ASTVผู้จัดการรายวัน - "อภิสิทธิ์" เล็งประสานฮ่องกงขอตัว "นช.แม้ว" กลับมารับโทษ "กษิต" เผยรออัยการสูงสุดส่งเรื่องมา ก็ประสานกับต่างประเทศได้ ด้านอัยการอ้างรอที่อยู่ที่ชัดเจนจากตำรวจ ขณะที่ "พัชรวาท" ยังใส่เกียร์ว่าง ขอศึกษาข้อกฎหมายก่อน ด้าน "ณัฐวุฒิ" นำทีม"เสื้อแดงถ่อย" รุมยำทหาร ที่แยกมิกสกวัน อ้างมาสอดแนมการชุมนุม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางไปปาฐกถาที่ฮ่องกง ซ฿งทางรัฐบาลไทยจะมีการติดต่อเพื่อขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ว่า กำลังตรวจสอบรายละเอียดอยู่ หากทราบที่อยู่ชัดเจน ส่วนจะให้ทางกระทรวงต่างประเทศดำเนินการหรือไม่นั้น ก็ต้องดูความเป็นไปได้ในทางกฎหมาย ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งตำรวจและอัยการ จะดำเนินการเรื่องนี้
"เราต้องการที่จะให้คนไทยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่ต้องดูความเป็นไปได้ในเชิงข้อกฎหมายระหว่างประเทศด้วย" นายกรัฐมนตรีกล่าว และว่าปัญหาอยู่ที่ว่า เราไม่สามารถรู้ได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีที่พักพิงที่ชัดเจน อยู่ที่ใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพบกับสื่อต่างประเทศด้วย เป็นห่วงเรื่องนี้หรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในแง่นการใช้สิทธิ์ในประเทศต่างๆ เป็นเรื่องของเขา คิดว่าหากมีการใส่ร้าย หรือให้ร้ายประเทศไทย เราก็ต้องชี้แจง ไม่อยากเชื่อว่าคนไทยด้วยกันจะพยายามใส่ร้าย ให้ร้ายประเทศไทย รัฐบาลไทยจะพยายามประสานเรื่องนี้กับรัฐบาลจีน
**"กษิต" โยน ก.ยุติธรรมจัดการ
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษว่า การจะดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ทั้งนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดไปแล้วว่า ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม เราอยู่ฝ่ายบริหาร กระบวนการยุติธรรม จะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอย่างไร เพราะเราเป็นด้านหน้าของประเทศที่จะติดต่อกับต่างประเทศ ก็พร้อมที่จะดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเรียกร้อยให้อัยการสูงสุด ส่งเรื่องมายังกระทรวงการต่างประเทศใช่หรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า แล้วแต่การตัดสินใจของสำนักงายอัยการสูงสุด เรากำลังรอการตัดสินใจของท่านอยู่
**"พัชรวาท" เกียร์ว่างตามตัวแม้ว
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ได้ทำหนังสือถึง ตร.ให้ดำเนินการติดตามถิ่นที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีว่า เรื่องนี้ยังไม่เห็น
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการสั่งการประสานทางวาจาหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่เห็นเมื่อถามว่าตร.มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปดูกฎหมาย
**อัยการรอ สตช.แจ้งที่อยู่ชัดเจนก่อน
นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน กล่าวว่า กำลังดำเนินการ โดยก่อนหน้านี้ได้ประสานไปยังสตช. แล้ว เนื่องจากภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี คดีทุจริตที่ดินย่านรัชดาภิเษก ศาลฎีกาได้ส่งหมายจับไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในส่วนของอัยการ ขณะนี้ได้ดำเนินการขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อีกทั้งขอให้ตรวจสอบที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณ ให้แน่นอน เพื่อนำมาประกอบขั้นตอนการดำเนินการขอส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษในประเทศไทย ตามสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
