xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้คาดน้ำมันขึ้นQ3ชิงส่งกองทุนลุยสัญญาฟิวเจอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.ทิสโก้เชื่อราคาน้ำมันเตรียมรีบาวน์ช่วงครึ่งหลังปี 2009 ก่อนเศรษฐกิจโลกฟื้น เหตุกลุ่มโอเปคทยอยปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง และการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกที่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2010 มั่นใจราคาจะไม่ลดต่ำลงกว่าระดับ 40 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์มากนัก หลังการปรับลดราคาที่ผ่านมาเริ่มเข้าใกล้ต้นทุนขุดเจาะเต็มทน ด้าน"ธีรนาถ"มั่่นใจเป็นโอกาสดีในการลงทุน เตรียมไอพีโอกองทุนน้ำมันแรกของไทยที่ลงทุนในฟิวเจอร์น้ำมัน ระหว่างวันนี้ถึงวันที่ 20 มีนาคม

นางอารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมามีการเปิดขายกองทุนไปแล้วตั้งแต่ต้นปีจำนวน 4 กอง และสามารถระดมเงินลงทุนได้ประมาณ 640 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศจำนวน 570 ล้านบาท และที่เหลือเป็นยอดของกองทุนหุ้นต่างประเทศประเภททาร์เก็ตฟันด์ที่บริษัททำการเปิดขาย
ทั้งนี้ จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการลงทุนในตลาดหุ้นมีความผันผวน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำทำให้บริษัทเชื่อว่าการลงทุนในน้ำมันขณะนี้เป็นทางเลือกและโอกาสที่ดีในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้
"ปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอยู่ในระดับสูงที่สุด จากการบริโภคของประเทศจีน และอินเดีย ซึ่งต้นปี 51 ราคาน้ำมันอยู่ที่ 60-70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์ แล้วจึงสร้างสถิติสูงสุดที่ 140 เหรียญดอลารร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์ แต่เมื่อมาถึงไตรมาสที่ 3 วิกฤตของเศรษฐกิจก็ทำให้ราคาน้ำมันลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาที่ลดต่ำลงขณะนี้จึงน่าจะเป็นโอกาสดีในการลงทุน"นางอารยากล่าว
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในปัจจุบันเนื่องจากความขาดหวังด้านความต้องการบริโภคน้ำมันช่วงที่เศรษบกิจชะลอตัว แต่เชื่อว่าในระยะยาวนักวิชาการยังคงเป็นห่วงการขาดแคลนน้ำมันที่มีอย่างจำกัด
ทั้งนี้ ในระยะสั้นการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันเนื่องจากความต้องการที่ลดลงประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรลล์ต่อวัน ทำให้ปัจจุบันความต้องการจะอยู่ที่ 83-84 ล้านบาร์เรลล์ต่อวัน จากเดิมที่มีประมาณ 85 ล้านบาร์เรลล์ต่อวัน โดยส่วนหนึ่งมาจาก การบริโภคที่ลดลงของ ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน และอินเดีย ตามภาวะของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและสะท้อนออกมาเป็นตัวเลข จีดีพีที่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ว่าในปี 2010 เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัว เชื่อว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากราคาม้ำมันมักจะปรับตัวล่วงหน้าเสมอ โดยหากเทียบกับการปรับตัวของหุ้นแล้วยังมีอัตราการปรับตัวที่รวดเร็วกว่าอีกด้วย
"ราคาน้ำมันในช่วง 1-2 เดือนนี้คงจะมีการแกว่งตัวอยู่ในช่วงแคบๆ แต่เชื่อว่าขาลงทจะน้อย เนื่องจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศโอเปก ซึ่งหากเศรษฐกิจในปี 2010 ฟื้นตามที่คาดการณ์เชื่อว่าราคาน้ำมันจะรีบาวน์ขึ้นเร็วมาก"นายพิชากล่าว
