ASTVผู้จัดการรายวัน - กกร.เตือนรัฐบาลหากไม่อยากให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ต้องปฏิเสธกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนฯ กรณีขอลดภาษีสรรพสามิต 3% แนะต้องดูภาพรวมเพื่อให้ความเป็นธรรมต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ หวั่นเกิดปัญหาความไม่เป็นธรรม เผยล่าสุดหลายอุตสาหกรรมจ่อเสนอบ้างแล้ว ทั้งเครื่องปรับอากาศ แบตเตอรี่ น้ำอัดลม สุรา ตะลึง! ตลาดรถยนต์ยอดขาย ก.พ.เงียบเหงา ผู้บริหารค่ายรถต์อ้างคนซื้อรอราคารถถูกลงหลังมีข่าวขอลดภาษีสรรพสามิต
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วานนี้ ( 2มี.ค.) ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาหาข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี (ครม.)เศรษฐกิจวันที่ 4 มี.ค.นี้ซึ่ง กรอ.มีความเห็นว่าข้อเสนอเกี่ยวกับการลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 3% ซึ่งเป็น 1 ใน 4 มาตรการที่กลุ่มยานยนต์สรุปมานั้นครม.เศรษฐกิจควรจะพิจารณาภาพรวมเนื่องจากหากลดภาษีสรรพสามิตให้กลุ่มยานยนต์ก็จะไม่เป็นธรรมกับอุตสาหกรรมอื่นๆ
“ ในหลักการก็เห็นชอบทั้งหมดเว้นแต่ข้อเสนอคือลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 3% สำหรับยานยนต์ทุกประเภทไม่เกิน 15,000 บาทต่อคันซึ่งจะมีผลต่อการลดราคาขายรถยนต์ทันที ผมคิดว่าภาวะการแข่งขันขณะนี้เขาคงจะต้องลดราคาลงมาบ้างอยู่แล้วและหากลดภาษีฯให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์แล้วกลุ่มอื่นๆก็จะมีตามมาเช่น เครื่องปรับอากาศ น้ำอัดลม ทีวี เป็นต้น ดังนั้นครม.จึงต้องพิจารณาให้ดีในภาพรวมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเพราะเวลานี้ทุกอุตสาหกรรมเองก็เดือดร้อนเช่นกัน“นายประมนต์กล่าว
สำหรับมาตรการอื่นๆ ได้แก่ ให้รัฐบาลส่งเสริมมาตรการด้านการเงิน โดยเฉพาะการที่รัฐน่าจะพิจารณาช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ที่จะซื้อรถยนต์เนื่องจากขณะนี้เงินดาวน์นั้นค่อนข้างสูงมากน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นแรงซื้อได้อีกทางหนึ่ง รวมไปถึงมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานในกลุ่มรถยนต์ กำหนดให้มีการผลิตรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่จะมีเช่าจากต่างประเทศ4,000 คัน ให้หันมาผลิตในประเทศไทยเพื่อให้เกิดการจ้างแรงงานทางกกร.เห็นด้วยในหลักการและเห็นว่าควรจะเร่งสรุปเนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นอุตสาหกรรมดาวเด่นของไทยมีการส่งออกและจ้างงานในระดับต้นๆ
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ในฐานะประธาน กกร. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ใช้เวที กกร.ในการพิจารณาเกี่ยวกับความขัดแย้งและข้อเสนอเอกชนที่จะหารือรัฐเพื่อให้มีการกลั่นกรองก่อนที่จะเข้าสู่เวทีกรอ.หรือครม.เศรษฐกิจ โดยอุตสาหกรรมรถยนต์คงต้องพิจารณาให้รอบคอบซึ่งปัจจุบันกำลังผลิตลดลง 30-40% หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อการจ้างงานก็คงต้องดูว่าจะทำอย่างไรที่จะช่วยเหลือแรงงาน ซึ่งข้อเสนอในเรื่องของการฝึกอบรมแรงงานนั้นอยากให้มารวมกันในโครงการใหญ่ ไม่ควรจะแยกกันทำ
นอกจากอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศเคยเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิตลง แต่รัฐไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ และมีอุตสาหกรรมอื่นที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตกำลังยื่นเรื่องขอให้ลดภาษี อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องดื่มโดยเฉพาะน้ำอัดลม สุรา หากรัฐลดให้รถยนต์แล้ว อุตสาหกรรมอื่นๆ ก็จะเรียกร้องขอให้ลดภาษีตรงนี้บ้าง เรื่องนี้คงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของครม.ว่าจะลดภาษีสรรพสามิตให้ อุตสาหกรรมรถยนต์หรือไม่
นายสันติกล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเรื่องของการให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเข้ามาช่วยปล่อยสินเชื่อให้กับพ่อค้ารายย่อยต่าง ๆ ในการเช่าซื้อรถยนต์ และขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อดังกล่าว 10-15% พร้อมทั้งต้องการให้ลดเงินดาวน์ลงเหลือ 5% จากขณะนี้บริษัทไฟแนนช์เพิ่มเป็น 20% เพราะเห็นว่าความเสี่ยงในการปล่อยกู้มากขึ้น จึงเข้มงวดในการให้กู้
เครื่องปรับอากาศ-แบตฯ จ่อยื่นลดภาษี
นายขัติยา ไกรกาญจน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส.อ.ท.กล่าวว่า กลุ่มไฟฟ้าฯจะมีสินค้า 2 ประเภทที่เกี่ยวข้องกับภาษีสรรพสามิตโดยตรงคือ อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ และแบตเตอรี่ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาทางกลุ่มเองฯได้เสนอมาตลอดเพื่อขอยกเว้นการเก็บภาษีสรรพสามิตเนื่องจากไม่ใช่สินค้าบาปเหมือนกรณีสุรา บุหรี่ และไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อที่จะลดราคาให้กับผู้บริโภคแต่ที่ผ่านมากระทรวงการคลังปฏิเสธมาโดยตลอดซึ่งเร็วๆ นี้คงจะได้มีการเสนอไปใหม่อีกครั้ง
“ หากอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ลดภาษีสรรพสามิต กรณีที่การยกเว้นภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศ ขนาดต่ำกว่า 72,000 บีทียูจากปัจจุบันเก็บอัตรา 16.5% ของกลุ่มฯก็น่าจะมีเหตุผลกว่าเพราะเราเสนอมาทุกรัฐบาลแล้ว สมัยรัฐบาลทักษิณก็บอกว่าหลักการดีจะพิจารณาให้จนวันนี้ก็ยังไม่มีปัญหาแต่เราก็คงจะหาโอกาสพบรัฐมนตรีอุตสาหกรรมเพื่อยื่นเสนอต่อ”นายขัติยากล่าว
ตลาดรถเดี้ยงลูกค้ารอลดภาษี
นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาซบเซาอย่างหนัก เนื่องจากผู้บริโภครอความชัดเจนจากนโยบายลดภาษีสรรพสามิตของรัฐบาล เพราะถ้านโยบายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจริงก็อาจส่งผลให้รถยนต์หนึ่งคัน ราคาลดลงมา 30,000-50,000 บาท
“ตลาดรถยนต์เดือนมกราคาที่ผ่านมาลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แน่นอนว่าวิกฤตเศรษฐกิจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถของผู้บริโภคตั้งแต่ปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงปีนี้ หนำซ้ำในเดือนกุมภาพันธ์ ยังมีข่าวการขอความช่วยเหลือจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะการขอลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลง3% จึงทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ โดยหวังจะซื้อรถในราคาถูกลง ดังนั้นช่วงนี้ยอดขายรถยนต์ในประเทศคงนิ่งไปสักระยะ จนกว่าจะเกิดความชัดเจนในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 4 มีนาคมนี้”
ด้านนายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดขายรถฟอร์ดในแต่ละดีลเลอร์ค่อนข้างเงียบเหงา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกค้ากำลังรอความชัดเจนจากนโยบายลดภาษีสรรพสามิตของรัฐบาล ขณะเดียวกันการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ก็มีผลกับยอดขายเช่นกัน
“รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไรไม่รู้แต่ช่วงนี้ยอดขายไม่กระเตื้องเลย เพราะลูกค้าส่วนมากชะลอการตัดสินใจ และที่สำคัญถ้าลดภาษีสรรพสามิตลงมา3% จริง ก็ไม่รู้ว่ายอดขายรวมจะเพิ่มขึ้นอย่างที่หวังรึเปล่า เพราะปัญหาตอนนี้อยู่ที่สถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยสินเชื่อ ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลดูแลตรงจุดนี้ด้วย"
ก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมรถยนต์เสนอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อแลกไม่ให้มีการปลดคนงานออก ข้อเสนอเร่งด่วน 4 ข้อประกอบด้วย 1.มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ อาทิ ภาษีใช้ชั่วคราว 1 ปี ประกอบด้วยลดภาษีสรรสามิตกับรถยนต์ทุกประเภท 3 ขอให้สถาบันการเงินของรัฐมาช่วยค้ำประกันและเพิ่มสินเชื่อสำหรับเช่าซื้อรถยนต์ 2.มาตรการแก้ไขและบรรเทาปัญหาแรงงาน อาทิ สร้างงาน 20,000 คน จากการกำหนดเงื่อนไขการจัดซื้อรถโดยสาร ขสมก. 4,000 คัน ขอให้ช่วยอบรมพนักงาน 6 เดือนจำนวน 5 หมื่นคน คิดเป็นเงินงบประมาณ 1,500 ล้านบาท 3.ปรับปรุงผลิตภาพเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผู้ผลิตไทย และ 4.ขอให้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งชาติ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อดูแลในภาพรวม
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังไม่ได้มีการหารือ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทรถยนต์บางรายมีชาวต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ดังนั้นการให้ความช่วยเหลือจึงต้องพิจารณาให้มีความเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และประเทศชาติอย่างแท้จริง ขณะที่นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม ยืนยันที่จะเสนอมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ต่อที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณาในวันพุธที่ 4 มี.ค.นี้
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วานนี้ ( 2มี.ค.) ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาหาข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี (ครม.)เศรษฐกิจวันที่ 4 มี.ค.นี้ซึ่ง กรอ.มีความเห็นว่าข้อเสนอเกี่ยวกับการลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 3% ซึ่งเป็น 1 ใน 4 มาตรการที่กลุ่มยานยนต์สรุปมานั้นครม.เศรษฐกิจควรจะพิจารณาภาพรวมเนื่องจากหากลดภาษีสรรพสามิตให้กลุ่มยานยนต์ก็จะไม่เป็นธรรมกับอุตสาหกรรมอื่นๆ
“ ในหลักการก็เห็นชอบทั้งหมดเว้นแต่ข้อเสนอคือลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 3% สำหรับยานยนต์ทุกประเภทไม่เกิน 15,000 บาทต่อคันซึ่งจะมีผลต่อการลดราคาขายรถยนต์ทันที ผมคิดว่าภาวะการแข่งขันขณะนี้เขาคงจะต้องลดราคาลงมาบ้างอยู่แล้วและหากลดภาษีฯให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์แล้วกลุ่มอื่นๆก็จะมีตามมาเช่น เครื่องปรับอากาศ น้ำอัดลม ทีวี เป็นต้น ดังนั้นครม.จึงต้องพิจารณาให้ดีในภาพรวมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเพราะเวลานี้ทุกอุตสาหกรรมเองก็เดือดร้อนเช่นกัน“นายประมนต์กล่าว
