หลังจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี –รมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และ 8 ด็อกเตอร์ นักการเมือง –นักวิชาการ ได้ไปพบปะกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ด้วยวัตถุประสงค์ระดมสมอง เพื่อเตรียมนำเสนอการแก้ปัญหาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2552 ที่ผ่านมา
ก็ดูเหมือนว่าสื่อมวลชน ผู้คนในสังคมจะให้ความสนใจกันมากพอประมาณ และวิเคราะห์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่สงบนิ่ง สงครามแบ่งสีแบ่งขั้วยังระอุ
ที่น่าสนใจก็คือ 8 ด็อกเตอร์ที่ร่วมโต๊ะอาหารโชว์กึ๋น ชื่นชมรัฐบาล วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอภิสิทธิ์ ล้วนแต่เป็นนักวิชาการ –บุคคลที่มิอาจมองข้าม
ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่เคยมีข่าววับๆ แวมๆ ในช่วงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ว่า หากกองทัพผลักดันให้เกิดรัฐบาลแห่งชาติเขาคือ หนึ่งในตัวเต็งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลดังกล่าว
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน ปัจจุบันนักวิชาการอิสระ ผู้มีความรู้ความสามารถแต่ยังขาดโอกาสทางการเมือง
ดร.ประวิช รัตนเพียร อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อดีตคู่บุญบารมี สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ดร.กนก วงศ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)
ดร.ปรานปรีดิ์ พหิธนานุกร หลาน “น้าชาติ” อดีตผู้แทนการค้ายุครัฐบาลทักษิณ คนหนุ่มจากกลุ่มพรรคเพื่อไทยแต่คอนเนกชันกว้างขวาง
ดร.ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.การท่องเที่ยวและการกีฬา อีกหนึ่งคนโปรดของชายชื่อบรรหาร ศิลปอาชา
ดร.สุวิทย์ เมษิณทรีย์ แห่งสำนักศศินทร์ อดีตมือทำงานให้ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลทักษิณ
และแน่นอนโต้โผใหญ่ อย่างม.ร.ว.ปรีดิยาธรหรือ “หม่อมอุ๋ย” ที่แม้ว่าเราๆ ท่านๆ จะเห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้างกับแนวคิดทฤษฎีของท่าน หรือหมั่นไส้บ้างไม่หมั่นไส้บ้างกับบุคลิกลีลาของท่าน แต่ท่ามกลางวิกฤตการเมืองเมื่อปี 2551 นอกจากมีชื่อของดร.สมบัติเป็นตัวเต็งนายกฯ แล้ว “หม่อมอุ๋ย” ก็เป็นอีกคนหนี่งที่ถูกกล่าวขวัญถึง..
งานนี้ “หม่อมอุ๋ย” ให้สัมภาษณ์นักข่าวมติชนว่าการพบปะกันของกลุ่มป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หามาตรการเสนอต่อสังคม เพราะวิกฤตเศรษฐกิจของโลกขณะนี้รุนแรงมาก โดยจะพบปะกันเดือนละครั้ง ในนามของกลุ่ม “รักษ์เมืองไทย” และไม่มีทางที่จะพัฒนากลุ่มไปเป็นพรรคการเมืองอย่างแน่นอน
ในฐานะที่ตัวเองค่อนข้างเป็นคนมองโลกในแง่ดี และรู้จักมักคุ้นกับ 9 ท่านอย่างน้อยก็ 4 ท่าน ผมเชื่อในเบื้องต้นว่ากลุ่มรักษ์เมืองไทยมีเจตนาดี คิดดี หวังดีต่อบ้านเมืองอย่างแน่นอน และยอมรับว่าความรู้ความสามารถหรือศักยภาพของท่านเหล่านี้มิอาจมองข้ามได้เลย...
ดังนั้นวันใดที่ข้อเสนอ ชุดความคิดของกลุ่มรักษ์เมืองไทยถูกนำเสนอต่อสังคม หากเป็นข้อเสนอที่ออกมาแบบใสๆ จิตใจชื่นบานจริงๆ รัฐบาลควรได้นำไปขบคิดให้จงหนัก มิใช่เพราะว่าชื่อชั้นของคนเหล่านี้ควรค่าเท่านั้น หากแต่เป็นเจตนารมณ์ของผู้นำที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่แล้วที่ประกาศว่าจะรับฟังข้อเสนอของทุกภาคส่วนของสังคม..