**เป็นพลเมืองพิเศษนิคารากัวแค่สีสัน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าประเทศนิคารากัว และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองพิเศษ ว่าข่าวยังสับสนอยู่ ยังไม่มีข้อเท็จจริงอะไร คงเป็นแค่ประเด็นสีสัน รัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะปัญหาใหญ่ของรัฐบาลตอนนี้คือการลงมือปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ และมุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนมากกว่า
กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปกล่าวปาฐกถากับสมาคมผู้สื่อข่าวที่ประเทศฮ่องกง ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณฯ พูด ก็เป็นเพียงการแสดงความเห็นส่วนตัวเท่านั้นคิดว่า ไม่มีผลกระทบเชิงลบใดๆ กับรัฐบาล จะเห็นได้ว่าการประเมินด้านเศรษฐกิจขององค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ไม่มีการนำความเห็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ไปประเมินด้วย แต่หน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการ เพราะขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปทำอะไรที่ไหน เมื่อไร
**ซัดลิ่วล้อแม้วบิดเบือน หลอกลวง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าววิจารณ์การทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ว่า ตนขอตั้งข้อสังเกต คือ 1. ฝ่ายค้านพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯให้มากๆ เพื่อลงชื่อให้ครบ 2 หมื่นชื่อ แล้วพ.ต.ท.ทักษิณ จะพ้นผิดนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควร เพราะถ้าหากเป็นการลงชื่อเพื่อแก้ไขกฎหมายก็เป็นสิทธิทำได้ แต่หากมาลงชื่อเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วความผิดหมดไป ถือว่าการทำดังกล่าวของฝ่ายค้าน เป็นการหลอกลวงประชาชน
2. การที่ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ออกมาให้ข่าวว่ามีได้การพูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ถือว่าเป็นการโกหกที่ไม่เข้าท่า เพราะไม่มีแกนนำคนไหนของพรรคที่จะไปคิดร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
3.การที่ฝ่ายค้านพยายามที่ล้างสมองประชาชน โดยบอกว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งที่จริงประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม ไม่ใช่ของใครทั้งนั้น แม้กระทั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
4.การที่ฝ่ายค้านพยามยามอ้างถึงนโยบายของรัฐบาลว่า จากความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะนโยบายดังกล่าวรัฐบาลได้คิดนโยบายขึ้นมาเอง หากเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ คิดจริง แล้วจะมาสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างไร เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ออกนอกประเทศไปตั้งแต่ 19 ก.ย. 49 ดังนั้นการที่ฝ่ายค้านพยายามเดินเกมต่างๆ เป็นการทำลายรัฐบาลรวมทั้งสร้างความสับสนให้กับประชาชน ทั้งนี้ ควรจะเอาเวลาที่จะคิดทำลายรัฐบาล มาทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาตามระบอบประชาธิปไตยดีกว่า
**มาร์คยังเข้า-ออกทำเนียบฯ ชิวๆ
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเช้าวานนี้ (26ก.พ.) ค่อนข้างบางตา ขณะที่นายกรัฐมนตรี และข้าราชการก็ยังเข้าไปปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลได้ตามปกติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐในตรี กล่าวถึงการประเมินการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ว่า อยู่ที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมว่าจะตัดสินใจอย่างไร ที่ผ่านมาการชุมนุมและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีความรุนแรงอะไร รัฐบาลก็ยังทำงานได้ตามปกติ
ส่วนที่มีข่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะปีนรั้วเข้ามาในทำเนียบฯ วันที่ 27–28 ก.พ.นั้น ยังไม่ได้รับรายงานแต่ก็พยายามให้เจ้าหน้าที่ดูแลให้เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่าคงไม่ยืดเยื้อ เพราะแกนนำผู้ชุมนุมคงประเมินได้ว่า กระแสสังคมไม่ตอบรับเท่าที่ควร อีกทั้งเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงออกทางความคิดแล้ว ก็น่าจะถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองแล้ว
ส่วนการยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อรัฐบาลนั้น คิดว่าแกนนำผู้ชุมนุมคงรู้ดีอยู่แล้วว่า รัฐบาลต้องไม่ตอบรับ แต่ต้องหาข้ออ้างเพื่อสร้างเงื่อนไขของการชุมนุมเท่านั้นเอง
