ภารกิจเร่งด่วน ชิงลงมือก่อน!!

ต้องยอมรับว่าเงียบเชียบเกินความคาดหมาย ตอนแรกลวงให้เขวว่าจะไปทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ที่ไหนได้ “หวย” ดันไปออกที่กระทรวงมหาดไทยเฉยเลย

คำสั่งด่วน เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2552 เด้ง พีรพล ไตรทศาวิทย์ พ้นจากปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วดึง วิชัย ศรีขวัญ จากรองปลัดฯ เข้ามาเสียบแทน

ถือว่าลงมืออย่างไร้ร่องรอย ไหวตัวกันไม่ทัน

เป็นรายการเชือดประเดิมตำแหน่งระดับบิ๊ก เป็นหนึ่งในหน่วยงานหลัก มีผลทางการเมืองทั้งระยะสั้นและระยะยาว เป็นการใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โยกย้ายข้าราชการระดับสูง

และที่สำคัญยังเป็นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดแบบสองประสานกับ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ อีกด้วย

แต่เพื่อให้เห็นภาพชัด ต้องแยกพิจารณาแบ็กกราวด์ เปรียบเทียบระหว่างคนก่อนกับคนปัจจุบัน ที่เพิ่งแต่งตั้งหมาดๆ เพื่อให้เข้าใจภารกิจและความเป็นมาเป็นไป

เริ่มจาก พีรพล หากยอมรับความจริงก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็น “เด็กหญิงอ้อ” โดยตรง สั่งซ้ายหัน ขวาหันได้อยู่แล้ว เส้นสายทางการเมืองในฝั่ง “พลังแม้ว” ในสายนายหญิงถือว่า แน่นปึ้ก

ก้าวกระโดดเติบโตขึ้นมาอย่างพรวดพราด ได้รับแต่งตั้งในยุค โกวิท วัฒนะ เป็น มท.1 แค่นี้ก็ไม่ต้องอธิบายกันมากว่าอะไรเป็นอะไร

ขณะที่ วิชัย ศรีขวัญ ก็ถือว่าความสามารถเฉพาะตัวไม่เป็นรองใคร ถ้าแกะรอยตามเส้นทางล่าสุดจะพบจุดหักเหครั้งสำคัญตั้งแต่สมัยเป็นผู้ว่าฯลพบุรี และมีเสียงวิจารณ์ว่า แนบแน่นกันมากับบิ๊ก คมช. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน

จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ถัดมาไม่นาน เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 49 ก็ได้รับแต่งตั้งในสมัยรัฐบาล“ขิงแก่” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นก็เป็นอธิบดีกรมการปกครอง แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลมาในยุคของพรรคพลังประชาชน ก็ถูกโยกมารั้งเก้าอี้รองปลัด ก่อนจะก้าวมาถึงวันนี้

นั่นคือ เส้นทางคร่าวๆ แต่ต้องรับรู้ข้อมูลภายในไว้ด้วยว่า เขารู้จักมักคุ้นกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ “นายกฯ เงา” ตัวจริงมานาน เพราะเป็นคนพื้นเพเดียวกันคือ สุราษฎร์ธานี แม้จะต่างอำเภอกันก็ตาม

เมื่อพิจารณาถึงความสามารถไม่เป็นสองรองใคร เคยพิสูจน์ผลงานเมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ อธิบดีกรมการปกครองให้เห็นมาแล้ว ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนแปลงศูนย์อำนาจ พอได้จังหวะก็ต้องเรียกใช้บริการทันที

ยิ่งในสถานการณ์การเมืองยังไม่นิ่ง เครือข่าย “คนเสื้อแดง” ยังกระจายอยู่ทั่วเมืองแบบนี้ ถ้าไม่รีบลงมือ ปล่อยให้เนิ่นนานไปก็อาจจะสายเกินแก้

อีกด้านหนึ่งในฐานะที่กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานปกครอง มีขอบข่ายเกี่ยวข้องกับชาวบ้านทั่วประเทศ เป็นมือเป็นไม้สำคัญให้กับรัฐบาลทุกยุค อีกทั้งยังกำกับดูแลบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้านอีกนับพันนับหมื่นคน

ย่อมมีผลต่อฐานเสียง ชี้อนาคตต่อการเลือกตั้งในภายภาคหน้า

หากจะว่าไปแล้วในฐานะปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังมีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งถ้าให้คาดเดาเชื่อว่าจะตามมาอีกล็อตไม่เกินเกินเมษายนนี้ เพราะต้องกระชับอำนาจตามธรรมเนียม และเพื่อความราบรื่นในการบริหารและการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลไปสู่ภูมิภาค ไปสู่เป้าหมายไม่ให้สะดุด

อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณาในภาพรวมถือว่างานนี้เป็นแค่นำร่อง เพราะจะต้องมีรายการในทำนองเดียวกันตามมาในอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งเป้าหมายรายต่อไปน่าจะหนีไม่พ้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงการต่างประเทศ

ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส อีกไม่นานเกินรอ !!