ตลาดชุดว่ายน้ำรับซัมเมอร์ระอุ เซ็นทรัลเทรดดิ้ง วางแผน ดันชุดว่ายน้ำ เจนเซ่น หวังโค่นไทรอั๊มพ์ ขึ้นแท่นผู้นำแทน ชี้ 4 เดือนแรกนี้วัดผลได้แล้ว ลั่นสู่แชร์ 30-35% พร้อมยอดขายเติบโต 30%
นายเฉกชาย ผดุงกาญจน์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายชุดว่ายน้ำแบรนด์ "เจนเซ่น” (Jantzen) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดชุดว่ายน้ำโดยรวมเป็นอันดับ 1 แทนที่แบรนด์ไทรอั๊มพ์ให้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งขณะนี้ส่วนแบ่งตลาดอยู่ใกล้ๆกันแล้ว
ทั้งนี้คาดว่าภายในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ที่รวมช่วงซัมเมอร์ด้วย จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าจะเป็นผู้นำตลาดได้หรือไม่ เพราะเป็นช่วงหน้าขายของชุดว่ายน้ำที่แต่ละค่ายก็จะงัดกลยุทธธ์เพื่อแข่งขันในช่วงนี้เป็นหลัก
ปัจจุบันแบรน์เจนเซ่นมีส่วนแบ่งตลาดรวมอยู่ในอันดับที่ 2 ประมาณ 27% ขณะที่แบรนด์ไทรอั๊มพ์ที่เป็นเจ้าตลาดนั้นมีส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 30% ซึ่งเจนเซ่นเองตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งปีนี้ไว้ที่ 30%-35% และอันดับสามในตลาดคือ สปีโด
อย่างไรก็ตามหากแบ่งเป็นชุดว่ายน้ำผู้หญิงแล้วทางเจนเซ่นจะมีแชร์ที่ 2 รองจากไทรอั๊มพ์ ส่วนชุดว่ายน้ำผู้ชายเป็นอันดับที่ 3 รองจาก สปีโดที่เป็นอันดับที่สอง ซึ่งสัดส่วนสินค้าของเจนเซ่นเจาะกลุ่มผู้หญิงประมาณ 85% และกลุ่มผู้ชาย 15% โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง เจนเซ่นมีแชร์ใกล้เคียงกับไทรอั๊มพ์แล้ว
แผนตลาดปีนี้จะเพิ่มงบลงทุนและงบตลาดมากขึ้นเพื่อรุกตลาดเต็มที่ จะมีทั้งการขยายจุดจำหน่ายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีรวมประมาณ 49 จุดแล้ว โดยแบ่งเป็น เคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 48 จุด กระจายไปตามศูนย์การค้าทั่วประเทศ เช่น เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ สยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียม ซูเปอร์สปอร์ต สปอร์ตเวิลด์ เป็นต้น และมีอีก 1 ชอปตั้งอยู่ที่ หัวหินมาร์เก็ตวิลเลจ ซึ่งล่าสุดได้เพิ่มจุดขายเคาน์เตอร์ที่เซ็นทรัลพัทยาบีช
ส่วนตัวผลิตภัณฑ์นั้นในปีนี้ได้หันมามุ่งเน้นสไตล์ชุดว่ายน้ำแบบแฟชั่นมากขึ้น เน้นสีสันและการออกแบบให้มีความทันสมัย ปราดเปรียว เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่ง่ายขึ้น โดยจะเป็นแนวแฟชั่นมากถึง 50% จากปีที่แล้วที่มีประมาณ 30% จากจำนวนแบบที่ออกมาทั้งหมด และปีนี้จะมีแบบใหม่ๆประมาณ 80 กว่าแบบ เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีประมาณ 50 กว่าแบบ
ขณะเดียวกันจะมีการตั้งราคาจำหน่ายที่ลดลงมาบ้างในบางแบบ บางรุ่น เพื่อเป็นการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี กำลื้อซื้อยังน้อยอยู่ โดยเฉพาะชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่ จากเดิมที่มีราคาตั้งแต่ 1,200 บาท ปีนี้ได้ปรับลดราคาลงมาเหลือประมาณ 890 บาท ทั้งนี้ชุดว่ายน้ำเจนเซ่นมีระดับราคาหลากหลายตั้งแต่ 890 บาท จนถึง 3,500 กว่าบาท ซึ่งระดับราคาที่ขายดีคือ 1,800-2,500 บาท