**ไม่จำเป็นต้องหาทำเนียบฯสำรอง
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องจัดหาทำเนียบรัฐบาลสำรอง เพื่อให้นายกรัฐมนตรี และครม.ทำงาน เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ขณะนี้เป็นไปอย่างสงบ และอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนจะยืดเยื้อหรือไม่นั้นฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้ประเมินสถานการณ์ ขณะนี้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ยังคงเข้าทำงานได้ตามปกติ
**9 ป.ป.ช.หลบเสื้อแดงป่วน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (26 ก.พ.) กลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนพลไปปิดล้อมสำนักงานป.ป.ช. ถ.พิษณุโลก ซึ่งห่างจากเวทีชุนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลเพียง 50 เมตร เพื่อกดดันการทำงานของป.ป.ช. โดยกลุ่มเสื้อแดง มีการเผาหรีด นำสติกเกอร์กากบาทสีแดง ไปติดที่อักษร ป.ป.ช. และกล่าวโจมตีการทำงานของ ป.ป.ช. ซึ่งขณะนั้น กรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คนได้ออกจากสำนักงานไปแล้ว โดยเดินทางไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ที่อาคารธนภูมิ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อย้ายสถานที่นั่งทำงานชั่วคราว เป็นการหลีกเลี่ยงก่อนที่จะเกิดปัญหาใด ๆ ที่อาจกระทบต่อการทำงาน
ขณะที่มีกระแสข่าวว่า ช่วงค่ำ (26 ก.พ.) กลุ่มเสื้อแดง อาจมีการเคลื่อนพลไปที่กองบัญชาการกองทัพบก เรียกร้องให้มีการแสดงจุดยืน กรณีทหารเข้าไปสังเกตการณ์การชุมนุม แต่ถูกจับกุมได้เมื่อคืนก่อน
**"ณัฐวุฒิ" คุมเสื้อแดงรุมยำ 2 ทหาร
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ดุสิต รายงานเหตุคดีพิเศษ เกี่ยวข้องกับความมั่นคงถึงพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ทราบว่า เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ โฉมงาม พงส.(สบ 1) สน.ดุสิต รับแจ้ง เหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เหตุเกิดบริเวณแยกมิกสกวัน แขวงและเขตดุสิต กทม. มีผู้ได้รับบาดเจ็บราว 3 ราย ประกอบด้วย ส.อ.อำนวย ทองรินทร์ พลฯวัชระ แสนสีแก้ว นายกิตติศักดิ์ จีนขจร และกลุ่มชายไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุล
ตามวันเวลาที่เกิดเหตุดังกล่าว พลฯวัชระ แสนสีแก้ว และส.อ.อำนวย ทองรินทร์ ทหารประจำกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้มาคอยสังเกตการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง บริเวณรอบกองทัพภาคที่ 1 โดยยืนอยู่ข้างป้อมตำรวจแยกมิกสกวัน ได้มีกลุ่มชายไทย 8-10 คน เข้ามาซักถาม และขอดูบัตรประชาชน เมื่อทหารทั้ง 2 นายแจ้งว่า ไม่มีจึงได้ถูกรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ จึงมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานตาม ปจว. ข้อ 1 เวลา 01.00 น. ลง วันที่ 26 ก.พ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่กลุ่มเสื้อแดงเข้ารุมทำร้ายทหารทั้ง 2 นายนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในแกนนำนปช.ก็อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกเป็นหลักฐานไว้ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
**"เสื้อแดง" แจ้งกลับอ้างถูกทำร้าย
ขณะเดียวกัน ได้มีนายกิตติศักดิ์ จีนขจร ทำหน้าที่การ์ดของกลุ่มชุมนุมคนเสื้อแดง มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยที่จุดตรวจค้นคนเข้าออกบริเวณที่ชุมนุม ด้านถนนพิษณุโลก ตัดกับถนนราชดำเนินนอก สังเกตเห็นชายไทย 2 คนใส่เสื้อยืดสีขาว และเสื้อยืดสีฟ้า ยืนอยู่บริเวณใกล้กับจุดตรวจ นายกิตติศักดิ์ กับพวกจึงเข้าไปสอบถามแต่ชายไทยทั้ง 2 คนดังกล่าวไม่ตอบ และวิ่งหนี นายกิตติศักดิ์ จึงเข้าขวางแต่ถูกชายไทยดังกล่าววิ่งชนจนล้มไปกระแทกรั้วของกองทัพภาคที่ 1 ทำให้นายกิตติศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย มีอาการบวมเล็กน้อย จึงมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน ตาม ปจว.13 เวลา 23.00 น.วันที่ 25 ก.พ.
