“โอบามาร์ค” โชว์วิสัยทัศน์ชูมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและยาว ยอมรับ 6 เดือนแรกต้องฝ่าฟันให้ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ มอบของขวัญคนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำอาเซียนที่หัวหิน ยันจะไม่ใช้เวทีนี้ตอบโต้ทางการเมือง และน้อมรับเสียงวิจารณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆแต่ขอร้องอย่าทำผิด กม.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"
วันนี้ (18 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.00 - 10.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นการออกอากาศสดครั้งแรกและจะออกอากาศทุกวันอาทิตย์ในเวลาเดียวกันทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(NBT)และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ แต่ปรากฏว่าก่อนเข้ารายการทางNBTได้โชว์ผังรายก่อนเข้ารายการว่ารายการดังกล่าวจัดที่ตึกสันติไมตรี
อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ถือเป็นนายกคนที่ 4 นับจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์และนายสมัคร สุนทรเวช ที่เคยจัดรายการนายกฯพบประชาชนลักษณะนี้ แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยในส่วนของรูปแบบรายการเท่านั้น ส่วนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกต่อจากนายสมัครเป็นนายกคนเดียวที่ไม่ได้จัดรายการดังกล่าว
โดยรูปแบบรายการที่แตกต่างคือนายอภิสิทธิ์เลือกที่จะยืนพูด ซึ่งคล้ายๆกับการหาเสียงของประธานาธิบดีสหรัฐ โดยมีการเดินวนไปวนมาบนฟลอร์ พร้อมกับแสดงอากัปกิริยาท่าทางให้เข้าถึงอารมณ์การพูด โดยมีการเชิญผู้ชมที่เป็นกลุ่มคนหลากหลายอาชีพและหลากหลายศาสนาเข้ามานั่งชมรายการติดขอบเวที ในขณะที่ด้านหลังของนายอภิสิทธิ์มีการฉายภาพและเนื้อหาสาระในสิ่งที่นายอภิสิทธิ์จะพูดถึงลงบนจอผ้าใบขนาดใหญ่ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของเสื้อผ้านั้นนายอภิสิทธิ์ได้สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ผูกเน็คไทน์สีฟ้าซึ่งเป็นสีของพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่ได้สวมสูททับเพื่อไม่ให้ดูเป็นทางการมากนัก และสวมกางเกงแสลคสีดำ โดยก่อนเข้ารายการผู้ชมในห้องสีม่วงได้พากันปรบมือก่อนเข้ารายการด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานก่อนเริ่มรายการปราฏว่าคนงานก่อสร้างและปรับปรุงภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาลจากสวนนงนุช ได้พบศพ “อีเห็น” สัตว์ป่าหายากน้ำหนักประมาณ 5-6 กิโลกรัม มีร่องรอยบาดแผลขนาดใหญ่ที่คอและขา นอนตัวแข็งตายอยู่ใกล้ห้องผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่นายอภิสิทธิ์ จะเดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลเพื่อจัดรายการ ทั้งนี้ คนงานฯได้เตรียมถอนขนอีเห็นออกเพื่อปรุงเป็นอาหารรับประทานแล้ว อย่างไรก็ดีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาสอบถามคนงานกลุ่มดังกล่าว โดยมีผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่า อีเห็นตัวนี้ อาจเข้ามาร้องเรียนนายกรัฐมนตรี ในเรื่องอะไรก็ได้
เผยเปลี่ยนรูปแบบรายการไม่ซ้ำ
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการว่า สวัสดีพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน ทุกวันอาทิตย์ผมอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะมาพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนเป็นประจำ เพื่อที่จะได้รายงานถึงการทำงานของรัฐบาล เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้รับทราบว่ารัฐบาลกำลังมีความคิด มีแนวทาง กำลังทำงานแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอย่างไร โดยตั้งใจว่าในแต่ละสัปดาห์นั้น รูปแบบของการมาพบปะกันนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง มีความหลากหลาย ครั้งแรก วันนี้ถือโอกาสพูดกับพี่น้องจากทำเนียบรัฐบาลและได้มีโอกาสเชิญพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่ง เสมือนมาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศมาร่วมชมร่วมฟังการพบปะพูดคุยในวันนี้ แต่ว่าสัปดาห์ต่อๆ ไป รูปแบบของรายการอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป บางสัปดาห์อาจจะเชิญผู้รู้ พิธีกร มาพูดคุยซักถามในประเด็นที่เป็นการเฉพาะ บางสัปดาห์ก็ตั้งใจว่าอาจจะออกไปนอกพื้นที่ พบปะพูดคุยกับประชาชนในเรื่องราวปัญหา หรือนโยบายต่างๆ ที่มีความสำคัญ