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์เจนเซ่นคือ ผู้หญิงอายุ 25-35 ปี ในวัยทำงานเป็นหลัก มีไลฟ์สไตล์ชอบเที่ยวพักผ่อน ว่ายน้ำ ออกกำลังกาย และเป็นคนที่ชอบแฟชั่นสดใส ส่วนกลุ่มผู้ชายจะมีอายุ 20-35 ปี ทั้งที่ชอบกีฬาว่ายน้ำและท่องเที่ยว
บริษัทฯคาดว่าปีนี้เจนเซ่นจะมียอดขายเติบโต 30% เพิ่มจากปีที่แล้วที่เติบโต 25% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30% โดยมียอดขายปีที่แล้ว 130 ล้านบาทในแง่ตลาดขายปลีก
สำหรับตลาดชุดว่ายน้ำปัจจุบันนี้ มีมูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ 1.กลุ่มไลเซ่นส์ที่ผลิตและจำหน่ายในไทย มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท 2.กลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ มูลค่า 200 ล้านบาท และ 3.กลุ่มแบรนด์ท้องถิ่น มูลค่า 400 ล้านบาท ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วตลาดรวมมีอัตราการเติบโตประมาณ 10-15% ต่อปี อย่างไรก็ตามปีที่แล้วตลาดรวมเติบโตแค่ 8% เท่านั้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี และการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง
ทั้งนี้แบรนด์เจนเซ่น จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 คือ ไลเซ่นส์ ซึ่งในตลาดรวมมีประมาณ 8 แบรนด์ใหญ่เช่น ไทรอั๊มพ์ เจนเซ่น สปีโด อารีนา บีเอสซี สตรีมไลน์ กีลาโรช แอล
นายเฉกชาย ผดุงกาญจน์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายชุดว่ายน้ำแบรนด์ "เจนเซ่น” (Jantzen) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดชุดว่ายน้ำโดยรวมเป็นอันดับ 1 แทนที่แบรนด์ไทรอั๊มพ์ให้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งขณะนี้ส่วนแบ่งตลาดอยู่ใกล้ๆกันแล้ว
ทั้งนี้คาดว่าภายในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ที่รวมช่วงซัมเมอร์ด้วย จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าจะเป็นผู้นำตลาดได้หรือไม่ เพราะเป็นช่วงหน้าขายของชุดว่ายน้ำที่แต่ละค่ายก็จะงัดกลยุทธธ์เพื่อแข่งขันในช่วงนี้เป็นหลัก
ปัจจุบันแบรน์เจนเซ่นมีส่วนแบ่งตลาดรวมอยู่ในอันดับที่ 2 ประมาณ 27% ขณะที่แบรนด์ไทรอั๊มพ์ที่เป็นเจ้าตลาดนั้นมีส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 30% ซึ่งเจนเซ่นเองตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งปีนี้ไว้ที่ 30%-35% และอันดับสามในตลาดคือ สปีโด
อย่างไรก็ตามหากแบ่งเป็นชุดว่ายน้ำผู้หญิงแล้วทางเจนเซ่นจะมีแชร์ที่ 2 รองจากไทรอั๊มพ์ ส่วนชุดว่ายน้ำผู้ชายเป็นอันดับที่ 3 รองจาก สปีโดที่เป็นอันดับที่สอง ซึ่งสัดส่วนสินค้าของเจนเซ่นเจาะกลุ่มผู้หญิงประมาณ 85% และกลุ่มผู้ชาย 15% โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง เจนเซ่นมีแชร์ใกล้เคียงกับไทรอั๊มพ์แล้ว