ใช่หรือไม่ว่า...วันนี้จุดแข็งสำคัญประการหนึ่งของนายกฯ ที่ชื่ออภิสิทธิ์ก็คือการน้อมรับฟังความต่างจากภาคส่วนต่างๆ อย่างมีวุฒิภาวะ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมองโลกในแง่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าถามว่า...โอกาสที่กลุ่มรักษ์เมืองไทย ซึ่งผมเชื่อว่าวันข้างหน้าจะมีใครต่อใครโผล่หน้ามาร่วมวงอีก จะเสนอความเห็นที่สวนทางกับรัฐบาลจนกลายเป็นแรงกระเพื่อมต่อรัฐบาลมีหรือไม่? ก็ต้องตอบว่า โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีได้ไม่ยากเช่นกัน...
ต้องไม่ลืมว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ แม้นายกฯ อภิสิทธิ์ แม่ทัพใหญ่ และกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ตลอดจนกอรปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ จะขยันขันแข็งทำงานแบบตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอต แต่ด้วยขนาดและความซับซ้อนของปัญหา (เศรษฐกิจ) การป่วนของหัวโจกและลิ่วล้อขบวนการคนเสื้อแดงที่ไม่อยากเห็น “เด็กสองคน” แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้สำเร็จนั้น คืออุปสรรคสำคัญมากๆ อย่างหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้
ดังนั้นวันใดที่กลุ่มรักษ์เมืองไทยเสนอแนวคิดที่สวนทาง (อย่างบริสุทธิ์ใจ) กับรัฐบาลชุดนี้ ย่อมจะทำให้รัฐบาลชุดนี้เอียงกระเท่เร่เอาได้เหมือนกัน!!
อีกประการหนึ่ง ที่ผมต้องขอเชื่อเอาไว้เพียงครึ่งเดียวก่อนก็คือ การพัฒนากลุ่มเป็นพรรคการเมืองที่ “หม่อมอุ๋ย” ยืนยันว่าไม่ได้มีจุดหมาย...
เมื่อดูรายชื่อแล้ว อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำว่า “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชัน” เพราะในกลุ่มนี้อย่างน้อย “หม่อมอุ๋ย” กับ ดร.ประวิช นั้นล้วนแต่เป็นศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล
พอนึกถึง “เซนต์คาเบรียล” ก็ทำให้นึกต่อไปถึงคนชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เพื่อนสนิทของ “หม่อมอุ๋ย” นึกต่อไปถึงสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และ ฯลฯ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.ประวิตรนั้น แม้ตลอดมาค่อนข้างจะแสดงออกทำให้คิดว่าไม่สนใจการเมือง แต่สุดท้ายก็กลายเป็น รมว.กลาโหม โดยมิอาจปฏิเสธว่าได้รับการผลักดันจาก ผบ.ทบ.ที่ชื่อพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขณะเดียวกันก็มีข่าวคราวหนาหูว่าในอนาคต พล.อ.ประวิตรอาจจะกลายเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ หรือพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วอย่าง “ภูมิใจไทย” พรรคสีน้ำเงินที่มีทุนหนาหนุนหลัง ..
และวันใดที่ พล.อ.ประวิตรย่างสามขุมเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง พล.อ.เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 6 ที่กำลังเรียนด็อกเตอร์อย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช.ก็อาจจะมาร่วมวงด้วย...
ส่วนเซนต์คาเบรียลที่ชื่อ “บิ๊กตุ่น” พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกลาโหม และเลขาธิการ คมช.จะมาร่วมด้วยหรือเปล่าก็ไม่อาจจะทราบได้...
สรุปว่า..ผมสนับสนุนการระดมสมองของกลุ่มรักษ์เมืองไทย และต่อให้กลุ่มนี้จะพัฒนาไปเป็นพรรคการเมืองก็ขอสนับสนุนให้เกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากอดีตทหารใหญ่อย่างพล.อ.ประวิตร พล.อ.สนธิ จะร่วมไม้ร่วมมือกับกลุ่มของ “หม่อมอุ๋ย” หรือกลุ่มอื่นจะมาเป็นหัวหน้าพรรค หรือแกนนำพรรคก็ยิ่งดี ดีกว่าให้ผู้คนในสังคมนินทาว่าร้ายว่าเป็นพวกรอส้มหล่น พวกรอเสียบ ถนัดแต่อยู่เบื้องข้างเบื้องหลัง ใช้อิทธิพลและพลังแฝงของกองทัพเพื่อคนไม่กี่คน แทนที่จะใช้เพื่อสร้างรัฐบาลฟื้นฟูชาติ...