ต่อมาได้มีชายไทยไม่ทราบชื่อจำนวน 2 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงได้นำตัวชายไทยไม่ทราบชื่อ พร้อมด้วยหนังสติ๊กไม่มียางยืดสำหรับใช้ยิง 1 อัน ลูกแก้ว 16 ลูก มาพบพนักงานสอบสวน โดยแจ้งว่าพบชายคนดังกล่าวเข้าไปร่วมชุมนุมในกลุ่มคนเสื้อแดง และได้ทำการตรวจค้นตัวพบสิ่งของดังกล่าว เข้าใจว่า จะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่จะมาก่อกวน
**อ้างทหารเหยื่อตื้บเคยเป็นการ์ด พธม.
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา การ์ดนปช.ได้ควบคุมตัว ส.อ.อำนวย ทองอินทร์ ทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 1 ที่เข้ามาสังเกตการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย พ.อ.สุชาติ พรหมใหม่ ผู้บังคับบัญชาของทหารนายดังกล่าว ยอมรับว่าส่งเข้ามาสังเกตการณ์และดูแลความเรียบร้อยให้กับสถานที่ราชการโดยรอบ นอกจากนี้พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ก็ออกมายอมรับในลักษณะเดียวกัน แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธ ลอยๆ แต่ตนได้รับข้อมูลว่า ทหารกลุ่มดังกล่าว เคยทำหน้าที่เป็นการ์ดให้กลุ่มพันธมิตรฯ แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน จึงยังไม่ขอกล่าวหา
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงจะหารือ เพื่อเตรียมยกระดับการชุมนุมจากที่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการ 4 ข้อ มาเป็นขับไล่รัฐบาล โดยจะไม่ใช้ความรุนแรง แต่จะเพิ่มความเข้มด้วยการชุมนุมยืดเยื้อ การกระจายการชุมนุมออกเป็นจุดๆ และส่งชุดติดตามการทำงานของรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลเดินทางไปที่ไหน ก็จะพบกับคนกลุ่มเสื้อแดง
**แฉบิ๊ก ขรก.หนองบัวหนุนม็อบเสื้อแดง
รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อค่ำวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่บ้านรับรองในอุทยานภูเก้าภูพานคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ได้มีการนัดพบปะทานข้าวเย็นในกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นใน อ.โนนสังข์ จ.หนองบัวลำภู ร่วม 100 คน ประกอบด้วยนายก อบต.9 แห่ง นายกเทศบาลตำบล 2 แห่ง ปลัด อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และนายอำเภอโนนสังข์ นอกจากรับประทานอาหารเย็นแล้วยังมีการเปิดบ้านพักรับรองค้างคืนกันอีกด้วย
การนัดพบกันครั้งนี้ มีนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงในจังหวัดหนองบัวลำภู รู้เห็นเป็นใจและให้การสนับสนุนค่าใช้จ่าย เพราะประเด็นที่หารือกันนั้นเป็นเรื่องการจัดจ้างชาวบ้านเดินทางเข้าร่วมชุมนุมคนเสื้อแดง ของรายการความจริงวันนี้ที่กรุงเทพฯ เป็นการจัดหาคนเข้าไปทดแทนกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางกลับก่อน
**เสื้อแดงพัทยาป่วนประชุมอาเซียน
ส่วนที่ พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (26 ก.พ.) ได้มีแนวร่วมกลุ่มเสื้อแดง ประมาณ 200 คน เดินทางมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บริเวณหน้าโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการถอนกำลังทหารออกจากทำเนียบรัฐบาล เพราะมองว่าทหารไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร เข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลาประกาศเจตนารมณ์เพียง 5 นาที ก่อนจะสลายการชุมนุม โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธรภาค 2 และสถานีตำรวจภูธรพัทยา จำนวน2 กองร้อย สนธิกำลังกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 14 (มทบ.14) จำนวน 1 กองร้อย เพื่อดูแลรักษาความสงบ สำหรับอาวุธที่เจ้าหน้าที่ใช้ปฏิบัติมีเพียงโล่ กระบอง และหมวกกันน็อคเท่านั้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตั้งจุดสกัดเป็นระยะเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาในสถานที่การประชุมได้.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางไปปาฐกถาที่ฮ่องกง ซ฿งทางรัฐบาลไทยจะมีการติดต่อเพื่อขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ว่า กำลังตรวจสอบรายละเอียดอยู่ หากทราบที่อยู่ชัดเจน ส่วนจะให้ทางกระทรวงต่างประเทศดำเนินการหรือไม่นั้น ก็ต้องดูความเป็นไปได้ในทางกฎหมาย ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งตำรวจและอัยการ จะดำเนินการเรื่องนี้
