แอตต้า จับมือทีเอชเอ เปิดเวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนข้อมูล หวัง ช่วยสมาชิกได้นำไปใช้ปรับแผนงาน เพื่อรับมือผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก พร้อมจี้ "ชุมพล" กระทุ้งรัฐบาล เร่งคลอดมาตรการตามคำขอ อาทิ ลดหย่อนภาษี แลนดิ้งฟี และผลักดันแผนการตลาด ททท.ให้เป็นรูปธรรม ระบุประเดิมตลาดจีนให้ทันเทศกาลตรุษจีน
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ได้เตรียมจับมือกับสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) จัดสัมมนาเชิงวิชาการ จุดประสงค์ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยวกันระหว่าง 2 สมาคม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดแนวทางการทำงาน เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยงานจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 23 ม.ค.52 ที่โรงแรม อิมพีเรียล ควีน ปาร์ค
ทั้งนี้การสัมมนาดังกล่าว ทางแอตต้า ได้ เชิญนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ดททท.) มาร่วมบรรยาย ในหัวข้อ แนวโน้มธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย ปี 2552 ต่อเนื่องถึงปี 2553 เพื่อ ให้ผู้ประกอบการได้นำแนวทาง ไปปรับใช้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่ทางแอตต้าและทีเอชเอจะมีการวางแผนการตลาดร่วมกัน โดยผู้ประกอบการของแอตต้า ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยว จะเชิญสมาชิกที่ดูแลตลาดที่มีศักยภาพ กำลังซื้อดี มาให้ข้อมูล เช่น ตลาด เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น ส่วน ทีเอชเอ จำเชิญสมาชิก ที่เป็นโรงแรมในระดับภูมิภาค มาเล่าถึงปัญหาของการทำธุรกิจ และ อัพเดทจำนวนห้องพัก อัตราเข้าพัก ซึ่งปัจจุบัน มีค่อนข้างต่ำ
นายอภิชาติ กล่าวว่า การสัมมนาแลกเปลี่ยนข้อมูลในครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดการพัฒนาร่วมกันให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ปัจจัยสำคัญที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้เร็ว คือ การเมืองภายในประเทศไทยสงบ ต่างชาติก็จะเกิดความเชื่อมั่นประเทศไทย แต่ภาพที่ออกมาขณะนี้ ยังมีภาพของความวุ่นวาย มีการก่อกวนเป็นระยะ การปิดล้อมในสถานที่ต่างๆ ทำให้ต่างชาติยัง ไม่มั่นใจประเทศไทย แม้ว่าเราจะประกาศว่าพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินการเยียวยาแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ล่าสุดในวันนี้(9ม.ค 52) ทางสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) จะยื่นหนังสือถึง นายชุมพล ศิลปอาชา รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้ช่วยเร่งติดตามข้อเรียกร้อง ที่ ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เสนอไป ใน 3 ข้อหลัก ได้แก่ 1.การลดค่าธรรมเนียมภาษีจอดเครื่องบิน(แลนดดิ้งฟี) ในอัตรา 50% ที่ท่าอากาศยานฯสุวรรณภูมิ และภูเก็ตรวมถึงการยกเว้นค่าวีซ่าเข้าประเทศไทย ให้กับตลาดจีน อินเดีย เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อกระตุ้นให้ นักท่องเที่ยวทั้ง 2 ตลาด กลับมาเที่ยวประเทศไทยอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม 2.การขอลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว 3.เร่งรัด ให้ ททท. ดำเนินการตามแผนการตลาด เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้แผนมีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ข้อเสนอที่กล่าวมาทั้งหมด เฟสต้าต้องการให้กระทรวงฯ ดำเนินการโดยเร่งด่วน เพื่อเรียกความมั่นใจ และ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยโดยเร็ว โดยเฉพาะ ตลาดใหญ่ อย่างประเทศจีน ซึ่งต่อปี มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเฉลี่ย 1 ล้านคน เป็นตลาดที่อ่อนไหวเมื่อเกิดเหตุการณ์ แต่ก็พร้อมที่จะกลับมาอย่างรวดเร็ว หากมีแรงจูงใจที่ดี และเป็นตลาดใกล้ ที่มาได้บ่อยครั้ง ประกอบกับ ใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นวันหยุดยาวของชาวจีนจะได้ทันให้เขาตัดสินใจเข้ามาเที่ยวประเทศไทย หากประเทศไทย นำเสนอแพกเกจทัวร์ ที่น่าสนใจมีคุณภาพดี คาดว่าไตรมาสแรกปีนี้ จะกระตุ้นตลาดให้กลับมาได้ 40-50 %
