ASTVผู้จัดการรายวัน–“อภิสิทธิ์”ให้คำมั่นผ่านสื่อต่างประเทศกว่า 450 คน ใน 21 ประเทศ ยันประเทศไทยจะไม่มีการปิดสนามบินอีก ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญด้านความมั่นคงและปลอดภัยเป็นอันดับแรก ชูไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวชั้นหนึ่งระดับโลก พร้อมยาหอมนักท่องเที่ยวและนักลงทุนคือแขกคนสำคัญ ด้าน ททท.ปลื้มชูแคมเปญอะเมซิ่งไทยแลนด์ อะเมซิ่งแวลู อวดสื่อต่างชาติหวังดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยในยุคเศรษฐกิจซบ
วานนี้ (24ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสื่อมวลชนและบริษัทนำเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศกว่า 450 คน เพื่อเข้าร่วมโครงการเมกะแฟมทริปของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภายใต้โครงการ “อะเมซิ่งไทยแลนด์ อะเมซิ่งแวลู” ว่า รัฐบาลไทยพร้อมที่จะดูแลนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากต่างชาติเป็นอย่างดีเสมือนเป็นแขกคนสำคัญ พร้อมกันนี้ยังกล่าวยืนยันด้วยว่ารัฐบาลจะดูแลไม่ให้มีเหตุการณ์ปิดสนามบินเกิดขึ้นอีก รวมถึงดูแลเรื่องความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และนักลงทุนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยไม่ให้ใครได้รับความเดือดร้อน เพราะรัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลด้านความมั่นคงและความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้ว
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวนับเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้มีเสถียรภาพ ซึ่งในปีที่ผ่านมาสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในต่างประเทศได้มีผลทำให้อุตสาหกรรมของประเทศไทยเกิดชะลอตัว ดังนั้นจึงขอยืนยันในนามรัฐบาลไทยว่า จะยินดีทำทุกอย่างตามกฎหมายและกระบวนการประชาธิปไตย จะป้องกันการปิดสนามบิน โดยรับปากที่จะทำให้ดีที่สุด และขอให้ทุกคนมั่นใจว่าพื้นที่ของสนามบินของประเทศไทย จะเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ส่วนในระยะยาว รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวในรูปแบบการดูแลสุขภาพ และรักษาพยาบาล หรือเมดิคัลทัวริสซึม
"ในระยะยาว รัฐบาลจะร่วมมือกับภาคเอกชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น โครงการ "7 Wonders of Amazing Thailand" เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมทั้งการพัฒนามาตรฐานธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวชั้นหนึ่งระดับโลก ศูนย์กลางการประชุม สัมมนาระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญแก่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพื่อส่งเสริมโครงการการท่องเที่ยว Asia’s Perfect 10 Paradise"
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.- 1มี.ค.นี้ จะเป็นอีกหนึ่งเวทีที่จะประกาศความพร้อมของประเทศไทยในเรื่องของการต้อนรับนักท่องเที่ยว นักลงทุน และจะเป็นเป็นเวทีที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประเทศไทย
ทางด้านนางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สื่อมวลชนและบริษัทนำเที่ยวที่ร่วมเดินทางมาครั้งนี้ ททท.ได้เชิญมาจาก 21 ประเทศทั่วโลกรวม 450 คน เพื่อมาเดินทาง สำรวจแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยในระหว่างวันที่ 23-25 ก.พ. นี้ โดยมุ่งหวังให้สื่อมวลชน และบริษัททัวร์ที่ร่วมเดินทางมาได้นำข้อมูลกลับไปเผยแพร่ยังประเทศของตัวเอง ซึ่งประเทศที่เชิญมาได้แก่ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อิตาลี สเปน ออสเตรเลีย เป็นต้น
"เมกะแฟมทริปครั้งนี้ ททท.ใช้โครงการว่า อะเมซิ่งไทยแลนด์ อะเมซิ่งแวลู เพื่อหวังตอกย้ำให้ต่างชาติรับรู้ถึงความคุ้มค่าเงินที่จ่ายเมื่อมาเที่ยวประเทศไทย สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เรามั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และยังช่วยฟื้นความเชื่อมั่น กู้ภาพลักษณ์ของประเทศให้ฟื้นคืนกลับมามีนักท่องเที่ยวคึกคักเหมือนเดิม"