แผนตลาดปีนี้จะเพิ่มงบลงทุนและงบตลาดมากขึ้นเพื่อรุกตลาดเต็มที่ จะมีทั้งการขยายจุดจำหน่ายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีรวมประมาณ 49 จุดแล้ว โดยแบ่งเป็น เคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 48 จุด กระจายไปตามศูนย์การค้าทั่วประเทศ เช่น เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ สยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียม ซูเปอร์สปอร์ต สปอร์ตเวิลด์ เป็นต้น และมีอีก 1 ชอปตั้งอยู่ที่ หัวหินมาร์เก็ตวิลเลจ ซึ่งล่าสุดได้เพิ่มจุดขายเคาน์เตอร์ที่เซ็นทรัลพัทยาบีช
ส่วนตัวผลิตภัณฑ์นั้นในปีนี้ได้หันมามุ่งเน้นสไตล์ชุดว่ายน้ำแบบแฟชั่นมากขึ้น เน้นสีสันและการออกแบบให้มีความทันสมัย ปราดเปรียว เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่ง่ายขึ้น โดยจะเป็นแนวแฟชั่นมากถึง 50% จากปีที่แล้วที่มีประมาณ 30% จากจำนวนแบบที่ออกมาทั้งหมด และปีนี้จะมีแบบใหม่ๆประมาณ 80 กว่าแบบ เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีประมาณ 50 กว่าแบบ
ขณะเดียวกันจะมีการตั้งราคาจำหน่ายที่ลดลงมาบ้างในบางแบบ บางรุ่น เพื่อเป็นการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี กำลื้อซื้อยังน้อยอยู่ โดยเฉพาะชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่ จากเดิมที่มีราคาตั้งแต่ 1,200 บาท ปีนี้ได้ปรับลดราคาลงมาเหลือประมาณ 890 บาท ทั้งนี้ชุดว่ายน้ำเจนเซ่นมีระดับราคาหลากหลายตั้งแต่ 890 บาท จนถึง 3,500 กว่าบาท ซึ่งระดับราคาที่ขายดีคือ 1,800-2,500 บาท
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์เจนเซ่นคือ ผู้หญิงอายุ 25-35 ปี ในวัยทำงานเป็นหลัก มีไลฟ์สไตล์ชอบเที่ยวพักผ่อน ว่ายน้ำ ออกกำลังกาย และเป็นคนที่ชอบแฟชั่นสดใส ส่วนกลุ่มผู้ชายจะมีอายุ 20-35 ปี ทั้งที่ชอบกีฬาว่ายน้ำและท่องเที่ยว
บริษัทฯคาดว่าปีนี้เจนเซ่นจะมียอดขายเติบโต 30% เพิ่มจากปีที่แล้วที่เติบโต 25% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30% โดยมียอดขายปีที่แล้ว 130 ล้านบาทในแง่ตลาดขายปลีก
สำหรับตลาดชุดว่ายน้ำปัจจุบันนี้ มีมูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ 1.กลุ่มไลเซ่นส์ที่ผลิตและจำหน่ายในไทย มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท 2.กลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ มูลค่า 200 ล้านบาท และ 3.กลุ่มแบรนด์ท้องถิ่น มูลค่า 400 ล้านบาท ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วตลาดรวมมีอัตราการเติบโตประมาณ 10-15% ต่อปี อย่างไรก็ตามปีที่แล้วตลาดรวมเติบโตแค่ 8% เท่านั้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี และการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง
ทั้งนี้แบรนด์เจนเซ่น จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 คือ ไลเซ่นส์ ซึ่งในตลาดรวมมีประมาณ 8 แบรนด์ใหญ่เช่น ไทรอั๊มพ์ เจนเซ่น สปีโด อารีนา บีเอสซี สตรีมไลน์ กีลาโรช แอล
