xs
xsm
sm
md
lg

แกนนำประสานเสียงหนุนตั้งพรรคพธม. พร้อมชนปชป.ถ้าไม่ล้างระบอบทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภาคใต้- เผยไฮไลต์เวทีคอนเสิร์ตการเมืองบนเกาะสมุย 4 แกนนำพันธมิตรฯ “สนธิ-จำลอง-สมศักดิ์-พิภพ” ล้อมวงร่วมรายการ “เปิดใจคนในข่าวภาคพิเศษ” ประสานเสียงหนุนตั้ง”พรรคพันธมิตรฯ”เพื่อเข้าไปต่อสู้ในสภาควบคู่การทำงานการเมืองภาคประชาชน ยันแกนนำทั้งหมดพร้อมทำหน้าที่ผู้คุมกฎกติกา พร้อมท้าชนปชป.หากยังนิ่ง


เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเกาะสมุย ได้จัดเวทีคอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 4 ที่บริเวณเลควิว ลานพลุเฉวง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีพี่น้องพันธมิตรฯจากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมจำนวนมาก และมีแกนนำพันธมิตรฯทั้งรุ่น 1 และ 2 รวมทั้งผู้ปราศรัยและศิลปินทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก เช่นหงา คาราวาน ตั๋ว-ศรัณยู วงศ์กระจ่าง หรั่ง ร็อคเคสตรา วงกากบาท วง ก.ไก่ เป็นต้น

สำหรับการจัดคอนเสิร์ตการเมืองในครั้งที่ 4 นี้มีไฮไลต์สำคัญที่สุดอยู่ที่แกนนำพันธมิตรฯ 4 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย ร่วมวงเสวนาเปิดใจในรายการคนในข่าวภาคพิเศษ โดยมี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ ทำหน้าที่ดำเนินรายการ

เนื้อหาของการล้อมวงเสวนาในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาชี้แจงถึงความชัดเจนในการตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังจากที่มีข่าวลือถึงความขัดแย้งในกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯเกี่ยวกับความคิดในการจัดตั้งพรรคการเมือง

วงเสวนายืนยันเป็นเสียงเดียวว่า แกนนำพันธมิตรฯไม่ได้มีความขัดแย้งในเรื่องนี้ ทุกคนเห็นด้วยในการตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ เพื่อร่วมกันทำการเมืองใหม่ให้ปรากฏเป็นจริงตามอุดมการณ์ของพันธมิตรฯที่ได้ต่อสู้มาอย่างยาวนาน

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า หลังสิ้นสุดการชุมนุมของพันธมิตรฯมีหลายคนชักชวนให้ตั้งพรรคการเมือง จึงได้หารือร่วมกับแกนนำทั้ง 5 คนแล้วได้ข้อสรุปว่า การตั้งพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย ในขณะเดียวกันเราก็พูดเรื่องการเมืองใหม่ตลอด หากไม่ทำอะไรให้เห็นเป็นตัวอย่าง โอกาสที่ประชาชนจะเข้าใจการเมืองก็จะไม่มีให้เห็นเลย

ขณะเดียวกัน การตั้งพรรคการเมืองมีรายละเอียดมาก และตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่ขัดข้องให้ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาล เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นคนดี 3 เดือนที่ผ่านมาตนเข้าใจและเห็นใจบทบาทในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ที่นายอภิสิทธิ์ ได้แสดงศักยภาพให้เห็นแล้วว่า การทำภารกิจทั้งในและต่างประเทศมีความเหนือชั้นกว่าเจ้ามูลควายมาก

“โดยส่วนตัวผมเห็นว่า การเมืองภาคประชาชนสามารถที่จะทำพรรคการเมืองได้ แต่จะต้องเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ในอุดมคติที่พันธมิตรฯอยากได้ คือ จะต้องเสียสละ ไม่รับตำแหน่งใดๆ ไม่แย่งกันเป็นรัฐมนตรี เสียสละไม่รับเงินเดือน ต้องมีความชื่อสัตย์ ไม่คดโกง ไม่ทุจริต มีความกล้าหาญกล้าที่จะลุกขึ้นมาบอกกับสังคมว่าเป็นพันธมิตรฯ ส่วนค่าใช้จ่ายให้ประชาชนเป็นผู้สนับสนุน โดยการเป็นสมาชิกพรรคเดือนละ 100 บาทต่อคน จาก 2 ล้านคนทั่วประเทศก็เดือนละ 200 ล้านบาท ก็พอค่าใช้จ่ายพรรคและยังเหลือพอที่จะสนับสนุน ASTV ด้วย”