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ภาครัฐมีนโยบายชัดเจนในเรื่องมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยล่าสุดได้จัดโครงการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นการชั่วคราว โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันวันที่ 5 มี.ค.-4 มิ.ย.52 เพื่อต้องการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น
วานนี้ (24ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสื่อมวลชนและบริษัทนำเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศกว่า 450 คน เพื่อเข้าร่วมโครงการเมกะแฟมทริปของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภายใต้โครงการ “อะเมซิ่งไทยแลนด์ อะเมซิ่งแวลู” ว่า รัฐบาลไทยพร้อมที่จะดูแลนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากต่างชาติเป็นอย่างดีเสมือนเป็นแขกคนสำคัญ พร้อมกันนี้ยังกล่าวยืนยันด้วยว่ารัฐบาลจะดูแลไม่ให้มีเหตุการณ์ปิดสนามบินเกิดขึ้นอีก รวมถึงดูแลเรื่องความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และนักลงทุนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยไม่ให้ใครได้รับความเดือดร้อน เพราะรัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลด้านความมั่นคงและความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้ว
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวนับเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้มีเสถียรภาพ ซึ่งในปีที่ผ่านมาสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในต่างประเทศได้มีผลทำให้อุตสาหกรรมของประเทศไทยเกิดชะลอตัว ดังนั้นจึงขอยืนยันในนามรัฐบาลไทยว่า จะยินดีทำทุกอย่างตามกฎหมายและกระบวนการประชาธิปไตย จะป้องกันการปิดสนามบิน โดยรับปากที่จะทำให้ดีที่สุด และขอให้ทุกคนมั่นใจว่าพื้นที่ของสนามบินของประเทศไทย จะเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ส่วนในระยะยาว รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวในรูปแบบการดูแลสุขภาพ และรักษาพยาบาล หรือเมดิคัลทัวริสซึม
"ในระยะยาว รัฐบาลจะร่วมมือกับภาคเอกชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น โครงการ "7 Wonders of Amazing Thailand" เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมทั้งการพัฒนามาตรฐานธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวชั้นหนึ่งระดับโลก ศูนย์กลางการประชุม สัมมนาระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญแก่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพื่อส่งเสริมโครงการการท่องเที่ยว Asia’s Perfect 10 Paradise"
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.- 1มี.ค.นี้ จะเป็นอีกหนึ่งเวทีที่จะประกาศความพร้อมของประเทศไทยในเรื่องของการต้อนรับนักท่องเที่ยว นักลงทุน และจะเป็นเป็นเวทีที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประเทศไทย
ทางด้านนางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สื่อมวลชนและบริษัทนำเที่ยวที่ร่วมเดินทางมาครั้งนี้ ททท.ได้เชิญมาจาก 21 ประเทศทั่วโลกรวม 450 คน เพื่อมาเดินทาง สำรวจแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยในระหว่างวันที่ 23-25 ก.พ. นี้ โดยมุ่งหวังให้สื่อมวลชน และบริษัททัวร์ที่ร่วมเดินทางมาได้นำข้อมูลกลับไปเผยแพร่ยังประเทศของตัวเอง ซึ่งประเทศที่เชิญมาได้แก่ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อิตาลี สเปน ออสเตรเลีย เป็นต้น
"เมกะแฟมทริปครั้งนี้ ททท.ใช้โครงการว่า อะเมซิ่งไทยแลนด์ อะเมซิ่งแวลู เพื่อหวังตอกย้ำให้ต่างชาติรับรู้ถึงความคุ้มค่าเงินที่จ่ายเมื่อมาเที่ยวประเทศไทย สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เรามั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และยังช่วยฟื้นความเชื่อมั่น กู้ภาพลักษณ์ของประเทศให้ฟื้นคืนกลับมามีนักท่องเที่ยวคึกคักเหมือนเดิม"
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ภาครัฐมีนโยบายชัดเจนในเรื่องมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยล่าสุดได้จัดโครงการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นการชั่วคราว โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันวันที่ 5 มี.ค.-4 มิ.ย.52 เพื่อต้องการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น