นายพิชา กล่าวอีกว่า สำหรับการปรับตัวขอราคาน้ำมันหลังจากนี้เชื่อว่าจะไม่ลดต่ำลงไปมากกว่านี้อีก เนื่องจากแนวโน้มการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศโอเปคน่าจะทำให้ราคากลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้การที่ราคาลดต่ำลงมาอยู่ที่ประมาณ 40 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์นั้น เข้าใกล้ต้นทุนการขุดเจาะที่อยู่ประมาณ 25-30 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์มากแล้ว จึงทำให้ราคาไม่น่าจะลดลงไปต่ำมากกว่านี้ได้
"ราคามันค่อนข้างต่ำและเข้าใกล้ Cash cost หรือต้นทุนการขุดเจาะที่เป็นเงินสดมากแล้ว ซึ่งหากราคาจะลดลงต่ำกว่านี้ การขุดเจาะน้ำมันคงจะต้องพังไปเหมือนกัน ซึ่งอาจส่งผลให้บางบ่อถึงกับเลิกเจาะไปเลยก็ได้ โดยเหตุการณ์แบบนี้มันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งหากจะลดต่ำลงอีกเล็กน้อยก็น่าจะได้ แต่มันต้องอยู่ในสมมุติฐานที่เศรษฐกิจโลกต้องแย่กว่านี้ด้วยไม่ใช่จะแย่อยู่ในระดับนี้ตลอด"นายพิชากล่าว
**กองทุนแรกลงฟิวเจอร์น้ำมัน**
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายกองทุนใหม่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์” (TISCO Oil Fund)ในระหว่างวันที่ 2-20 มีนาคม 2550 เพื่อตอบสนองนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในน้ำมัน หลังจากที่ราคามีการปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ โดยกองทุนนี้นับเป็นกองทุนแรกของประเทศไทยที่ไปลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของราคาน้ำมันผ่านกองทุนรวมในต่างประเทศอีกด้วย
“ถึงแม้ว่าแนวโน้มราคาน้ำมันในปีนี้น่าจะยังมีความผันผวนอยู่ เนื่องจากเป็นธรรมดาของสินค้าโภคภัณฑ์ที่มักจะปรับขึ้นลงตามความต้องการและกำลังการผลิต แต่เรามองว่าจะไม่ผันผวนสูงมากเท่าปีที่ผ่านมา และมองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันไม่น่าจะลดต่ำลงไปกว่านี้ เนื่องจากตอนนี้ก็เข้าใกล้ต้นทุนในระดับต่ำที่สุดแล้ว ซึ่งหากมีการหยุดการผลิตบางส่วนจริงก็น่าจะทำให้ราคามีการปรับตัวขึ้นได้บ้าง"นายธีรนาถกล่าว
ทั้งนี้ นโยบายของกองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์ จะเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุนที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) โดยมีกองทุนหลักคือ PowerShares DB Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (New York Stock Exchange, NYSE) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Deutsche Bank Liquid Commodity Index - Optimum Yield Crude Oil Excess Return
สำหรับจุดเด่นกองทุนนี้คือ มีโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นหากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการปรับตัวลดลงมาอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยพบว่าราคาน้ำมันดิบลดลงเหลือเพียงประมาณ 38 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล (ณ 20 ก.พ. 52) จากระดับสูงสุดถึงประมาณ 140 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2550 ในขณะที่น้ำมันเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด จึงมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหากเกิดความขาดแคลนในอนาคต
“สาเหตุที่กองทุนเลือกน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) หรือเวสต์เท็กซัสเป็นราคาอ้างอิงนั้น เพราะถือเป็นเป็นน้ำมันดิบที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้าสูงสุด อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีสัดส่วนการซื้อขายล่วงหน้ามากที่สุดถึง 50% ของยอดการซื้อขายในตลาดโลก จึงถูกใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการอ้างอิงราคาน้ำมันดิบที่ใช้มากที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเป็นน้ำมันดิบที่มีคุณภาพดี มีความหนาแน่นและกำมะถันต่ำอีกด้วย”
กำลังโหลดความคิดเห็น