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ได้เตรียมจับมือกับสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) จัดสัมมนาเชิงวิชาการ จุดประสงค์ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยวกันระหว่าง 2 สมาคม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดแนวทางการทำงาน เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยงานจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 23 ม.ค.52 ที่โรงแรม อิมพีเรียล ควีน ปาร์ค
ทั้งนี้การสัมมนาดังกล่าว ทางแอตต้า ได้ เชิญนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ดททท.) มาร่วมบรรยาย ในหัวข้อ แนวโน้มธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย ปี 2552 ต่อเนื่องถึงปี 2553 เพื่อ ให้ผู้ประกอบการได้นำแนวทาง ไปปรับใช้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่ทางแอตต้าและทีเอชเอจะมีการวางแผนการตลาดร่วมกัน โดยผู้ประกอบการของแอตต้า ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยว จะเชิญสมาชิกที่ดูแลตลาดที่มีศักยภาพ กำลังซื้อดี มาให้ข้อมูล เช่น ตลาด เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น ส่วน ทีเอชเอ จำเชิญสมาชิก ที่เป็นโรงแรมในระดับภูมิภาค มาเล่าถึงปัญหาของการทำธุรกิจ และ อัพเดทจำนวนห้องพัก อัตราเข้าพัก ซึ่งปัจจุบัน มีค่อนข้างต่ำ
นายอภิชาติ กล่าวว่า การสัมมนาแลกเปลี่ยนข้อมูลในครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดการพัฒนาร่วมกันให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ปัจจัยสำคัญที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้เร็ว คือ การเมืองภายในประเทศไทยสงบ ต่างชาติก็จะเกิดความเชื่อมั่นประเทศไทย แต่ภาพที่ออกมาขณะนี้ ยังมีภาพของความวุ่นวาย มีการก่อกวนเป็นระยะ การปิดล้อมในสถานที่ต่างๆ ทำให้ต่างชาติยัง ไม่มั่นใจประเทศไทย แม้ว่าเราจะประกาศว่าพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินการเยียวยาแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ล่าสุดในวันนี้(9ม.ค 52) ทางสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) จะยื่นหนังสือถึง นายชุมพล ศิลปอาชา รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้ช่วยเร่งติดตามข้อเรียกร้อง ที่ ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เสนอไป ใน 3 ข้อหลัก ได้แก่ 1.การลดค่าธรรมเนียมภาษีจอดเครื่องบิน(แลนดดิ้งฟี) ในอัตรา 50% ที่ท่าอากาศยานฯสุวรรณภูมิ และภูเก็ตรวมถึงการยกเว้นค่าวีซ่าเข้าประเทศไทย ให้กับตลาดจีน อินเดีย เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อกระตุ้นให้ นักท่องเที่ยวทั้ง 2 ตลาด กลับมาเที่ยวประเทศไทยอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม 2.การขอลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว 3.เร่งรัด ให้ ททท. ดำเนินการตามแผนการตลาด เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้แผนมีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ข้อเสนอที่กล่าวมาทั้งหมด เฟสต้าต้องการให้กระทรวงฯ ดำเนินการโดยเร่งด่วน เพื่อเรียกความมั่นใจ และ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยโดยเร็ว โดยเฉพาะ ตลาดใหญ่ อย่างประเทศจีน ซึ่งต่อปี มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเฉลี่ย 1 ล้านคน เป็นตลาดที่อ่อนไหวเมื่อเกิดเหตุการณ์ แต่ก็พร้อมที่จะกลับมาอย่างรวดเร็ว หากมีแรงจูงใจที่ดี และเป็นตลาดใกล้ ที่มาได้บ่อยครั้ง ประกอบกับ ใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นวันหยุดยาวของชาวจีนจะได้ทันให้เขาตัดสินใจเข้ามาเที่ยวประเทศไทย หากประเทศไทย นำเสนอแพกเกจทัวร์ ที่น่าสนใจมีคุณภาพดี คาดว่าไตรมาสแรกปีนี้ จะกระตุ้นตลาดให้กลับมาได้ 40-50 %