"เราต้องการที่จะให้คนไทยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่ต้องดูความเป็นไปได้ในเชิงข้อกฎหมายระหว่างประเทศด้วย" นายกรัฐมนตรีกล่าว และว่าปัญหาอยู่ที่ว่า เราไม่สามารถรู้ได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีที่พักพิงที่ชัดเจน อยู่ที่ใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพบกับสื่อต่างประเทศด้วย เป็นห่วงเรื่องนี้หรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในแง่นการใช้สิทธิ์ในประเทศต่างๆ เป็นเรื่องของเขา คิดว่าหากมีการใส่ร้าย หรือให้ร้ายประเทศไทย เราก็ต้องชี้แจง ไม่อยากเชื่อว่าคนไทยด้วยกันจะพยายามใส่ร้าย ให้ร้ายประเทศไทย รัฐบาลไทยจะพยายามประสานเรื่องนี้กับรัฐบาลจีน
**"กษิต" โยน ก.ยุติธรรมจัดการ
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษว่า การจะดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ทั้งนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดไปแล้วว่า ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม เราอยู่ฝ่ายบริหาร กระบวนการยุติธรรม จะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอย่างไร เพราะเราเป็นด้านหน้าของประเทศที่จะติดต่อกับต่างประเทศ ก็พร้อมที่จะดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเรียกร้อยให้อัยการสูงสุด ส่งเรื่องมายังกระทรวงการต่างประเทศใช่หรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า แล้วแต่การตัดสินใจของสำนักงายอัยการสูงสุด เรากำลังรอการตัดสินใจของท่านอยู่
**"พัชรวาท" เกียร์ว่างตามตัวแม้ว
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ได้ทำหนังสือถึง ตร.ให้ดำเนินการติดตามถิ่นที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีว่า เรื่องนี้ยังไม่เห็น
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการสั่งการประสานทางวาจาหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่เห็นเมื่อถามว่าตร.มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปดูกฎหมาย
**อัยการรอ สตช.แจ้งที่อยู่ชัดเจนก่อน
นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน กล่าวว่า กำลังดำเนินการ โดยก่อนหน้านี้ได้ประสานไปยังสตช. แล้ว เนื่องจากภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี คดีทุจริตที่ดินย่านรัชดาภิเษก ศาลฎีกาได้ส่งหมายจับไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในส่วนของอัยการ ขณะนี้ได้ดำเนินการขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อีกทั้งขอให้ตรวจสอบที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณ ให้แน่นอน เพื่อนำมาประกอบขั้นตอนการดำเนินการขอส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษในประเทศไทย ตามสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
**เป็นพลเมืองพิเศษนิคารากัวแค่สีสัน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าประเทศนิคารากัว และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองพิเศษ ว่าข่าวยังสับสนอยู่ ยังไม่มีข้อเท็จจริงอะไร คงเป็นแค่ประเด็นสีสัน รัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะปัญหาใหญ่ของรัฐบาลตอนนี้คือการลงมือปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ และมุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนมากกว่า
กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปกล่าวปาฐกถากับสมาคมผู้สื่อข่าวที่ประเทศฮ่องกง ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณฯ พูด ก็เป็นเพียงการแสดงความเห็นส่วนตัวเท่านั้นคิดว่า ไม่มีผลกระทบเชิงลบใดๆ กับรัฐบาล จะเห็นได้ว่าการประเมินด้านเศรษฐกิจขององค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ไม่มีการนำความเห็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ไปประเมินด้วย แต่หน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการ เพราะขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปทำอะไรที่ไหน เมื่อไร
