บริษัทแม่อังกฤษ สั่งสปีโด้ลุยตลาดเอเชียโต 3 เท่าตัว 5 ปี หวังโกยรายได้ทดแทนวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์กระทบยุโรป อเมริกา ตลาดไม่โต พร้อมวางไทยฐานการผลิตชุดว่ายน้ำป้อนเอเชีย ชู “สวิมยิม” จุดขายทูอินวัน ปลุกตลาดชุดว่ายน้ำ 1,000 ล้านบาท ปีนี้โต 5% หลังปีที่ผ่านมาตลาดหดตัวรอบ 5 ปี
นายชัยเลิศ มนูญผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แชมป์เอช จำกัด และรองผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับไลเซนส์ชุดว่ายน้ำสปีโด้ เปิดเผยว่า บริษัทแม่จากประเทศอังกฤษวางนโยบายขยายตลาดชุดว่ายน้ำในเอเชียโต 3 เท่าตัว ในช่วง 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพมีการขยายตัว 15% โดยเติบโตมากกว่าตลาดยุโรป เนื่องจากเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกาและลามสู่ยุโรป
อีกทั้งปีนี้วางแนวทางให้ประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกในเอเชีย นำร่อง เวียดนาม ไต้หวัน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ จากปัจจุบันเป็นฐานการส่งออกในยุโรปเป็นหลัก จากที่ผ่านมาสปีโด้มีโรงงานผลิต 4 แห่ง ได้แก่ จีน ศรีลังกา เวียดนาม และไทย ซึ่งไทยถือว่ามีความพร้อมมากที่สุด เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญการผลิตขนาดสำหรับคนเอเชีย จากเดิมศรีลังกาเป็นฐานการผลิต และจากการเป็นฐานผลิตในเอเชีย คาดว่าปีนี้ยอดการส่งออกโต 25% หรือคิดเป็นเชิงปริมาณ 2 ล้านชุดต่อปี จากปกติยอดการส่งออก 1.5 ล้านชุดต่อปี
สภาพตลาดชุดว่ายน้ำในส่วนดีพาร์ทเมนต์สโตร์มูลค่า 1,000 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาหดตัวหรือเติบโตเพียงเล็กน้อย นับว่าเป็นวิกฤตในรอบ 5 ปี จากปกติตลาดเติบโต 10-15% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยปกติยอดขายมาจากในช่วงหน้าร้อน 55-60% และอีก 40-45% มาจากการซื้อชุดว่ายน้ำจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ปีที่ผ่านมามีรายได้ 300 ล้านบาท โต 15% ต่ำกว่าเป้าหมายตั้งเป้าโต 20%
สำหรับแนวโน้มปีนี้คาดว่าตลาดเติบโตไม่เกิน 5% โดยจะขยายตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งฐานลูกค้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นหลัก คาดว่าจะทยอยกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยปลายปีนี้ แต่อัตราการซื้อชุดว่ายน้ำปีนี้คาดว่าจะไม่เพิ่มขึ้น จากปกติคนไทยซื้อชุดว่ายน้ำเฉลี่ย 2 ครั้งต่อปี
นายชัยเลิศ กล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ สวิมยิม ชุดออกกำลังกายที่พัฒนาโดยการนำชุดว่ายน้ำ และชุดออกกำลังกายเข้ารวมกัน เจาะกลุ่มเป้าหมาย 16-30 ปีขึ้นไป โดยได้เริ่มวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม นี้ ซึ่งจะจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามจุดจำหน่ายห้างสรรพสินค้า เพื่อสร้างการรับรู้ ตั้งเป้ายอดขายสินค้าในช่วงหน้าร้อนและสินค้าใหม่เติบโต 20-30%
แนวทางการตลาดของบริษัท ต้องการแตกโปรดักส์ที่เกี่ยวเนื่องกับกีฬามากขึ้น เพื่อการเติบโตในการดำเนินธุรกิจ จากที่ผ่านมามีธุรกิจ 3 เรือธงหลักที่สร้างรายได้ ได้แก่ ชุดว่ายน้ำสปีโด้ ชุดชั้นในแอร์โร่ และถุงกอล์ฟมิตซูโน สำหรับปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 800 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มสปีโด้ตั้งเป้าโต 25% จากรายได้ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่งออก 60% และในประเทศ 40% ปัจจุบันสปีโด้เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 30% จากมูลค่า 1,000 ล้านบาท