นายสนธิกล่าวว่า เรื่องนี้ได้หารือในเชิงปรัชญาร่วมกับแกนนำพันธมิตรฯทั้งหมดแล้ว ซึ่งทั้ง 5 คนมีความเห็นที่ตรงกัน เพียงแต่จะต้องคิดถึงวิธีที่จะดำเนินการและระยะเวลาเท่านั้นเอง เพราะแกนนำเองไม่ได้มีความคิดที่แตกแยกในการทำการเมืองใหม่ แต่คงต้องรักษาป้อมปราการอยู่กับเอเอสทีวี เพื่อให้เป็นหัวหอกสื่อในการชูธงการเมืองใหม่

การตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ไม่ต้องรอให้เปลี่ยนกติกา เพราะหากรอให้พรรคประชาธิปัตย์ไปเปลี่ยนกติกาเพื่อให้เกิดการเมืองใหม่ คงต้องรอไปหลายชาติ แต่การเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้ โดยที่ให้แกนนำเลือกเองว่า ใครบ้างอยากจะเป็นตัวแทนลงสมัครเลือกตั้ง ซึ่งกฎหมายไม่ได้ห้าม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ถ้ามีพรรคการเมืองพันธมิตรฯ แกนนำจะทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์กฎ ถ้าใครเคยอ่านหนังสือจีนกำลังภายในก็จะเข้าใจ อย่างพรรคกระยาจกจะมีผู้พิทักษ์กฎ ใครทำผิดจะประหารโดยไม่ปรานี ประชาชนจะเป็นผู้ดูแล แต่ผู้พิทักษ์กฎจะเอาคนผิดกฎออกไป และยังมี ASTV และพี่น้องพันธมิตรฯที่คอยเป็นคนตรวจสอบว่า ใครทำผิดกติกาที่กำหนดบ้าง หากพบทำผิดกติกาก็สามารถเอาออกได้ทีนที” นายสนธิกล่าวและว่า

ส่วนกรณีที่ห่วงกันว่า พันธมิตรฯตั้งพรรคการเมืองฐานเสียงจะไปซ้ำกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะตัดคะแนนกันเอง โดยส่วนตัวแล้วตนเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความกล้าหาญ อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมของพรรคนี้มียางอายมากจนไม่กล้าทำอะไร กลัวว่าทำแล้วจะไม่โปร่งใส

อย่างกรณีพันธมิตรฯจะทำหนังสือร้องเรียนให้เปลี่ยน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ที่เป็นหนึ่งในกระบวนการฆ่าประชาชนเมื่อเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 แต่กลับมาดำเนินคดีพันธมิตรฯ โดยพอนักข่าวไปถามรองนายกรัฐมนตรีตกใจรีบต่อว่า ไม่มีเปลี่ยน แทนที่จะพูดว่าถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นอย่างที่ร้องเรียนจริง ก็ไม่ควรเข้ามาดูแลเรื่องนี้ แต่ประชาธิปัตย์กลัวว่าทำแล้วจะถูกมองว่าไม่เป็นกลาง ประชาธิปัตย์ขาดซึ่งความกล้าหาญและต้องรีบแก้ตรงนี้

นายสนธิกล่าวด้วยว่า สมมติว่าพันธมิตรฯตั้งพรรคการเมือง ตนจะขอเว้นภาคใต้เอาไว้ไม่ส่ง ส.ส.เขต แต่จะขอ ส.ส.สัดส่วนแทน โดยที่เราจะไปบุกหนักที่ภาคอีสานและเหนือ ที่ประชาธิปัตย์บุกไม่ได้ ยกเว้นภาคตะวันออกที่จะขอเอาไว้ หรือแม้ว่าตนไม่มีอำนาจที่จะทำอย่างนั้น แต่ก็จะพยายามขอจังหวัดตรังไว้ว่าจะไม่ส่ง ส.ส.เพื่อให้เกียรตินายชวน หลีกภัย และในกรุงเทพฯ เพื่อให้เกียรติ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

“ผมขอพูดถึงคุณชวน คุณบัญญัติและคุณอภิสิทธิ์ไว้ ณ ที่นี้ด้วย ผมเตือนแล้วว่าที่ผ่านมาอุตส่าห์ประนีประนอม แต่วันนี้ผมห้ามพี่สมศักดิ์ไม่ได้ ส.ส.ใต้ที่กำลังดูทีวีอยู่คงรู้ว่า พี่สมศักดิ์กำลังตกมัน ผมเกรงใจแล้วที่จะพยายามพูดไม่ส่ง ส.ส.เขต แต่ขอส่ง ส.ส.สัดส่วนแทน แต่ถ้าพูดอย่างไม่เห็นใจกันก็อยากจะพูดว่า 20 ปีแล้วที่ชาวใต้เลือกประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรดีขึ้น ให้โอกาสพันธมิตรฯสักครั้งเพื่อให้เรากำจัดทักษิณ หากเราทำไม่ได้ก็ไม่ต้องเลือกเราอีกต่อไป”