“สัปดาห์ต่อๆ ไป คงอาจจะไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว อาจจะไปพูดคุย มีพิธีกรมาซักถามบ้าง อาจจะลงไปในพื้นที่พบปะประชาชนในกลุ่มต่างๆ บ้าง เปลี่ยนแปลงรูปแบบที่หลากหลายไป แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดคือความตั้งใจที่จะมารายงานกับพี่น้องประชาชน เพราะผมถือว่าผมและรัฐบาลมาอยู่ตรงนี้ได้โดยพี่น้องประชาชน สนับสนุน ส.ส.เป็นเสียงข้างมากที่มาสนับสนุนให้เกิดรัฐบาล และความรับผิดชอบของผมคือต่อพี่น้องประชาชน มีอะไรจะมาพูดคุยอย่างนี้ครับ ตรงไปตรงมา เล่าให้ฟังว่าเราคิดอะไร เราทำอะไร ในโอกาสข้างหน้าคงจะเป็นการรับฟังเสียงสะท้อนและแลกเปลี่ยนได้มากกว่านี้ เนื่องจากว่าวันนี้เป็นครั้งแรก”นายกฯ กล่าว
ยันไม่ใช่รายการตอบโต้ทางการเมือง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงปัญหาการเมืองว่า ตนไม่มีความตั้งใจที่จะใช้รายการนี้มาพูดตอบโต้ทางการเมือง ไม่ต้องการอย่างนั้น ต้องการให้รายการนี้เป็นการมาพูดถึงการทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองก็เป็นปัญหาหนึ่ง ซึ่งเราต้องยอมรับว่ายังดำรงอยู่ มีความขัดแย้งอยู่ ตนเคยย้ำไปตั้งแต่วันแรกว่า แม้ว่าจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับตน แม้ว่าจะมีคนที่ไม่ชอบหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่าง ตนยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ ยอมรับการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่อย่าทำผิดกฎหมาย อย่าทำร้ายร่างกาย อย่าทำลายทรัพย์สิน และตนจะไม่เพิกเฉยต่อความเห็นและข้อเรียกร้องของคนทุกกลุ่ม กระบวนการการปฏิรูปการเมือง การสะสางคดีความต่างๆ ซึ่งหลายคนยังติดใจว่าคดีนั้นไปถึงไหน คดีนั้นมีการดำเนินการหรือไม่ มีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ขอยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้าในทุกๆ เรื่อง แล้วก็จะให้ความเป็นธรรม ทำงานทุ่มเทให้กับประชาชนทุกกลุ่มต่อไป
นายกฯ กล่าวอีกว่า อยากจะเรียนยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า บ้านเมืองเรายังอยู่ในภาวะซึ่งเป็นวิกฤต ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ วิกฤตการเมืองอาจคลี่คลายไประดับหนึ่ง ตรงนี้ขอให้ความมั่นใจว่าตนและรัฐบาลตระหนักดี และรู้ว่าเรายิ่งต้องทุ่มเทความสามารถ เพื่อจะแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน แต่ตนไม่มีสิทธิเรียกร้องความร่วมมือ ตนต้องสร้างความไว้วางใจ ความมั่นใจ ในตัวตนและรัฐบาล เพื่อจะได้รับความร่วมมือ ซึ่งเป็นภารกิจที่จะมุ่งมั่นเดินหน้าทำให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศต่อไป
ลั่นทำบ้านเมืองให้ปกติ รู้ดีว่างานหนัก
นายกฯ กล่าวต่อไปว่า วันนี้วันแรกอยากจะเรียนกับพี่น้องในเบื้องต้นว่า ตนเข้ามาทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีนั้นได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน ว่าไปแล้วหลังจากแถลงนโยบาย มีวันที่ทำงานราชการอยู่เพียง 11วันเท่านั้นเอง โดย 11 วันที่ผ่านมาก็เป็นการทุ่มเททำงานอย่างหนัก เพราะว่าตนและรัฐบาลทราบดีว่า การทำงานในภาวะวิกฤตเป็นการทำงานที่ท้าทายมาก ต้องยอมรับว่าในช่วงตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา และโดยเฉพาะในช่วงปลายปีเราพบความจริงว่า บ้านเมืองแทบจะเดินไม่ได้เลย มีปัญหามีความสับสนในทางการเมือง และในช่วงปลายปีนั้นเอง ปัญหาที่ถั่งโถมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมือง ก็ทำให้เกิดความตึงเครียด เกิดความกังวล จนพี่น้องประชาชนจำนวนมากมีความรู้สึกว่า เราจะมีที่พึ่งที่หวังหรือไม่ ประเทศไทยของเราจะเดินต่อได้หรือไม่
“ผมเรียนว่าเมื่อสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเลือกผมเป็นนายกรัฐมนตรี และเราก็กำลังดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ ในการที่จะจัดตั้งคณะรัฐบาล รวมทั้งการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เรามีความเข้าใจเป็นอย่างดีครับว่า จากนี้ไปรัฐบาลต้องทำงานหนัก รัฐบาลต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ที่สำคัญที่สุดก็คือว่ามีปัญหาใหญ่ๆ ที่รออยู่เป็นจำนวนมาก ความตั้งใจผมเบื้องต้นคือว่าทำอย่างไรบ้านเมืองกลับเข้าสู่ปกติ วันนี้ก็ดีใจที่สามารถที่จะมาพูดคุยกับพี่น้องจากทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี และเป็นที่ทำงานของรัฐบาลตามปกติ ส่วนการปรับปรุงสภาพทำเนียบรัฐบาลจะมีการดำเนินการต่อไป”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ยัน10ชาติร่วมอาเซียนซัมมิท วอนเป็นเจ้าภาพที่ดี
