ในการสัมมนา "วิกฤตของชาติประเทศไทยจะไปทางใด" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การส่งออกไตรมาส 1 และ 2 ปีนี้จะติดลบมาก และยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว หากภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมีการทบทวนนโยบายใช้ภาคการส่งออกเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจะไม่สามารถพึ่งพิงการส่งออกเหมือนที่ผ่านมาได้ จึงต้องเร่งหาแรงกระตุ้นเศรษฐกิจตัวอื่น
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า สำหรับในระยะสั้นที่มองเห็นขณะนี้ คือ รัฐบาลจะต้องเพิ่มการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ เพื่อเป็นตัวช่วยชะลอการปรับตัวลดลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถพึ่งพิงการลงทุนจากภาคเอกชนได้ เพราะนักลงทุนต่างชาติทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป ประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน โดยยังยืนยันให้รัฐบาลลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์โดยเฉพาะรถไฟฟ้า โครงการจัดสรรน้ำของกรมชลประทาน เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง
นอกจากนี้ ยังต้องเร่งกำลังซื้อผู้บริโภคเช่น มาตรการ ลดหย่อนภาษีเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ผู้บริโภค ลดค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว จะกระตุ้นได้ถูกจุดมากกว่าการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกับนักธุรกิจและผู้ประกอบการ เพราะนักธุรกิจจะไม่นำสินเชื่อไปขยาย การลงทุน เพราะกังวลว่าผลิตสินค้าก็จะขายไม่ออก
ส่วนมาตรการแจกเงิน 2,000 บาท นั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เป็นการกระตุ้นไม่ถูกจุด เพราะจะช่วยชะลอการปรับตัวลดลงของภาวะเศรษฐกิจเพียง 1 เดือนครึ่งเหมือนสหรัฐเคยดำเนินการก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นเศรษฐกิจก็จะปรับตัวลดลง เพราะประชาชนจะนำเงินไปออมมากกว่าใช้จ่าย ควรนำงบประมาณ 18,000 ล้านบาท ไปเน้นการสร้างงาน สร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียน รวมทั้งเสนอให้รัฐบาลดูแลภาคการเกษตรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยมาตรการรับจำนำสินค้าเกษตร นำพืชเกษตรมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน การจัดรูปแบบที่ดิน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า สำหรับในระยะสั้นที่มองเห็นขณะนี้ คือ รัฐบาลจะต้องเพิ่มการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ เพื่อเป็นตัวช่วยชะลอการปรับตัวลดลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถพึ่งพิงการลงทุนจากภาคเอกชนได้ เพราะนักลงทุนต่างชาติทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป ประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน โดยยังยืนยันให้รัฐบาลลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์โดยเฉพาะรถไฟฟ้า โครงการจัดสรรน้ำของกรมชลประทาน เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง
นอกจากนี้ ยังต้องเร่งกำลังซื้อผู้บริโภคเช่น มาตรการ ลดหย่อนภาษีเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ผู้บริโภค ลดค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว จะกระตุ้นได้ถูกจุดมากกว่าการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกับนักธุรกิจและผู้ประกอบการ เพราะนักธุรกิจจะไม่นำสินเชื่อไปขยาย การลงทุน เพราะกังวลว่าผลิตสินค้าก็จะขายไม่ออก
ส่วนมาตรการแจกเงิน 2,000 บาท นั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เป็นการกระตุ้นไม่ถูกจุด เพราะจะช่วยชะลอการปรับตัวลดลงของภาวะเศรษฐกิจเพียง 1 เดือนครึ่งเหมือนสหรัฐเคยดำเนินการก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นเศรษฐกิจก็จะปรับตัวลดลง เพราะประชาชนจะนำเงินไปออมมากกว่าใช้จ่าย ควรนำงบประมาณ 18,000 ล้านบาท ไปเน้นการสร้างงาน สร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียน รวมทั้งเสนอให้รัฐบาลดูแลภาคการเกษตรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยมาตรการรับจำนำสินค้าเกษตร นำพืชเกษตรมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน การจัดรูปแบบที่ดิน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้
