นาย เย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอาปิโก ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ร่วมมือกับ Navteq ผู้ผลิตแผนที่ดิจิตอลชั้นนำพัฒนาซอฟท์แวร์แผนที่และระบบนำทางสำหรับรถยนต์หรือจีพีเอส(GPS)แบบ 3 มิติ ภายใต้ชื่อ พาวเวอร์แม็บ เอ็กซ์2(Powermap X2)
ซอฟแวร์ดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นในเมืองไทยโดยวิศวกรคนไทยที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างแผนที่นำทางจากต่างประเทศทั้งญี่ปุ่นและเยอรมนี โดยมีจุดเด่นสามารถแสดงภาพของสถานที่ต่างๆ ในรูปแบบ 3 มิติได้มากถึงกว่า 200 แห่ง รวมถึงภาพเสมือนจริงของทางแยกต่างๆอีกกว่า 400 แห่ง ที่ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประเทศไทย
“นี่คือครั้งแรกของไทยที่สามารถพัฒนาซอฟแวร์แผนที่แบบ 3 มิติออกจำหน่ายได้ โดยบริษัทฯ ลงทุนด้านการวิจัยราว 100 ล้านบาทเพื่อสร้างซอฟท์แวร์ตัวนี้ รองรับกับเครื่องมือและอุปกรณ์สื่อสารที่หลากหลาย ถือเป็นการเพิ่มช่องทางหารายได้ให้กับบริษัทฯ นอกเหนือจากไลน์การขายชิ้นส่วนรถยนต์” นายเย็บ กล่าว
ด้านมูลค่าตลาดของจีพีเอสแบบพกพาปีที่ผ่านมามีประมาณ 100,000 เครื่อง ส่วนปีนี้คาดว่าตลาดจะขยายตัวมาอยู่ที่ระดับ 200,000 เครื่องและกลายเป็น 500,000 เครื่องในปีถัดไป ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าครองสัดส่วนตลาดในด้านซอฟแวร์ให้ได้ถึง 50% ภายใน 3 ปีหรือมียอดขายอยู่ที่ปีละ 20 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายเย็บ กล่าวถึงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจว่า ไม่ย่ำแย่เหมือนวิกฤตปี 2540 ที่ตลาดรถยนต์ตกลงจาก 5-6 แสนคันต่อปีเหลือเพียง 1.5-2 แสนคัน คาดว่าปีนี้ตลาดรถยนต์ที่ผลิตทั้งส่งออกและขายในประเทศจะลงจาก 1.4 ล้านคันในปีที่แล้วเหลือ 1.1 ล้านคันสำหรับปีนี้ โดยจะเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นภายในปีนี้
สำหรับการปรับตัวมีการลดกำลังการผลิตโดยหยุดการทำงานล่วงเวลา(โอที) ทำให้แรงงานบางส่วนลาออกไปเอง และมีการลดเงินเดือนผู้บริหารไล่ระดับลงมาตั้งแต่ 30%-10% ขณะที่พนักงานที่มีรายได้น้อยจะไม่ถูกลดเงิน
ซอฟแวร์ดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นในเมืองไทยโดยวิศวกรคนไทยที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างแผนที่นำทางจากต่างประเทศทั้งญี่ปุ่นและเยอรมนี โดยมีจุดเด่นสามารถแสดงภาพของสถานที่ต่างๆ ในรูปแบบ 3 มิติได้มากถึงกว่า 200 แห่ง รวมถึงภาพเสมือนจริงของทางแยกต่างๆอีกกว่า 400 แห่ง ที่ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประเทศไทย
“นี่คือครั้งแรกของไทยที่สามารถพัฒนาซอฟแวร์แผนที่แบบ 3 มิติออกจำหน่ายได้ โดยบริษัทฯ ลงทุนด้านการวิจัยราว 100 ล้านบาทเพื่อสร้างซอฟท์แวร์ตัวนี้ รองรับกับเครื่องมือและอุปกรณ์สื่อสารที่หลากหลาย ถือเป็นการเพิ่มช่องทางหารายได้ให้กับบริษัทฯ นอกเหนือจากไลน์การขายชิ้นส่วนรถยนต์” นายเย็บ กล่าว
ด้านมูลค่าตลาดของจีพีเอสแบบพกพาปีที่ผ่านมามีประมาณ 100,000 เครื่อง ส่วนปีนี้คาดว่าตลาดจะขยายตัวมาอยู่ที่ระดับ 200,000 เครื่องและกลายเป็น 500,000 เครื่องในปีถัดไป ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าครองสัดส่วนตลาดในด้านซอฟแวร์ให้ได้ถึง 50% ภายใน 3 ปีหรือมียอดขายอยู่ที่ปีละ 20 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายเย็บ กล่าวถึงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจว่า ไม่ย่ำแย่เหมือนวิกฤตปี 2540 ที่ตลาดรถยนต์ตกลงจาก 5-6 แสนคันต่อปีเหลือเพียง 1.5-2 แสนคัน คาดว่าปีนี้ตลาดรถยนต์ที่ผลิตทั้งส่งออกและขายในประเทศจะลงจาก 1.4 ล้านคันในปีที่แล้วเหลือ 1.1 ล้านคันสำหรับปีนี้ โดยจะเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นภายในปีนี้
สำหรับการปรับตัวมีการลดกำลังการผลิตโดยหยุดการทำงานล่วงเวลา(โอที) ทำให้แรงงานบางส่วนลาออกไปเอง และมีการลดเงินเดือนผู้บริหารไล่ระดับลงมาตั้งแต่ 30%-10% ขณะที่พนักงานที่มีรายได้น้อยจะไม่ถูกลดเงิน