นายชัยเลิศ มนูญผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แชมป์เอช จำกัด และรองผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับไลเซนส์ชุดว่ายน้ำสปีโด้ เปิดเผยว่า บริษัทแม่จากประเทศอังกฤษวางนโยบายขยายตลาดชุดว่ายน้ำในเอเชียโต 3 เท่าตัว ในช่วง 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพมีการขยายตัว 15% โดยเติบโตมากกว่าตลาดยุโรป เนื่องจากเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกาและลามสู่ยุโรป
อีกทั้งปีนี้วางแนวทางให้ประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกในเอเชีย นำร่อง เวียดนาม ไต้หวัน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ จากปัจจุบันเป็นฐานการส่งออกในยุโรปเป็นหลัก จากที่ผ่านมาสปีโด้มีโรงงานผลิต 4 แห่ง ได้แก่ จีน ศรีลังกา เวียดนาม และไทย ซึ่งไทยถือว่ามีความพร้อมมากที่สุด เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญการผลิตขนาดสำหรับคนเอเชีย จากเดิมศรีลังกาเป็นฐานการผลิต และจากการเป็นฐานผลิตในเอเชีย คาดว่าปีนี้ยอดการส่งออกโต 25% หรือคิดเป็นเชิงปริมาณ 2 ล้านชุดต่อปี จากปกติยอดการส่งออก 1.5 ล้านชุดต่อปี
สภาพตลาดชุดว่ายน้ำในส่วนดีพาร์ทเมนต์สโตร์มูลค่า 1,000 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาหดตัวหรือเติบโตเพียงเล็กน้อย นับว่าเป็นวิกฤตในรอบ 5 ปี จากปกติตลาดเติบโต 10-15% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยปกติยอดขายมาจากในช่วงหน้าร้อน 55-60% และอีก 40-45% มาจากการซื้อชุดว่ายน้ำจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ปีที่ผ่านมามีรายได้ 300 ล้านบาท โต 15% ต่ำกว่าเป้าหมายตั้งเป้าโต 20%
สำหรับแนวโน้มปีนี้คาดว่าตลาดเติบโตไม่เกิน 5% โดยจะขยายตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งฐานลูกค้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นหลัก คาดว่าจะทยอยกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยปลายปีนี้ แต่อัตราการซื้อชุดว่ายน้ำปีนี้คาดว่าจะไม่เพิ่มขึ้น จากปกติคนไทยซื้อชุดว่ายน้ำเฉลี่ย 2 ครั้งต่อปี
นายชัยเลิศ กล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ สวิมยิม ชุดออกกำลังกายที่พัฒนาโดยการนำชุดว่ายน้ำ และชุดออกกำลังกายเข้ารวมกัน เจาะกลุ่มเป้าหมาย 16-30 ปีขึ้นไป โดยได้เริ่มวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม นี้ ซึ่งจะจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามจุดจำหน่ายห้างสรรพสินค้า เพื่อสร้างการรับรู้ ตั้งเป้ายอดขายสินค้าในช่วงหน้าร้อนและสินค้าใหม่เติบโต 20-30%
แนวทางการตลาดของบริษัท ต้องการแตกโปรดักส์ที่เกี่ยวเนื่องกับกีฬามากขึ้น เพื่อการเติบโตในการดำเนินธุรกิจ จากที่ผ่านมามีธุรกิจ 3 เรือธงหลักที่สร้างรายได้ ได้แก่ ชุดว่ายน้ำสปีโด้ ชุดชั้นในแอร์โร่ และถุงกอล์ฟมิตซูโน สำหรับปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 800 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มสปีโด้ตั้งเป้าโต 25% จากรายได้ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่งออก 60% และในประเทศ 40% ปัจจุบันสปีโด้เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 30% จากมูลค่า 1,000 ล้านบาท
