ไอ.ซี.ซี. เปิดเกมตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นสวนกระแสเศรษฐกิจ หวังดันรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปี เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่จากอิตาลีกลางปี ส่วนแบรนด์มิเชล ไคลน์ ขยายไลน์สินค้าน้ำหอม ปรับชอปสู่พรีเมียม
นางรมิดา รัสเซลล์ มณเสถียร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ เครื่องแต่งกายสตรี MK MICHEL KLEIN ฝ่าย บี บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดขายรวมปีที่แล้วของฝ่าย บี ที่มีสินค้าเสื้อผ้ามากกว่า 10 แบรนด์ เช่น แอลออม, อิโตคินบูติค, มิเชลไคลน์ เป็นต้น ไม่รวมแบรนด์แอร์โรว์ มียอดขายมากกว่า 700 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อนหน้า แต่ตั้งเป้าเติบโตปีนี้ 15-20% และตั้งเป้ารายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีจากนี้
โดยจากนี้จะมีสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดมากขึ้นทั้งแบรนด์ใหม่จากประเทศอิตาลีคาดว่าจะเริ่มได้กลางปีนี้ และมาจากแบรนด์เดิมที่ขยายไลน์สินค้า เช่น แบรนด์ มิเชลไคลน์ จะขยายสู่ตลาดน้ำหอม และขยายตลาดเสื้อผ้าผู้ชายออฟฟิศ และกลุ่มระดับบนด้วยแบรนด์เชอร์ มิเชล ไคลน์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรวมของบริษัทฯถือว่าเติบโตน่าพอใจประมาณ 8-9% เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดด้วยกัน เพราะสินค้าแต่ละแบรนด์มีความแข็งแกร่งทั้งแบรนด์และช่องทางจำหน่าย รวมทั้งการทำตลาดเต็มที่
นางรมิดากล่าวถึงแผนการตลาดแบรนด์ มิเชล ไคลน์ ว่า บริษัทฯทำตลาดมานาน 15 ปี แต่เพิ่งเน้นเชิงรุก 2 ปีหลังนี้ ถือเป็นสินค้าเสื้อผ้าจับกลุ่มผู้หญิงทำงาน ที่ได้รับความนิยมจากประเทศฝรั่งเศสและญี่ปุ่น โดยปีนี้มีแผนที่จะปรับลุคใหม่ของชอปและแบรนด์ จะใช้งบประมาณกว่า 15 ล้านบาท ปรับปรุงชอปทั้งหมดที่มีอยู่ของมิเชลไคลน์ 55 จุด กระจายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ให้มีรูปลักษณ์ใหม่ทันสมัย คลาสสิค มีสีสัน หรู จากเดิมสีเรียบๆ
เบื้องต้นจะปรับชอปประมาณ 10 สาขาก่อนที่เป็นแฟลกชิปสโตร์ พร้อมทั้งปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความเป็นพรีเมียมมากขึ้นด้วย แต่ราคาเสื้อผ้าไม่ปรับเฉลี่ยที่ 1,400 – 3,000 บาท รวมไปถึงการทำตลาดด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท เช่น การเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี 2009 โดย เสื้อผ้าแบรนด์ มิเชล ไคลน์ ได้รับเลือกให้ผู้เข้าประกวดสวมใส่ในส่วนของชุดลำลอง ส่วนชุดกีฬาจะเป็นแบรดน์กีลาโรช และชุดว่ายน้ำเป็นแบรนด์บีเอสซี ซึ่งถือเป็นสินค้าในเครือสหพัฒน์ทั้งหมด โดยคาดว่าจากการทำตลาดเชิงรุกปีนี้ จะทำให้แบรนด์มิเชล ไคลน์ มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่ 80 ล้านบาท
นางรมิดา รัสเซลล์ มณเสถียร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ เครื่องแต่งกายสตรี MK MICHEL KLEIN ฝ่าย บี บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดขายรวมปีที่แล้วของฝ่าย บี ที่มีสินค้าเสื้อผ้ามากกว่า 10 แบรนด์ เช่น แอลออม, อิโตคินบูติค, มิเชลไคลน์ เป็นต้น ไม่รวมแบรนด์แอร์โรว์ มียอดขายมากกว่า 700 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อนหน้า แต่ตั้งเป้าเติบโตปีนี้ 15-20% และตั้งเป้ารายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีจากนี้
โดยจากนี้จะมีสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดมากขึ้นทั้งแบรนด์ใหม่จากประเทศอิตาลีคาดว่าจะเริ่มได้กลางปีนี้ และมาจากแบรนด์เดิมที่ขยายไลน์สินค้า เช่น แบรนด์ มิเชลไคลน์ จะขยายสู่ตลาดน้ำหอม และขยายตลาดเสื้อผ้าผู้ชายออฟฟิศ และกลุ่มระดับบนด้วยแบรนด์เชอร์ มิเชล ไคลน์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรวมของบริษัทฯถือว่าเติบโตน่าพอใจประมาณ 8-9% เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดด้วยกัน เพราะสินค้าแต่ละแบรนด์มีความแข็งแกร่งทั้งแบรนด์และช่องทางจำหน่าย รวมทั้งการทำตลาดเต็มที่
นางรมิดากล่าวถึงแผนการตลาดแบรนด์ มิเชล ไคลน์ ว่า บริษัทฯทำตลาดมานาน 15 ปี แต่เพิ่งเน้นเชิงรุก 2 ปีหลังนี้ ถือเป็นสินค้าเสื้อผ้าจับกลุ่มผู้หญิงทำงาน ที่ได้รับความนิยมจากประเทศฝรั่งเศสและญี่ปุ่น โดยปีนี้มีแผนที่จะปรับลุคใหม่ของชอปและแบรนด์ จะใช้งบประมาณกว่า 15 ล้านบาท ปรับปรุงชอปทั้งหมดที่มีอยู่ของมิเชลไคลน์ 55 จุด กระจายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ให้มีรูปลักษณ์ใหม่ทันสมัย คลาสสิค มีสีสัน หรู จากเดิมสีเรียบๆ
เบื้องต้นจะปรับชอปประมาณ 10 สาขาก่อนที่เป็นแฟลกชิปสโตร์ พร้อมทั้งปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความเป็นพรีเมียมมากขึ้นด้วย แต่ราคาเสื้อผ้าไม่ปรับเฉลี่ยที่ 1,400 – 3,000 บาท รวมไปถึงการทำตลาดด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท เช่น การเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี 2009 โดย เสื้อผ้าแบรนด์ มิเชล ไคลน์ ได้รับเลือกให้ผู้เข้าประกวดสวมใส่ในส่วนของชุดลำลอง ส่วนชุดกีฬาจะเป็นแบรดน์กีลาโรช และชุดว่ายน้ำเป็นแบรนด์บีเอสซี ซึ่งถือเป็นสินค้าในเครือสหพัฒน์ทั้งหมด โดยคาดว่าจากการทำตลาดเชิงรุกปีนี้ จะทำให้แบรนด์มิเชล ไคลน์ มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่ 80 ล้านบาท