื้อแดงไปขัดขวาง ก็ถือว่าเป็นสีสันทางการเมือง เป็นการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตย ส่วนที่มีบางพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาทิ ใช้รองเท้าขวางปา เชื่อว่าหลังจากนี้สังคมจะพิจารณาได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้รัฐบาลก็จะลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอต่อไป โดยไม่หวั่นเกรงกระแสต่อต้าน หรือเป็นพื้นที่สีแดง สีเหลือง หากเป็นประชาชนคนไทย ก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แม้ว่าจะไม่ใช่เสียงสนับสนุนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลได้ให้ ส.ส.ในสังกัดลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชนด้วย เนื่องจากว่ามีข้อจำกัดที่รัฐมนตรีน้อย จึงไม่สามารถลงพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง
"เชื่อว่าการลงพื้นที่ของรัฐบาล ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ แต่ก็ยอมรับว่ามีคนกลุ่มเล็กๆ ที่เสียผลประโยชน์ คือ เป็นกลุ่มคนที่หวังผลทางการเมือง ซึ่งผมไม่อยากให้กลุ่มคน 3-4 คน ที่เป็นแกนนำปลุกระดมคนเสื้อแดงมาขัดขวางผลประโยชน์ของประชาชน ที่เป็นคนส่วนใหญ่ นอกจากนั้นรัฐบาลได้ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาปากท้อง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และปัญหาภัยแล้งมากกว่าปัญหาทางการเมืองปัจจุบัน" นายเทพไทกล่าว
แขวะ"แม้ว"เด็กเร่ร่อน
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยสบประมาทรัฐบาลว่า เด็ก 2 คนไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ ขอเรียกร้องว่า ให้เด็กเร่ร่อนหรือผู้ใหญ่จรจัด ละเว้นการปลุกระดม สร้างความแตกแยก หรือความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในประเทศ หากเด็กเร่ร่อน หรือ ผู้ใหญ่จรจัดคนนั้นยุติบทบาทโดยไม่มีการโฟนอิน พร่ำเพรื่อไปยังม็อบเสื้อแดงที่มีอยู่รายสัปดาห์ จนโฟนอินไปถึงงานวัด งานแต่ง งานบวชนาค เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์การเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอน
โฆษกประจำตัวนายกฯ ยืนยันว่า การลงพื้นที่ของรัฐบาลไม่มีวาระซ่อนเร้นที่จะยุบสภา พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมไม่มีแนวคิดนี้ การยุบสภาเป็นเรื่องอีกยาวไกล ทั้งนี้ปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลต้องทำ 2 เรื่อง คือ 1. ปัญหาเศรษฐกิจ และ 2. การปฏิรูปการเมือง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปการเมือง โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปชี้นำ กดดัน หรือมีธงในการปฏิรูปการเมือง ดังนั้นเชื่อว่าผลที่ออกมาจะเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนในสังคม
ผู้สื่อข่าวถามการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีเพื่อหาเหตุผลการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเอาคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปดำรงตำแหน่งแทน นายเทพไท กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ดูแลกระทรวงมหาดไทย ทางพรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่ ซึ่งการโยกย้ายผู้ว่าฯ ก็ต้องดูความพร้อมเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าเป็นคนของใคร ดังนั้นการย้ายคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเป็นผู้ว่าฯแทน ไม่มีอย่างแน่นอน
ส่วนการปฏิบัติราชการ ของนายจารุพงศ์ พลเดช ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ต่อการลงพื้นที่ของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีกลุ่มเสื้อแดง ออกมาต่อต้าน นายเทพไท กล่าว่า ถือว่าการทำงานของนายจารุพงศ์ สอบผ่าน ส่วนการที่ปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงเข้าไปป่วน นายกฯ ไม่ได้ติดใจอะไร
เทพเทือกลั่นทำผิดต้องรับโทษ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินให้ประชาชนอย่าหวังเพิ่งรัฐบาลนี้ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ว่าความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณไม่เป็นปัญหาต่อการทำงานของรัฐบาล เพราะเราจะทำในสิ่งที่ดีๆให้ประชาชนเห็น