**ซัดลิ่วล้อแม้วบิดเบือน หลอกลวง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าววิจารณ์การทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ว่า ตนขอตั้งข้อสังเกต คือ 1. ฝ่ายค้านพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯให้มากๆ เพื่อลงชื่อให้ครบ 2 หมื่นชื่อ แล้วพ.ต.ท.ทักษิณ จะพ้นผิดนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควร เพราะถ้าหากเป็นการลงชื่อเพื่อแก้ไขกฎหมายก็เป็นสิทธิทำได้ แต่หากมาลงชื่อเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วความผิดหมดไป ถือว่าการทำดังกล่าวของฝ่ายค้าน เป็นการหลอกลวงประชาชน
2. การที่ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ออกมาให้ข่าวว่ามีได้การพูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ถือว่าเป็นการโกหกที่ไม่เข้าท่า เพราะไม่มีแกนนำคนไหนของพรรคที่จะไปคิดร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
3.การที่ฝ่ายค้านพยายามที่ล้างสมองประชาชน โดยบอกว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งที่จริงประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม ไม่ใช่ของใครทั้งนั้น แม้กระทั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
4.การที่ฝ่ายค้านพยามยามอ้างถึงนโยบายของรัฐบาลว่า จากความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะนโยบายดังกล่าวรัฐบาลได้คิดนโยบายขึ้นมาเอง หากเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ คิดจริง แล้วจะมาสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างไร เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ออกนอกประเทศไปตั้งแต่ 19 ก.ย. 49 ดังนั้นการที่ฝ่ายค้านพยายามเดินเกมต่างๆ เป็นการทำลายรัฐบาลรวมทั้งสร้างความสับสนให้กับประชาชน ทั้งนี้ ควรจะเอาเวลาที่จะคิดทำลายรัฐบาล มาทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาตามระบอบประชาธิปไตยดีกว่า
**มาร์คยังเข้า-ออกทำเนียบฯ ชิวๆ
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเช้าวานนี้ (26ก.พ.) ค่อนข้างบางตา ขณะที่นายกรัฐมนตรี และข้าราชการก็ยังเข้าไปปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลได้ตามปกติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐในตรี กล่าวถึงการประเมินการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ว่า อยู่ที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมว่าจะตัดสินใจอย่างไร ที่ผ่านมาการชุมนุมและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีความรุนแรงอะไร รัฐบาลก็ยังทำงานได้ตามปกติ
ส่วนที่มีข่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะปีนรั้วเข้ามาในทำเนียบฯ วันที่ 27–28 ก.พ.นั้น ยังไม่ได้รับรายงานแต่ก็พยายามให้เจ้าหน้าที่ดูแลให้เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่าคงไม่ยืดเยื้อ เพราะแกนนำผู้ชุมนุมคงประเมินได้ว่า กระแสสังคมไม่ตอบรับเท่าที่ควร อีกทั้งเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงออกทางความคิดแล้ว ก็น่าจะถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองแล้ว
ส่วนการยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อรัฐบาลนั้น คิดว่าแกนนำผู้ชุมนุมคงรู้ดีอยู่แล้วว่า รัฐบาลต้องไม่ตอบรับ แต่ต้องหาข้ออ้างเพื่อสร้างเงื่อนไขของการชุมนุมเท่านั้นเอง