นายสนธิกล่าวอีกว่า ช่วยบอกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ทำงานหน่อย ไม่ต้องรังเกียจพันธมิตรฯ เพราะไม่ใช่เสนียดจัญไร การยืนข้างพันธมิตรฯมีแต่ความถูกต้อง ตนรู้อารมณ์คนใต้ รักใครรักจริง คนใต้ยังรักประชาธิปัตย์อยู่ ขนาดถูกนอกใจตอนตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาเขายังกัดฟันทนอยู่ แต่ถ้านอกใจคนใต้ไม่รู้จักสิ้นสุด ก็จะมีชายหนุ่มที่งดงาม ชื่อพันธมิตรฯยืนรออยู่ คนใต้ก็พร้อมจะบอกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องลองของใหม่

ส่วนพรรคพันธมิตรฯจะเกิดขึ้นเมื่อใด นายสนธิกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะจัดการกับตำรวจที่ทำร้ายประชาชนเมื่อใด ถ้านายสุเทพจัดการไม่ได้ เพราะว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นน้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่จะไปเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และยังเอา พล.ต.ต.อำนวยไว้ เอา พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ไว้เพื่อเป็น ผบช.ภ.4 ก็แสดงว่า นายสุเทพ ไม่จริงใจ เมื่อนั้นพรรคพันธมิตรฯจะเกิดทันที

“อยากจะถามชาวใต้ว่า จะให้โอกาสพันธมิตรฯเราสักครั้งในชีวิตไหม เราจะทำให้ดู เราจะชนในกรุงเทพฯ ชนทุกที่ที่เป็นเขต 1 ในเมือง ขึ้นอยู่กับว่าประชาธิปัตย์จะมองเราเป็นศัตรู หรือเห็นว่าเป็นคนที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ขอให้เลิกอ้อมค้อม หลบซ้ายหลบขวา ต้องยืนนิ่งๆ เหมือนเรา และถึงเวลาที่ต้องเลือกข้างได้แล้ว”

ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า ความคิดเรื่องการเมืองใหม่ของแกนนำทั้ง 5 คนไม่แตกต่างกัน คือนักการเมืองต้องเสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ แต่วิธีการเราก็เอาประสบการณ์ของแต่ละคนมาแลกเปลี่ยน ซึ่งต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง หากผลีผลามอาจทำให้เกิดพลาดพลั้งได้

“ที่สำคัญคือ ความซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ ประชาชนต้องให้การสนับสนุนพรรคการเมืองนี้ โดยการจ่ายค่าสมาชิกเดือนละ 10-100 บาท ไม่ใช่ว่ามีผู้ประกอบการ นักธุรกิจเข้ามาสนับสนุน แบบนั้นเราไม่เอา ประการสุดท้ายพรรคพันธมิตรฯจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของสื่อในเครือ ASTV และประชาชนทุกคน เพื่อป้องกันการออกนอกลู่นอกทาง หากพบว่า ส.ส.ของพรรคคนใดฝ่าฝืน ก็ต้องถูกไล่ออกทันที โดยประชาชนผู้สนับสนุน”

พล.ต.จำลองกล่าวอีกว่า จากการเมืองภาคประชาชนในรูปแบบของพันธมิตรฯ แล้วพัฒนาไปสู่การเมืองในระบบสภาฯนั้น ไม่มีความขัดแย้งกันแต่อย่างใด และที่ยืนยันได้ดีที่สุดคือ ตลอดการชุมนุม 193 วันที่ผ่านมา พันธมิตรฯไม่ทำเพื่อตัวเอง และไม่เคยทวงบุญคุณจากใคร ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลก็เพราะพันธมิตรฯ และการเดินหน้าการเมืองใหม่ไม่ต้องรอการแก้กฎระเบียบข้อบังคับของหน่วยงานใดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นต้องแยกให้ออกระหว่างการเมืองภาคประชาชน กับการเมืองในสภาฯ แล้วการเมืองใหม่ก็จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