"ผมเชื่อในวิจารณญานของประชาชน วันนี้ผู้สูงอายุทั่วประเทศก็ยืนอยู่ข้างรัฐบาล เข้าใจรัฐบาล อสม.ทั่วประเทศก็เข้าใจรัฐบาล อยู่ข้างรัฐบาล กำนันผู้ใหญ่บ้านทั้งหลายวันนี้ก็เข้าข้างรัฐบาล เข้าใจรัฐบาลมากขึ้น เมื่อวาน (7 มี.ค.) ผมไปนครนายก ผู้ใหญ่บ้านมาช่วยดูแลเป็นพัน" นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามว่ามีความคืบหน้าจากกระทรวงการต่างประเทศ และอัยการสูงสุดในการดำเนินการขอทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกงหรือยัง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้จึงตอบไม่ได้
เมื่อถามว่าหากนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม จะเป็นผลดีหรือผลเสียกับรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดในแง่ของรัฐบาล แต่คิดในแง่ของประเทศชาติว่า คนที่ทำความผิดหลบหนีคดี หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ติดตามเอาตัวมาลงโทษก็ต้องทำตามหน้าที่ ถ้าทำได้อย่างนั้น ก็จะทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อว่านำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีได้ก็เชื่อว่าจะไม่ทำให้คนเสื้อแดง แดงทั้งแผ่นดิน เพราะพวกเขาไม่เท่าไหร่ และหากพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารัฐบาลก็จะดูแลให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
บรรหารแนะรบ.อย่าสนใจแม้ว
นายบรรหาร ศิลปอาชา กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหวก็ถือเป็นวิถีทางของท่าน แต่ส่วนตัวก็เห็นใจ อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าส่งกระทบต่อรัฐบาลมากนัก เพราะถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะเบาบาง
เมื่อถามว่าจะให้คำแนะนำอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ก็อยากให้รอมชอม ไม่มีแดงมีเหลือง มีแต่ขาวอย่างเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(8 มี.ค.) หนังสือพิมพ์ซันเดย์ มอร์นิ่ง โพสต์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์วันอาทิตย์ของ เซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ได้รายงานข่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและฮ่องกงเกือบที่จะตกลงกับประเทศไทยได้แล้ว ในการจัดทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ซึ่งสามารถนำมาใช้เอาตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมารับโทษทัณฑ์ที่ไทยได้
ตามรายงานข่าวชิ้นนี้ของซันเดย์ มอร์นิ่ง โพสต์ สนธิสัญญาที่กำลังจัดทำกันอยู่ ระหว่างฮ่องกงกับไทยฉบับนี้ มีเนื้อหากว้างขวาง และการเจรจาก็อยู่ในขั้นตอนท้ายๆแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้จีนกับไทยได้ทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันไปแล้ว ทว่าไม่สามารถนำมาบังคับใช้ในฮ่องกง ซึ่งมีฐานะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน ขณะที่ฮ่องกงเองยังไม่มีสนธิสัญญาเช่นนี้กับทางประเทศไทย
ซันเดย์ มอร์นิ่ง โพสต์ ซึ่งอ้างแหล่งข่าวฝ่ายกฎหมายหลายราย ระบุว่า ฮ่องกงกับไทยกำลังมีการเจรจามาพักใหญ่แล้ว ในเรื่องการทำสนธิสัญญาลักษณะนี้ และเพิ่มความเร็วในการหารือมากขึ้นอีกในรอบปีที่ผ่านมา
ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวฝ่ายกฎหมายเหล่านี้ ประเทศไทยได้จัดทำร่างสุดท้ายของสนธิสัญญาเสร็จแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งก็ควรจะมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนกับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงแม้สนธิสัญญาฉบับนี้มีเนื้อความที่เป็นลักษณะกลางๆ มิได้มีการระบุบ่งบอกถึงคดีความใดๆเป็นพิเศษก็ตามที
ซันเดย์ มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานด้วยว่า ครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของบ้านเนื้อที่ 308 ตารางเมตรหลังหนึ่งในฮ่องกง โดยซื้อไว้เมื่อ 3 เดือนที่แล้วในนามของน.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาวคนสุดท้องของพ.ต.ท.ทักษิณ ในราคาเกือบ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทว่าจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีผู้ใดเข้าไปพำนักอาศัย
“แม้ว” ขาสั่นยกเลิกปาฐกถา 12 มี.ค.