สำหรับมาตรการอื่นๆ ได้แก่ ให้รัฐบาลส่งเสริมมาตรการด้านการเงิน โดยเฉพาะการที่รัฐน่าจะพิจารณาช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ที่จะซื้อรถยนต์เนื่องจากขณะนี้เงินดาวน์นั้นค่อนข้างสูงมากน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นแรงซื้อได้อีกทางหนึ่ง รวมไปถึงมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานในกลุ่มรถยนต์ กำหนดให้มีการผลิตรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่จะมีเช่าจากต่างประเทศ4,000 คัน ให้หันมาผลิตในประเทศไทยเพื่อให้เกิดการจ้างแรงงานทางกกร.เห็นด้วยในหลักการและเห็นว่าควรจะเร่งสรุปเนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นอุตสาหกรรมดาวเด่นของไทยมีการส่งออกและจ้างงานในระดับต้นๆ
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ในฐานะประธาน กกร. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ใช้เวที กกร.ในการพิจารณาเกี่ยวกับความขัดแย้งและข้อเสนอเอกชนที่จะหารือรัฐเพื่อให้มีการกลั่นกรองก่อนที่จะเข้าสู่เวทีกรอ.หรือครม.เศรษฐกิจ โดยอุตสาหกรรมรถยนต์คงต้องพิจารณาให้รอบคอบซึ่งปัจจุบันกำลังผลิตลดลง 30-40% หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อการจ้างงานก็คงต้องดูว่าจะทำอย่างไรที่จะช่วยเหลือแรงงาน ซึ่งข้อเสนอในเรื่องของการฝึกอบรมแรงงานนั้นอยากให้มารวมกันในโครงการใหญ่ ไม่ควรจะแยกกันทำ
นอกจากอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศเคยเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิตลง แต่รัฐไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ และมีอุตสาหกรรมอื่นที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตกำลังยื่นเรื่องขอให้ลดภาษี อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องดื่มโดยเฉพาะน้ำอัดลม สุรา หากรัฐลดให้รถยนต์แล้ว อุตสาหกรรมอื่นๆ ก็จะเรียกร้องขอให้ลดภาษีตรงนี้บ้าง เรื่องนี้คงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของครม.ว่าจะลดภาษีสรรพสามิตให้ อุตสาหกรรมรถยนต์หรือไม่
นายสันติกล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเรื่องของการให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเข้ามาช่วยปล่อยสินเชื่อให้กับพ่อค้ารายย่อยต่าง ๆ ในการเช่าซื้อรถยนต์ และขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อดังกล่าว 10-15% พร้อมทั้งต้องการให้ลดเงินดาวน์ลงเหลือ 5% จากขณะนี้บริษัทไฟแนนช์เพิ่มเป็น 20% เพราะเห็นว่าความเสี่ยงในการปล่อยกู้มากขึ้น จึงเข้มงวดในการให้กู้
เครื่องปรับอากาศ-แบตฯ จ่อยื่นลดภาษี
นายขัติยา ไกรกาญจน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส.อ.ท.กล่าวว่า กลุ่มไฟฟ้าฯจะมีสินค้า 2 ประเภทที่เกี่ยวข้องกับภาษีสรรพสามิตโดยตรงคือ อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ และแบตเตอรี่ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาทางกลุ่มเองฯได้เสนอมาตลอดเพื่อขอยกเว้นการเก็บภาษีสรรพสามิตเนื่องจากไม่ใช่สินค้าบาปเหมือนกรณีสุรา บุหรี่ และไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อที่จะลดราคาให้กับผู้บริโภคแต่ที่ผ่านมากระทรวงการคลังปฏิเสธมาโดยตลอดซึ่งเร็วๆ นี้คงจะได้มีการเสนอไปใหม่อีกครั้ง
“ หากอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ลดภาษีสรรพสามิต กรณีที่การยกเว้นภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศ ขนาดต่ำกว่า 72,000 บีทียูจากปัจจุบันเก็บอัตรา 16.5% ของกลุ่มฯก็น่าจะมีเหตุผลกว่าเพราะเราเสนอมาทุกรัฐบาลแล้ว สมัยรัฐบาลทักษิณก็บอกว่าหลักการดีจะพิจารณาให้จนวันนี้ก็ยังไม่มีปัญหาแต่เราก็คงจะหาโอกาสพบรัฐมนตรีอุตสาหกรรมเพื่อยื่นเสนอต่อ”นายขัติยากล่าว