**ไม่จำเป็นต้องหาทำเนียบฯสำรอง
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องจัดหาทำเนียบรัฐบาลสำรอง เพื่อให้นายกรัฐมนตรี และครม.ทำงาน เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ขณะนี้เป็นไปอย่างสงบ และอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนจะยืดเยื้อหรือไม่นั้นฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้ประเมินสถานการณ์ ขณะนี้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ยังคงเข้าทำงานได้ตามปกติ
**9 ป.ป.ช.หลบเสื้อแดงป่วน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (26 ก.พ.) กลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนพลไปปิดล้อมสำนักงานป.ป.ช. ถ.พิษณุโลก ซึ่งห่างจากเวทีชุนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลเพียง 50 เมตร เพื่อกดดันการทำงานของป.ป.ช. โดยกลุ่มเสื้อแดง มีการเผาหรีด นำสติกเกอร์กากบาทสีแดง ไปติดที่อักษร ป.ป.ช. และกล่าวโจมตีการทำงานของ ป.ป.ช. ซึ่งขณะนั้น กรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คนได้ออกจากสำนักงานไปแล้ว โดยเดินทางไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ที่อาคารธนภูมิ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อย้ายสถานที่นั่งทำงานชั่วคราว เป็นการหลีกเลี่ยงก่อนที่จะเกิดปัญหาใด ๆ ที่อาจกระทบต่อการทำงาน
ขณะที่มีกระแสข่าวว่า ช่วงค่ำ (26 ก.พ.) กลุ่มเสื้อแดง อาจมีการเคลื่อนพลไปที่กองบัญชาการกองทัพบก เรียกร้องให้มีการแสดงจุดยืน กรณีทหารเข้าไปสังเกตการณ์การชุมนุม แต่ถูกจับกุมได้เมื่อคืนก่อน
**"ณัฐวุฒิ" คุมเสื้อแดงรุมยำ 2 ทหาร
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ดุสิต รายงานเหตุคดีพิเศษ เกี่ยวข้องกับความมั่นคงถึงพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ทราบว่า เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ โฉมงาม พงส.(สบ 1) สน.ดุสิต รับแจ้ง เหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เหตุเกิดบริเวณแยกมิกสกวัน แขวงและเขตดุสิต กทม. มีผู้ได้รับบาดเจ็บราว 3 ราย ประกอบด้วย ส.อ.อำนวย ทองรินทร์ พลฯวัชระ แสนสีแก้ว นายกิตติศักดิ์ จีนขจร และกลุ่มชายไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุล
ตามวันเวลาที่เกิดเหตุดังกล่าว พลฯวัชระ แสนสีแก้ว และส.อ.อำนวย ทองรินทร์ ทหารประจำกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้มาคอยสังเกตการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง บริเวณรอบกองทัพภาคที่ 1 โดยยืนอยู่ข้างป้อมตำรวจแยกมิกสกวัน ได้มีกลุ่มชายไทย 8-10 คน เข้ามาซักถาม และขอดูบัตรประชาชน เมื่อทหารทั้ง 2 นายแจ้งว่า ไม่มีจึงได้ถูกรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ จึงมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานตาม ปจว. ข้อ 1 เวลา 01.00 น. ลง วันที่ 26 ก.พ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่กลุ่มเสื้อแดงเข้ารุมทำร้ายทหารทั้ง 2 นายนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในแกนนำนปช.ก็อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกเป็นหลักฐานไว้ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
**"เสื้อแดง" แจ้งกลับอ้างถูกทำร้าย
ขณะเดียวกัน ได้มีนายกิตติศักดิ์ จีนขจร ทำหน้าที่การ์ดของกลุ่มชุมนุมคนเสื้อแดง มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยที่จุดตรวจค้นคนเข้าออกบริเวณที่ชุมนุม ด้านถนนพิษณุโลก ตัดกับถนนราชดำเนินนอก สังเกตเห็นชายไทย 2 คนใส่เสื้อยืดสีขาว และเสื้อยืดสีฟ้า ยืนอยู่บริเวณใกล้กับจุดตรวจ นายกิตติศักดิ์ กับพวกจึงเข้าไปสอบถามแต่ชายไทยทั้ง 2 คนดังกล่าวไม่ตอบ และวิ่งหนี นายกิตติศักดิ์ จึงเข้าขวางแต่ถูกชายไทยดังกล่าววิ่งชนจนล้มไปกระแทกรั้วของกองทัพภาคที่ 1 ทำให้นายกิตติศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย มีอาการบวมเล็กน้อย จึงมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน ตาม ปจว.13 เวลา 23.00 น.วันที่ 25 ก.พ.
