ฟิวเจอร์แบรนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ และบริษัท เวเบอร์ แชนด์วิค ประชาสัมพันธ์ระดับโลก เผยผลสำรวจทางการท่องเที่ยวปี 2551 ประเทศไทยติดอันดับต้นๆหลายรางวัล อาทิ แหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่าเงินที่สุด ความมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ความเป็นมิตร แหล่งที่มีความหลากหลายในการช็อปปิ้ง เป็นต้น
ถึงแม้ว่าในปี 2551 ภาคการท่องเที่ยวไทย จะประสบกับปัญหาหลากหลาย โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองภายในประเทศ แต่จากผลสำรวจผลโหวตทางการท่องเที่ยวระดับโลก ที่จัดทำโดย ฟิวเจอร์แบรนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ กับบริษัท เวเบอร์ แชนด์วิค หนึ่งในบริษัทประชาสัมพันธ์ระดับโลก ที่จัดการสำรวจติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ซึ่งการสำรวจนั้นครอบคลุมธุรกิจระหว่างประเทศประมาณ 2,700 แห่ง และจากนักท่องเที่ยวจาก 9 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บราซิล เยอรมันและรัสเซีย
ทั้งนี้จากผลการสำรวจของดัชนีแบรนด์ประเทศ หรือ CBI ประเทศไทยได้คว้าอันดับต้นๆ ของผลโหวต ‘Best Country Brand for Value for Money’ หรือประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่าเงินที่สุด ติดอันดับที่ 3 ของความมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ติดอันดับที่ 3 ของความเป็นมิตร และอันดับที่ 4 สำหรับการเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายในการช็อปปิ้ง
นอกจากนี้ประเทศไทยยังติดอันดับ 1 ใน 10 ในอีก 2 ประเภท ได้แก่ ทริปธุรกิจควบท่องเที่ยว (Extend a Business Trip) คือ การเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวมักจะยืดระยะเวลาจากทริปธุรกิจเพื่ออยู่ท่องเที่ยวต่อ และอีกประเภทได้แก่ ต้องการจะมาเที่ยว หรือต้องการจะกลับมาเที่ยวอีกครั้ง (Desire to Visit/Visit Again) คือ การเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวต้องการมาเที่ยว หรือต้องการกลับมาเที่ยวอีก
นายประสาน โอสถานนท์ ที่ปรึกษาอาวุโส และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ บริษัท แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า “ในที่สุด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเราก็ได้รับข่าวดีที่ควรจะได้รับมานานแล้วเสียที สภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ตกต่ำและสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศทำให้ปี 2551 เป็นปีที่ค่อนข้างจะยากลำบาก แต่ผมหวังว่ารางวัลที่ได้ซึ่งเปรียบเสมือนความมั่นใจจากต่างประเทศ ประกอบกับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่มั่นคงขึ้น จะสามารถทำให้ประเทศไทยกลับสู่ตำแหน่งหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลกได้”
สำหรับผู้ที่ร่วมออกความเห็นในการสำรวจในปี 2551 นี้ได้แก่ นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่เดินทางประจำ อายุระหว่าง 21-65 ปี โดยมีจำนวนของชายและหญิงเท่าๆกัน หัวข้อของการสำรวจ คือ การเลือกแหล่งท่องเที่ยว ประเทศที่เกี่ยวข้อง การรับรู้ในภาพรวม การเดินทางครั้งก่อนๆ การเดินทางที่จะเกิดขึ้น และประเทศที่เขาเหล่านั้นเต็มใจที่แนะนำให้กับบุคคลอื่นๆ
นายประสาน กล่าวเสริมว่า“การสำรวจของดัชนีแบรนด์ประเทศ นั้นได้มาจากผลตอบรับจากนักท่องเที่ยวและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงทำให้ผลสำรวจที่ออกมามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น” ดัชนีแบรนด์ประเทศพิจารณาการจัดอันดับของประเทศทั่วโลกจากปัจจัยหลัก และสามารถบอกได้ว่าเศรษฐกิจของทั่วโลกจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากภาคเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุด นั่นก็คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งนับเป็นมูลค่าประมาณ 5.9 แสนล้านดอลล่าร์ของภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก และนับเป็น 238 ล้านตำแหน่งงานทั่วโลก ทุกประเทศได้ถูกจัดอันดับตามประเภททั้ง 30 ประเภทที่มีอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เห็นถึงจุดเด่น จุดด้อย และโอกาสในการเติบโต