ขณะที่ นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า หากถึงคราวที่พรรคการเมืองของพันธมิตรฯจะเกิด ก็คงต้องเกิด ซึ่งแกนนำไม่มีความแตกแยกในเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าจะต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ และจะมีพลังของมวลชนพันธมิตรฯกำกับอยู่ ซึ่งแนวทางของพันธมิตรฯพรรคการเมืองต้องมีธรรมนำหน้า มีความซื่อสัตย์ เสียสละและกล้าหาญ เป็นพรรคการเมืองใหม่ที่ไม่ใช่การเมืองเชิงอำนาจและผลประโยชน์ เพราะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นอำนาจของประชาชน
มีการสรรหาสมาชิกที่จะมาลง ส.ส.ที่มาจากฉันทมติของประชาชนในพื้นที่ ประชาชนเป็นสมาชิกพรรคด้วยการร่วมกันจ่ายค่าสมาชิก และมีเอเอสทีวี มีพันธมิตรฯคอยตรวจสอบ พรรคการเมืองนี้จะแปลกใหม่ที่สุด เพราะสร้างมาจากภาคประชาชนอย่างแท้จริง เพราะพรรคการเมืองทั่วไปสร้างมาจากลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ หรือมาจากอุดมการณ์บางอย่าง

“พรรคนี้จะไม่ถูกกำกับโดยกรรมการพรรค แต่ถูกกำกับโดยมวลชนพันธมิตรฯ เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่จะออกนอกลู่นอกทาง ยิ่งมีเอเอสทีวีและวิทยุชุมชนต่างๆ คอยตรวจสอบ นี่คือมิติใหม่ที่ผมอยากเห็นมานานแล้ว เพราะเป็นพรรคการเมืองที่เกิดจากฉันทมติของประชาชนในนามพันธมิตรฯทั่วประเทศ และจะดูแล ส.ส.ไม่ให้นายทุนครอบงำโดยการร่วมกัน”

ส่วน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวว่า การที่จะมีพรรคพันธมิตรฯหรือไม่ ต้องถามพี่น้องว่าจะให้เรามีพรรคการเมืองหรือไม่ หากประชาชนต้องการต้องพรรคเทียนแห่งธรรม ที่มีธรรมนำหน้า มีความซื่อสัตย์ เสียสละและกล้าหาญ ซึ่งเราให้เวลาพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำงานบริหารประเทศและแก้ปัญหาต่างๆ มาแล้วระยะหนึ่ง หากประชาธิปัตย์ยังแก้ปัญหาไม่ได้ พรรคใหม่ของพันธมิตรฯจะเกิดขึ้นทันที

“ขอให้พี่น้องพันธมิตรฯช่วยกันขยายไปในทุกพื้นที่ และพวกเราต้องมีความสามัคคีกัน เพราะหากบ้านเมืองมีปัญหาอะไรแล้ว เราก็พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่โดยทันที” นายสมศักดิ์กล่าว

ด้าน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯที่จะเกิดขึ้นนั้น จะต้องมีองค์ประกอบที่มากกว่าพรรคการเมืองที่มีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีคนถามตนว่าจะอยู่กับประชาธิปัตย์ต่อไปหรือไม่ หรือไปอยู่กับพรรคใหม่ของพันธมิตรฯ ซึ่งเร็วเกินไปที่ตนจะตอบคำถามนี้ แต่ตอบได้ทันทีว่า พรรคการเมืองที่มีอยู่ในประเทศเราขณะนี้ยังมีคุณภาพไม่เพียงพอในการพัฒนาประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องมีพรรคการเมืองใหม่ที่ดีๆ เพิ่มขึ้น

ที่ผ่านมาประชาชนในหลายภาคเลือกพรรคการเมืองไม่ถูกต้อง แล้วนักการเมืองเหล่านั้นต้องกลายเป็นสิ่งปฏิกูลอยู่ในขณะนี้ ซึ่งพรรคการเมืองใหม่จะต้องมีอุดมการณ์ มีความกล้าหาญ และพรรคการเมืองใหม่น่าที่จะเกิดในภูมิภาคที่ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจการเมือง และจะต้องมีเป้าหมายให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับกลุ่มรากแก้วและรากหญ้า

“พรรคการเมืองใหม่จะเกิดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนายอภิสิทธิ์ว่า จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาทุจริตโกงบ้านเมืองได้หรือไม่ เพราะ นายอภิสิทธิ์ คือตัวแทนของการเมืองใหม่ หากแก้ไม่ได้ การเมืองไทยย่อมมืดมน เชื่อว่ามีคนไทยกลุ่มใหญ่ที่จะร่วมกันจุดเทียนเล่มใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง”

สำหรับ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คนได้นัดหารือกันในเรื่องนี้เป็นการภายในเรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและเรื่องพรรคการเมืองใหม่ และบรรดาแกนนำก็ได้ชี้แจงให้ทราบรายละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน







กำลังโหลดความคิดเห็น