ต่อมาได้มีชายไทยไม่ทราบชื่อจำนวน 2 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงได้นำตัวชายไทยไม่ทราบชื่อ พร้อมด้วยหนังสติ๊กไม่มียางยืดสำหรับใช้ยิง 1 อัน ลูกแก้ว 16 ลูก มาพบพนักงานสอบสวน โดยแจ้งว่าพบชายคนดังกล่าวเข้าไปร่วมชุมนุมในกลุ่มคนเสื้อแดง และได้ทำการตรวจค้นตัวพบสิ่งของดังกล่าว เข้าใจว่า จะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่จะมาก่อกวน
**อ้างทหารเหยื่อตื้บเคยเป็นการ์ด พธม.
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา การ์ดนปช.ได้ควบคุมตัว ส.อ.อำนวย ทองอินทร์ ทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 1 ที่เข้ามาสังเกตการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย พ.อ.สุชาติ พรหมใหม่ ผู้บังคับบัญชาของทหารนายดังกล่าว ยอมรับว่าส่งเข้ามาสังเกตการณ์และดูแลความเรียบร้อยให้กับสถานที่ราชการโดยรอบ นอกจากนี้พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ก็ออกมายอมรับในลักษณะเดียวกัน แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธ ลอยๆ แต่ตนได้รับข้อมูลว่า ทหารกลุ่มดังกล่าว เคยทำหน้าที่เป็นการ์ดให้กลุ่มพันธมิตรฯ แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน จึงยังไม่ขอกล่าวหา
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงจะหารือ เพื่อเตรียมยกระดับการชุมนุมจากที่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการ 4 ข้อ มาเป็นขับไล่รัฐบาล โดยจะไม่ใช้ความรุนแรง แต่จะเพิ่มความเข้มด้วยการชุมนุมยืดเยื้อ การกระจายการชุมนุมออกเป็นจุดๆ และส่งชุดติดตามการทำงานของรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลเดินทางไปที่ไหน ก็จะพบกับคนกลุ่มเสื้อแดง
**แฉบิ๊ก ขรก.หนองบัวหนุนม็อบเสื้อแดง
รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อค่ำวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่บ้านรับรองในอุทยานภูเก้าภูพานคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ได้มีการนัดพบปะทานข้าวเย็นในกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นใน อ.โนนสังข์ จ.หนองบัวลำภู ร่วม 100 คน ประกอบด้วยนายก อบต.9 แห่ง นายกเทศบาลตำบล 2 แห่ง ปลัด อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และนายอำเภอโนนสังข์ นอกจากรับประทานอาหารเย็นแล้วยังมีการเปิดบ้านพักรับรองค้างคืนกันอีกด้วย
การนัดพบกันครั้งนี้ มีนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงในจังหวัดหนองบัวลำภู รู้เห็นเป็นใจและให้การสนับสนุนค่าใช้จ่าย เพราะประเด็นที่หารือกันนั้นเป็นเรื่องการจัดจ้างชาวบ้านเดินทางเข้าร่วมชุมนุมคนเสื้อแดง ของรายการความจริงวันนี้ที่กรุงเทพฯ เป็นการจัดหาคนเข้าไปทดแทนกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางกลับก่อน
**เสื้อแดงพัทยาป่วนประชุมอาเซียน
ส่วนที่ พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (26 ก.พ.) ได้มีแนวร่วมกลุ่มเสื้อแดง ประมาณ 200 คน เดินทางมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บริเวณหน้าโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการถอนกำลังทหารออกจากทำเนียบรัฐบาล เพราะมองว่าทหารไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร เข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลาประกาศเจตนารมณ์เพียง 5 นาที ก่อนจะสลายการชุมนุม โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธรภาค 2 และสถานีตำรวจภูธรพัทยา จำนวน2 กองร้อย สนธิกำลังกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 14 (มทบ.14) จำนวน 1 กองร้อย เพื่อดูแลรักษาความสงบ สำหรับอาวุธที่เจ้าหน้าที่ใช้ปฏิบัติมีเพียงโล่ กระบอง และหมวกกันน็อคเท่านั้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตั้งจุดสกัดเป็นระยะเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาในสถานที่การประชุมได้.