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยัน พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เดินทางไปขึ้นเวทีปาฐกถา ในหัวข้อ “วิกฤตเศรษฐกิจ ความแน่นอนทางการเมือง บทเรียนจากประเทศไทย” ที่ฮ่องกง ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ อย่างแน่นอน แต่จะใช้วิธีการปราศรัย ผ่านระบบวิดีโอลิงก์แทน ส่วนกำหนดการปราศรัยนั้น จะมีขึ้นในเวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจะตรงกับเวลา 14.00 น.ในประเทศไทย
ส่วนล่าสุด ที่ทางหนังสือพิมพ์ซันเดย์มอร์นิ่ง ของฮ่องกง รายงานว่า ทางการฮ่องกงและไทย ใกล้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย เรื่องการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนเองยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และมั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งกำหนดการขึ้นปาฐกถา ในวันที่ 12 มีนาคม ด้วย
”ปณิธาน”เผยทำทุกประเทศไม่ใช่แค่ฮ่องกง
นายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในภาพรวมนั้น รัฐบาลโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นอัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ กำลังดำเนินการเจรจากับประเทศต่างๆ ที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมาก็จะมีนโยบายที่คล้ายคลึงกัน
อย่างไรก็ตาม การจับกุมตัวนักโทษในประเทศต่างๆไม่จำเป็นต้องใช้สนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ยังอาจใช้วิธีการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ หรือการให้ประเทศเหล่านั้นแจ้งเมื่อพบตัวผู้ร้ายปรากฏตัวในสนามบินก็ได้
สำหรับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งคำพิพากษาของศาลไปยังประเทศต่างๆ เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลและขอความร่วมมือในการส่งตัวมาดำเนินคดีเช่นกันเพื่อบีบพื้นที่ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เคลื่อนไหวสะดวกเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งถ้าถูกจำกัดการเคลื่อนไหวให้อยู่แต่ในประเทศเล็กๆ สุดท้ายส.ส.บางคนก็อาจเลิกไปหา เพราะระยะทางไกล และการโฟนอินก็จะไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
“กรณีฮ่องกง แม้ว่าจีนจะมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย แต่จีนถือว่าฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษ ดังนั้น จึงต้องมีการเจรจากัน ”
ส่วนเมื่อถามว่า หากจับตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาในช่วงนี้อาจทำให้การบริหารงานของรัฐบาลลำบากขึ้นไปอีก นายปณิธานกล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลอะไร ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเองไม่ควรกลัว เพราะกระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นอิสสระ รัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณใช้เป็นข้ออ้างโดยการให้ข่าวเชิงลบกับประเทศไทยมาตลอด
"มาร์ค"ไม่ท้อหลังเจอเสื้อแดงต้าน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่พบประชาชน จ.ลพบุรี ว่า ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่เราต้องการจะทำ คือได้ไปพบปะประชาชน ได้ไปไขข้อข้องใจ ตอบข้อสงสัย และรับข้อสังเกต ปัญหาเสียงสะท้อนเพิ่มเติมที่ จ.ลพบุรี มีการสรุปเป็นเอกสารมาให้ด้วย ดีจะเป็นชี้วัดทางเศรษฐกิจของเขาเองในระดับจังหวัด ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า การกระทบกระเทือนระดับพื้นที่เป็นอย่างไรบ้าง อย่างตัวเลขที่เขาทำมา สำหรับปี 51 เห็นได้ชัด ภาคบริการกระทบแรง ภาคเกษตร ยังอยู่ในสถานะที่ดีกว่า ภาคอุตสาหกรรมยังทรงๆอยู่
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ในอนาคตคิดว่าคงจะไม่มีความรุนแรง และคิดว่าการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีทุกท่าน เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมาน่าจะเป็นการพิสูจน์ว่า เราลงไปเพื่อประโยชน์ในการทำงาน ไม่ใช่เรื่องของการเมือง และประชาชนมีความตั้งใจที่จะให้เรามีโอกาสใกล้ชิดและแลกเปลี่ยนปัญหากัน