ตลาดรถเดี้ยงลูกค้ารอลดภาษี
นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาซบเซาอย่างหนัก เนื่องจากผู้บริโภครอความชัดเจนจากนโยบายลดภาษีสรรพสามิตของรัฐบาล เพราะถ้านโยบายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจริงก็อาจส่งผลให้รถยนต์หนึ่งคัน ราคาลดลงมา 30,000-50,000 บาท
“ตลาดรถยนต์เดือนมกราคาที่ผ่านมาลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แน่นอนว่าวิกฤตเศรษฐกิจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถของผู้บริโภคตั้งแต่ปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงปีนี้ หนำซ้ำในเดือนกุมภาพันธ์ ยังมีข่าวการขอความช่วยเหลือจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะการขอลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลง3% จึงทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ โดยหวังจะซื้อรถในราคาถูกลง ดังนั้นช่วงนี้ยอดขายรถยนต์ในประเทศคงนิ่งไปสักระยะ จนกว่าจะเกิดความชัดเจนในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 4 มีนาคมนี้”
ด้านนายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดขายรถฟอร์ดในแต่ละดีลเลอร์ค่อนข้างเงียบเหงา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกค้ากำลังรอความชัดเจนจากนโยบายลดภาษีสรรพสามิตของรัฐบาล ขณะเดียวกันการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ก็มีผลกับยอดขายเช่นกัน
“รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไรไม่รู้แต่ช่วงนี้ยอดขายไม่กระเตื้องเลย เพราะลูกค้าส่วนมากชะลอการตัดสินใจ และที่สำคัญถ้าลดภาษีสรรพสามิตลงมา3% จริง ก็ไม่รู้ว่ายอดขายรวมจะเพิ่มขึ้นอย่างที่หวังรึเปล่า เพราะปัญหาตอนนี้อยู่ที่สถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยสินเชื่อ ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลดูแลตรงจุดนี้ด้วย"
ก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมรถยนต์เสนอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อแลกไม่ให้มีการปลดคนงานออก ข้อเสนอเร่งด่วน 4 ข้อประกอบด้วย 1.มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ อาทิ ภาษีใช้ชั่วคราว 1 ปี ประกอบด้วยลดภาษีสรรสามิตกับรถยนต์ทุกประเภท 3 ขอให้สถาบันการเงินของรัฐมาช่วยค้ำประกันและเพิ่มสินเชื่อสำหรับเช่าซื้อรถยนต์ 2.มาตรการแก้ไขและบรรเทาปัญหาแรงงาน อาทิ สร้างงาน 20,000 คน จากการกำหนดเงื่อนไขการจัดซื้อรถโดยสาร ขสมก. 4,000 คัน ขอให้ช่วยอบรมพนักงาน 6 เดือนจำนวน 5 หมื่นคน คิดเป็นเงินงบประมาณ 1,500 ล้านบาท 3.ปรับปรุงผลิตภาพเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผู้ผลิตไทย และ 4.ขอให้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งชาติ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อดูแลในภาพรวม
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังไม่ได้มีการหารือ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทรถยนต์บางรายมีชาวต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ดังนั้นการให้ความช่วยเหลือจึงต้องพิจารณาให้มีความเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และประเทศชาติอย่างแท้จริง ขณะที่นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม ยืนยันที่จะเสนอมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ต่อที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณาในวันพุธที่ 4 มี.ค.นี้