ขอต้อนรับ ขอจับตากลุ่มรักษ์เมืองไทย ที่ออกมาแชร์พื้นที่ข่าว นับจากนี้ไป ด้วยความเร้าใจยิ่ง!!??
samr_rod@hotmail.com
ก็ดูเหมือนว่าสื่อมวลชน ผู้คนในสังคมจะให้ความสนใจกันมากพอประมาณ และวิเคราะห์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่สงบนิ่ง สงครามแบ่งสีแบ่งขั้วยังระอุ
ที่น่าสนใจก็คือ 8 ด็อกเตอร์ที่ร่วมโต๊ะอาหารโชว์กึ๋น ชื่นชมรัฐบาล วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอภิสิทธิ์ ล้วนแต่เป็นนักวิชาการ –บุคคลที่มิอาจมองข้าม
ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่เคยมีข่าววับๆ แวมๆ ในช่วงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ว่า หากกองทัพผลักดันให้เกิดรัฐบาลแห่งชาติเขาคือ หนึ่งในตัวเต็งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลดังกล่าว
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน ปัจจุบันนักวิชาการอิสระ ผู้มีความรู้ความสามารถแต่ยังขาดโอกาสทางการเมือง
ดร.ประวิช รัตนเพียร อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อดีตคู่บุญบารมี สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ดร.กนก วงศ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)
ดร.ปรานปรีดิ์ พหิธนานุกร หลาน “น้าชาติ” อดีตผู้แทนการค้ายุครัฐบาลทักษิณ คนหนุ่มจากกลุ่มพรรคเพื่อไทยแต่คอนเนกชันกว้างขวาง
ดร.ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.การท่องเที่ยวและการกีฬา อีกหนึ่งคนโปรดของชายชื่อบรรหาร ศิลปอาชา
ดร.สุวิทย์ เมษิณทรีย์ แห่งสำนักศศินทร์ อดีตมือทำงานให้ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลทักษิณ
และแน่นอนโต้โผใหญ่ อย่างม.ร.ว.ปรีดิยาธรหรือ “หม่อมอุ๋ย” ที่แม้ว่าเราๆ ท่านๆ จะเห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้างกับแนวคิดทฤษฎีของท่าน หรือหมั่นไส้บ้างไม่หมั่นไส้บ้างกับบุคลิกลีลาของท่าน แต่ท่ามกลางวิกฤตการเมืองเมื่อปี 2551 นอกจากมีชื่อของดร.สมบัติเป็นตัวเต็งนายกฯ แล้ว “หม่อมอุ๋ย” ก็เป็นอีกคนหนี่งที่ถูกกล่าวขวัญถึง..
งานนี้ “หม่อมอุ๋ย” ให้สัมภาษณ์นักข่าวมติชนว่าการพบปะกันของกลุ่มป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หามาตรการเสนอต่อสังคม เพราะวิกฤตเศรษฐกิจของโลกขณะนี้รุนแรงมาก โดยจะพบปะกันเดือนละครั้ง ในนามของกลุ่ม “รักษ์เมืองไทย” และไม่มีทางที่จะพัฒนากลุ่มไปเป็นพรรคการเมืองอย่างแน่นอน
ในฐานะที่ตัวเองค่อนข้างเป็นคนมองโลกในแง่ดี และรู้จักมักคุ้นกับ 9 ท่านอย่างน้อยก็ 4 ท่าน ผมเชื่อในเบื้องต้นว่ากลุ่มรักษ์เมืองไทยมีเจตนาดี คิดดี หวังดีต่อบ้านเมืองอย่างแน่นอน และยอมรับว่าความรู้ความสามารถหรือศักยภาพของท่านเหล่านี้มิอาจมองข้ามได้เลย...
ดังนั้นวันใดที่ข้อเสนอ ชุดความคิดของกลุ่มรักษ์เมืองไทยถูกนำเสนอต่อสังคม หากเป็นข้อเสนอที่ออกมาแบบใสๆ จิตใจชื่นบานจริงๆ รัฐบาลควรได้นำไปขบคิดให้จงหนัก มิใช่เพราะว่าชื่อชั้นของคนเหล่านี้ควรค่าเท่านั้น หากแต่เป็นเจตนารมณ์ของผู้นำที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่แล้วที่ประกาศว่าจะรับฟังข้อเสนอของทุกภาคส่วนของสังคม..