ส่วนการปาขวดของกลุ่มเสื้อแดงนั้น เป็นขวดน้ำพลาสติก อาจเป็นความหงุดหงิด เพราะตากแดดกันอยู่นาน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าช่วงสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปอังกฤษ เมื่อกลับมาแล้วจะลงพื้นที่พบประชาชนอีก ซึ่งขณะนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายบกรัฐมนตรี กำลังรวบรวมอยู่ และจะต้องดูจังหวัดที่ยังไม่มีใครลงไปด้วย
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่แล้วเจอขับไล่ เกิดความท้อแท้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ คิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ และอย่างที่เรียนคือในสังคมเรายังมีคนที่มีความเห็นแตกต่าง เมื่อถามว่า เกรงถูกมองว่าลงไปยั่วยุหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนไปไม่ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งอะไร และบอกชัดเจนว่าไปทำอะไร และถือเป็นงานในหน้าที่
ปฏิรูปการเมืองลดเงื่อนไขขัดแย้ง
เมื่อถามว่า ในช่วงรัฐบาลนี้คิดว่าจะทำให้คนที่มีความคิดเห็นแตกต่างเข้าใจได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งใจ แต่ถ้าเห็นด้วยคงเป็นไปได้ยาก แต่ยอมรับในการที่จะอยู่ร่วมกันในกติกาซึ่งไม่กระทบกระทั่งกัน เมื่อถามว่าคิดว่าบรรยากาศแบบนี้จะเป็นไปอีกนานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องถามฝ่ายผู้ชุมนุม เพราะทางตนก็พยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะไม่ให้เกิดความรู้สึกที่ขัดแย้ง ขณะเดียวกันก็มีเรื่องที่เราพยายามทำ ซึ่งเป็นข้อห่วงใยของเขาอยู่ เช่น การปฏิรูปการเมือง เรื่องอะไรต่างๆ
ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานด้านความมั่นคง บอกว่ามีความพยายามที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อทำให้เกิดสงครามกลางเมืองนั้น ก็อาจจะมีบางส่วนที่พยายามทำอย่างนั้น แต่รัฐบาลจะไม่ไปเล่นด้วย
เมื่อถามว่ากรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินบอกให้ประชาชนไม่ต้องหวังรัฐบาลเรื่องการแก้เศรษฐกิจ ให้ช่วยตัวเอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นของท่าน เมื่อถามว่ามีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลก็เดินหน้าทำงานต่อ และอยากเรียนว่าที่ทำงานอยู่ทั้งหมดเพื่อประชาชนทุกคน และจริงๆแล้วการที่จะได้รับความร่วมมือก็สำคัญในความสำเร็จของงานและเวลาสำเร็จไม่ได้เพื่อประโยชน์รัฐบาล แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนเอง
ดูแลไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง
เมื่อถามว่า นายกฯยังมั่นใจว่าภายใต้นโยบายนี้จะไม่ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองและไม่เกิดข้อขัดแย้งลุกลามบานปลาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะไม่ให้เกิดอย่างนั้น จะเห็นว่าสองเดือนที่ผ่านมา เราหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะ หรือเกิดความรุนแรงมาโดยตลอด เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอิน ถึงประชาชนรากหญ้าโดยตรง จะทำให้เป็นปัญหาอะไรหรือไม่ต่อการลงพื้นที่ของรัฐบาลในครั้งต่อไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ครับ เชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณ พูดกันตรงๆประชาชนก็ดี รัฐบาลก็ดี ก็อยู่เมืองไทย ฉะนั้นจะทราบข้อเท็จจริงที่กำลังเกิดขึ้นที่นี่นี้เป็นอย่างดี ความจริงตนนึกว่า คนไทยทุกคนน่าจะช่วยกัน เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังยากลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการว่างงาน ฉะนั้นทุกคนต้องมาช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น
ขณะเดียวกันในแง่ของการเพิ่งพาตนเอง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิด เพียงแต่ไม่ได้หมายความจะเป็นลักษณะของการปฏิเสธ ไม่ร่วมมือหรือไม่รับนโยบายการแก้ไขปัญหาต่างๆ ต้องมาช่วยกัน
แม้วต้องหยุดกระพือความขัดแย้ง