นายกฯ กล่าวอีกว่าถึง ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่า 11 วันทำงาน ที่เราได้มีโอกาสทำเพื่อพี่น้องประชาชน เราก็สามารถที่จะเดินหน้าประเทศไทยไปได้พอสมควร ซึ่งวันนี้ที่ผมตั้งใจคือว่าอยากจะคุยกับพี่น้องในเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจเพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของพี่น้องประชาชน แทบจะเรียกว่าทุกกลุ่มก็ว่าได้ อย่างไรก็ตามอยากจะเรียนเบื้องต้นนิดเดียวว่า การเดินหน้าทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกตินั้น สิ่งหนึ่งซึ่งเราจำเป็นต้องทำด้วยคือว่า ปีนี้ความจริงต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นประธานของอาเซียน คือ 10 ประเทศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการเป็นประธานนั้นเรามีข้อผูกพันอยู่ว่าจะต้องจัดการประชุมสุดยอด คือการประชุมผู้นำ
นายกฯ กล่าวอีกว่า โดยเดิมทีนั้นตั้งใจจะจัดที่กรุงเทพฯ ในกลางเดือนธันวาคม แต่เหตุการณ์ความวุ่นวายหลายอย่าง ทำให้การจัดไม่สามารถดำเนินการได้ และมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วย จนกระทั่งเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว เริ่มมีบรรดาสมาชิกของอาเซียนด้วยกันเอง ตั้งคำถามว่าประเทศไทยยังจะจัดการประชุมสุดยอดการประชุมผู้นำอาเซียน อยู่ได้หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองตั้งแต่ช่วงที่ทราบว่าจะต้องเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ได้เร่งเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นและก็เตรียมการ วันนี้ก็อยากจะบอกข่าวดีกับพี่น้องประชาชนว่า ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ 27-28 กุมภาพันธ์ และวันที่ 1 มีนาคม ต่อเนื่อง 3 วัน ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม หรือการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 แน่นอน โดยจะไปจัดกันที่ชะอำและหัวหิน ขณะนี้ได้รับการยืนยันจากผู้นำอีก 9 ประเทศ รวมทั้งหมดตัวผมด้วยเป็น 10 ประเทศ ยืนยันแน่นอนแล้วว่าจะสามารถมาเข้าร่วมประชุมได้ เป็นการประชุมครั้งสำคัญเพราะว่าเป็นการประชุมครั้งแรกที่อาเซียนมีกฎบัตร เราอาจจะคิดถึงเหมือนกับเป็นรัฐธรรมนูญครับ เป็นกฎบัตรใหม่ขององค์กร และจะเดินหน้าทำให้ความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน เศรษฐกิจ หรือการเมือง และสังคมก้าวหน้าไปได้ในภูมิภาคนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราได้ทำตรงนี้ และเมื่อการจัดการประชุมเกิดขึ้น ผมเชื่อว่าเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของประเทศไทย ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนคงนึกออกว่าชาวโลกที่เขาดูข่าวจะดูข่าวสถานีโทรทัศน์ของชาติใดก็ตามในช่วงปีที่ผ่านมา เขาเห็นเหตุการณ์ประเทศไทยทีไร ก็จะเป็นเหตุการณ์ของความวุ่นวาย และบางครั้งก็มีความรุนแรงด้วย ทำให้คนตกอกตกใจกันไปทั้งโลก เพราะว่าจริงๆ ชาวโลกที่รู้จักประเทศไทย คนไทยดี จะรู้ว่าประเทศไทยและคนไทยรักสงบ มีอัธยาศัยไมตรีที่ดี ผมก็หวังว่าในเดือนกุมภาพันธ์ดี เราได้จัดการประชุมผู้นำ มีผู้นำจากทุกประเทศเข้ามา ก็จะเป็นภาพลักษณ์ที่ประชาชนชาวโลก ได้กลับมาเห็นประเทศไทยในฐานะประเทศที่ต้อนรับขับสู้ชาวโลก มีความพร้อมมีความสงบ ถึงขั้นที่ทำให้มีการประชุมระดับนานาชาติได้
“อันนั้นก็เป็นสิ่งที่อยากจะเรียนกับพี่น้องว่าเป็นความสำคัญ และที่อยากจะขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนคือว่า การจัดการประชุมอาเซียนครั้งนี้ ไม่ใช่งานของรัฐบาล เป็นงานของประเทศ คนที่เป็นเจ้าภาพไม่ใช่ผม ไม่ใช่รัฐบาล แต่เป็นประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผมอยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนไทยทุกคน ให้มาเป็นเจ้าภาพที่ดี สร้างความประทับใจที่ดีกับแขกที่มาเยือน กับผู้นำในอาเซียน และที่สำคัญคือให้ชาวโลกได้เห็นสิ่งที่เขาเคยรู้จักคนไทย ในฐานะที่เป็นคนที่มีน้ำใจ และอัธยาศัยไมตรี แทบจะกล่าวได้ว่าดีที่สุดในโลกก็ได้”นายกฯ