ใช่หรือไม่ว่า...วันนี้จุดแข็งสำคัญประการหนึ่งของนายกฯ ที่ชื่ออภิสิทธิ์ก็คือการน้อมรับฟังความต่างจากภาคส่วนต่างๆ อย่างมีวุฒิภาวะ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมองโลกในแง่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าถามว่า...โอกาสที่กลุ่มรักษ์เมืองไทย ซึ่งผมเชื่อว่าวันข้างหน้าจะมีใครต่อใครโผล่หน้ามาร่วมวงอีก จะเสนอความเห็นที่สวนทางกับรัฐบาลจนกลายเป็นแรงกระเพื่อมต่อรัฐบาลมีหรือไม่? ก็ต้องตอบว่า โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีได้ไม่ยากเช่นกัน...
ต้องไม่ลืมว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ แม้นายกฯ อภิสิทธิ์ แม่ทัพใหญ่ และกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ตลอดจนกอรปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ จะขยันขันแข็งทำงานแบบตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอต แต่ด้วยขนาดและความซับซ้อนของปัญหา (เศรษฐกิจ) การป่วนของหัวโจกและลิ่วล้อขบวนการคนเสื้อแดงที่ไม่อยากเห็น “เด็กสองคน” แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้สำเร็จนั้น คืออุปสรรคสำคัญมากๆ อย่างหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้
ดังนั้นวันใดที่กลุ่มรักษ์เมืองไทยเสนอแนวคิดที่สวนทาง (อย่างบริสุทธิ์ใจ) กับรัฐบาลชุดนี้ ย่อมจะทำให้รัฐบาลชุดนี้เอียงกระเท่เร่เอาได้เหมือนกัน!!
อีกประการหนึ่ง ที่ผมต้องขอเชื่อเอาไว้เพียงครึ่งเดียวก่อนก็คือ การพัฒนากลุ่มเป็นพรรคการเมืองที่ “หม่อมอุ๋ย” ยืนยันว่าไม่ได้มีจุดหมาย...
เมื่อดูรายชื่อแล้ว อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำว่า “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชัน” เพราะในกลุ่มนี้อย่างน้อย “หม่อมอุ๋ย” กับ ดร.ประวิช นั้นล้วนแต่เป็นศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล
พอนึกถึง “เซนต์คาเบรียล” ก็ทำให้นึกต่อไปถึงคนชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เพื่อนสนิทของ “หม่อมอุ๋ย” นึกต่อไปถึงสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และ ฯลฯ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.ประวิตรนั้น แม้ตลอดมาค่อนข้างจะแสดงออกทำให้คิดว่าไม่สนใจการเมือง แต่สุดท้ายก็กลายเป็น รมว.กลาโหม โดยมิอาจปฏิเสธว่าได้รับการผลักดันจาก ผบ.ทบ.ที่ชื่อพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขณะเดียวกันก็มีข่าวคราวหนาหูว่าในอนาคต พล.อ.ประวิตรอาจจะกลายเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ หรือพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วอย่าง “ภูมิใจไทย” พรรคสีน้ำเงินที่มีทุนหนาหนุนหลัง ..
และวันใดที่ พล.อ.ประวิตรย่างสามขุมเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง พล.อ.เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 6 ที่กำลังเรียนด็อกเตอร์อย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช.ก็อาจจะมาร่วมวงด้วย...
ส่วนเซนต์คาเบรียลที่ชื่อ “บิ๊กตุ่น” พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกลาโหม และเลขาธิการ คมช.จะมาร่วมด้วยหรือเปล่าก็ไม่อาจจะทราบได้...
สรุปว่า..ผมสนับสนุนการระดมสมองของกลุ่มรักษ์เมืองไทย และต่อให้กลุ่มนี้จะพัฒนาไปเป็นพรรคการเมืองก็ขอสนับสนุนให้เกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากอดีตทหารใหญ่อย่างพล.อ.ประวิตร พล.อ.สนธิ จะร่วมไม้ร่วมมือกับกลุ่มของ “หม่อมอุ๋ย” หรือกลุ่มอื่นจะมาเป็นหัวหน้าพรรค หรือแกนนำพรรคก็ยิ่งดี ดีกว่าให้ผู้คนในสังคมนินทาว่าร้ายว่าเป็นพวกรอส้มหล่น พวกรอเสียบ ถนัดแต่อยู่เบื้องข้างเบื้องหลัง ใช้อิทธิพลและพลังแฝงของกองทัพเพื่อคนไม่กี่คน แทนที่จะใช้เพื่อสร้างรัฐบาลฟื้นฟูชาติ...
ขอต้อนรับ ขอจับตากลุ่มรักษ์เมืองไทย ที่ออกมาแชร์พื้นที่ข่าว นับจากนี้ไป ด้วยความเร้าใจยิ่ง!!??
samr_rod@hotmail.com