เมื่อถามว่า จะขอร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยุติการเคลื่อนไหวแบบนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนว่าอยู่ที่ตัวท่านมากกว่า ว่าจะยึดประโยชน์ของใคร ถ้ายึดประโยชน์ของประเทศชาติ ก็น่าจะรู้ว่าขณะนี้สภาพบ้านเมืองทุกคนต้องมาร่วมกันแก้ไขปัญหา เมื่อถามว่า ขณะที่รัฐบาลพยายามกำจัดความขัดแย้งให้เล็กที่สุด แต่อีกฝ่ายยังเติมเชื้อไฟความขัดแย้งเรื่องจะยุติได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนย้ำตลอดและย้ำต่อไปว่า ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง รัฐบาลจะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความขัดแย้ง จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่าจะทนให้เขาปรบมือข้างเดียวได้นานแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้รับคำแนะนำจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาตั้งแต่แรกว่า ทำงานในสภาวะแบบนี้ต้องอดทนอดกลั้น จะยึดแนวทางนี้ต่อไป เมื่อถามว่าจะอดทนอดกลั้น กับพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรืออย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อดทน อดกลั้นกับทุกๆฝ่ายที่เห็นแตกต่าง แต่จะไม่ยอมรับให้ใครทำผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่าการปฏิรูปการเมือง ที่สถาบันพระปกเกล้าจะพิจารณาในวันที่ 9 มี.ค.นี้ จะมีส่วนคลี่คลายสถานการณ์ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนหวังเป็นเช่นนั้น เพราะเป้าหมายคือ ต้องการให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม ได้ฟังเสียงของทุกๆ คนว่าความต้องการคืออะไร เมื่อถามว่า จะฝากถึงสถาบันพระปกเกล้าเกี่ยวกับแนวทางนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้พิจารณาเข้ามาช่วยการทำงานของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของสังคม
เมื่อถามว่า มีข่าวทางสถาบันพระปกเกล้า จะเสนอให้นายสุจิต บุญบงการ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทำหน้าที่ประธานปฏิรูปการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ตั้งเงื่อนไขเรื่องนี้ เพียงแต่ขอให้สถาบันพระปกเกล้าซึ่งมีความเป็นกลางไปพิจารณา
ให้สังคมพิพากษา"เสื้อแดง"
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรี เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ต่างๆว่า โดยภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าการลงพื้นที่จะมีกลุ่มเสื้อแดงไปขัดขวาง ก็ถือว่าเป็นสีสันทางการเมือง เป็นการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตย ส่วนที่มีบางพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาทิ ใช้รองเท้าขวางปา เชื่อว่าหลังจากนี้สังคมจะพิจารณาได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้รัฐบาลก็จะลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอต่อไป โดยไม่หวั่นเกรงกระแสต่อต้าน หรือเป็นพื้นที่สีแดง สีเหลือง หากเป็นประชาชนคนไทย ก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แม้ว่าจะไม่ใช่เสียงสนับสนุนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลได้ให้ ส.ส.ในสังกัดลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชนด้วย เนื่องจากว่ามีข้อจำกัดที่รัฐมนตรีน้อย จึงไม่สามารถลงพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง
"เชื่อว่าการลงพื้นที่ของรัฐบาล ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ แต่ก็ยอมรับว่ามีคนกลุ่มเล็กๆ ที่เสียผลประโยชน์ คือ เป็นกลุ่มคนที่หวังผลทางการเมือง ซึ่งผมไม่อยากให้กลุ่มคน 3-4 คน ที่เป็นแกนนำปลุกระดมคนเสื้อแดงมาขัดขวางผลประโยชน์ของประชาชน ที่เป็นคนส่วนใหญ่ นอกจากนั้นรัฐบาลได้ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาปากท้อง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และปัญหาภัยแล้งมากกว่าปัญหาทางการเมืองปัจจุบัน" นายเทพไทกล่าว
แขวะ"แม้ว"เด็กเร่ร่อน
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยสบประมาทรัฐบาลว่า เด็ก 2 คนไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ ขอเรียกร้องว่า ให้เด็กเร่ร่อนหรือผู้ใหญ่จรจัด ละเว้นการปลุกระดม สร้างความแตกแยก หรือความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในประเทศ หากเด็กเร่ร่อน หรือ ผู้ใหญ่จรจัดคนนั้นยุติบทบาทโดยไม่มีการโฟนอิน พร่ำเพรื่อไปยังม็อบเสื้อแดงที่มีอยู่รายสัปดาห์ จนโฟนอินไปถึงงานวัด งานแต่ง งานบวชนาค เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์การเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอน
โฆษกประจำตัวนายกฯ ยืนยันว่า การลงพื้นที่ของรัฐบาลไม่มีวาระซ่อนเร้นที่จะยุบสภา พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมไม่มีแนวคิดนี้ การยุบสภาเป็นเรื่องอีกยาวไกล ทั้งนี้ปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลต้องทำ 2 เรื่อง คือ 1. ปัญหาเศรษฐกิจ และ 2. การปฏิรูปการเมือง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปการเมือง โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปชี้นำ กดดัน หรือมีธงในการปฏิรูปการเมือง ดังนั้นเชื่อว่าผลที่ออกมาจะเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนในสังคม
ผู้สื่อข่าวถามการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีเพื่อหาเหตุผลการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเอาคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปดำรงตำแหน่งแทน นายเทพไท กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ดูแลกระทรวงมหาดไทย ทางพรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่ ซึ่งการโยกย้ายผู้ว่าฯ ก็ต้องดูความพร้อมเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าเป็นคนของใคร ดังนั้นการย้ายคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเป็นผู้ว่าฯแทน ไม่มีอย่างแน่นอน
ส่วนการปฏิบัติราชการ ของนายจารุพงศ์ พลเดช ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ต่อการลงพื้นที่ของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีกลุ่มเสื้อแดง ออกมาต่อต้าน นายเทพไท กล่าว่า ถือว่าการทำงานของนายจารุพงศ์ สอบผ่าน ส่วนการที่ปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงเข้าไปป่วน นายกฯ ไม่ได้ติดใจอะไร
เทพเทือกลั่นทำผิดต้องรับโทษ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินให้ประชาชนอย่าหวังเพิ่งรัฐบาลนี้ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ว่าความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณไม่เป็นปัญหาต่อการทำงานของรัฐบาล เพราะเราจะทำในสิ่งที่ดีๆให้ประชาชนเห็น
"ผมเชื่อในวิจารณญานของประชาชน วันนี้ผู้สูงอายุทั่วประเทศก็ยืนอยู่ข้างรัฐบาล เข้าใจรัฐบาล อสม.ทั่วประเทศก็เข้าใจรัฐบาล อยู่ข้างรัฐบาล กำนันผู้ใหญ่บ้านทั้งหลายวันนี้ก็เข้าข้างรัฐบาล เข้าใจรัฐบาลมากขึ้น เมื่อวาน (7 มี.ค.) ผมไปนครนายก ผู้ใหญ่บ้านมาช่วยดูแลเป็นพัน" นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามว่ามีความคืบหน้าจากกระทรวงการต่างประเทศ และอัยการสูงสุดในการดำเนินการขอทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกงหรือยัง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้จึงตอบไม่ได้
เมื่อถามว่าหากนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม จะเป็นผลดีหรือผลเสียกับรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดในแง่ของรัฐบาล แต่คิดในแง่ของประเทศชาติว่า คนที่ทำความผิดหลบหนีคดี หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ติดตามเอาตัวมาลงโทษก็ต้องทำตามหน้าที่ ถ้าทำได้อย่างนั้น ก็จะทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อว่านำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีได้ก็เชื่อว่าจะไม่ทำให้คนเสื้อแดง แดงทั้งแผ่นดิน เพราะพวกเขาไม่เท่าไหร่ และหากพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารัฐบาลก็จะดูแลให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
บรรหารแนะรบ.อย่าสนใจแม้ว
นายบรรหาร ศิลปอาชา กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหวก็ถือเป็นวิถีทางของท่าน แต่ส่วนตัวก็เห็นใจ อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าส่งกระทบต่อรัฐบาลมากนัก เพราะถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะเบาบาง
เมื่อถามว่าจะให้คำแนะนำอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ก็อยากให้รอมชอม ไม่มีแดงมีเหลือง มีแต่ขาวอย่างเดียว