ASTVผู้จัดการรายวัน – บิ๊ก “บิวท์ทูบิวด์” ยอมรับตลาดสร้างบ้าน 1-3 ล้านบาทแข่งเดือด ผู้รับเหมาลดราคาแย่งลูกค้า แต่ไม่ได้ผลลูกค้ากลัวไม่ได้บ้านยอมจ่ายแพง ชี้ปีนี้การทำธุรกิจเหมือนการว่ายทวนน้ำรักษายอดขายเท่าปีที่แล้วถือว่าเก่ง เล็งอัดแคมเปญต้นปีลดราคาก่อสร้าง 5 % งานรับสร้างบ้าน 2008
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ และบริษัท บางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ จำกัดเปิดเผยว่า ในปัจจุบันตลาดรับสร้างบ้านโดยเฉพาะ ราคา 1-3 ล้านบาทยอมรับว่ามีการชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อย สาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจรวมถึงความเข้มงวดจากสถาบันการเงิน เพราะลูกค้ากลุ่มนี้จะขอสินเชื่อสร้างบ้านประมาณ 50-60% แต่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้วปีนี้ดีกว่ามาก พิจารณาได้จากยอดขายของบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ที่รับสร้างบ้านราคา 1-3 ล้านบาท มียอดขายประมาณ 40 ล้านบาท ในขณะที่เดือนมค.ปี 51 มียอดขายเพียง 20 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปีนี้ยังไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ตลาดได้ จึงต้องเร่งทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นปีเพื่อสร้างยอดขาย นอกจากนี้ยังเข้าร่วมงาน รับสร้างบ้าน 2008 อีกด้วยโดยนำแบบบ้านจัดโปรโมชั่นพิเศษ แบบบ้านของ บิวท์ ทู บิวด์ ระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปให้ส่วนลดเงินสดทันที 5% ส่วนแบบบ้านของบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์แบบธรรมดา ลด 5% แถมทองอีก 1 บาท แบบบ้านซุปเปอร์เซฟ ลด 5% โดยตั้งเป้ายอดขายในงาน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นบิวท์ ทู บิวด์ 8-10 หลัง มูลค่า 50 ล้านบาท และบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ 25 หลัง มูลค่า 50 ล้านบาท
“ยอมรับว่าช่วงนี้ลูกค้าต่อรองราคาเยอะมาก เพราะเข้าใจว่าต้นทุนวัสดุลดไปเยอะ แต่ในคามเป็นจริงราคาวัสดุที่ลดเยอะๆมีแค่ เหล็กเท่านั้นซึ่งคิดเป็น 15% ของต้นทุนเท่านั้น แต่หากรวมวัสดุทั้งหมดลดไปไม่เกิน 5% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3 ปี 51 ซึ่งเราก็ต้องอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจว่าลดมากไม่ได้เพราะเราไม่ได้ตั้งราคาสูงและถ้าจะลดราคามากๆ ก็จะทำให้เสียราคา”
ส่วนกรณีที่ผู้รับเหมาในกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทแข่งขันลดราคาเพื่อแย่งลูกค้านั้น พบว่าไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะส่วนหนึ่งลูกค้าเกรงว่าผู้รับเหมาจะสามารถก่อสร้างบ้านให้ได้ นอกจากนี้ลูกค้ายังฉลาดเลือกมากขึ้น เพราะเมื่อไปเทียบกับราคาวัสดุที่ให้ และคุณภาพแล้วต่ำกว่าที่ไม่ให้ส่วนลด นกทั้งยังใช้วิธีตั้งราคาสูงๆ แล้วลดมาเยอะเพื่อดึงความสนใจลูกค้า นอกจากนี้ในชีวิตหนึ่งๆ คนเราจะเก็บเงินปลูกบ้านได้เพียง 1-2 หลังเท่านั้น ทำให้ลูกค้าไม่กล้าเสี่ยงที่จะไปสร้างบ้านกับบริษัทที่ไม่มีชื่อเสียง และยอมจ่ายแพงกว่าเพียงไม่กี่บาทกับบริษัทที่ทำธุรกิจมานาน น่าเชื่อถือ
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมา บิวท์ ทู บิวด์ ทำได้เกินเป้าเนื่องจากออกแบบบ้านใหม่มาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมียอดขาย 350 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าไว้ 350 ล้านบาทคงเดิม ส่วนบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ ปีที่แล้วทำได้ 300 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งไว้ 350 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีสัญญาก่อสร้างจากปีที่แล้วมาสร้างในปีนี้อีกกว่ากว่า 300 ล้านบาท จึงทำให้เชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
“ปีนี้การทำธุรกิจเหมือนการว่ายทวนน้ำ ผู้ประกอบการที่สามารถรักษายอดขายให้ได้เท่ากับปีที่แล้วก็ถือว่าเก่งมากแล้ว”
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ และบริษัท บางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ จำกัดเปิดเผยว่า ในปัจจุบันตลาดรับสร้างบ้านโดยเฉพาะ ราคา 1-3 ล้านบาทยอมรับว่ามีการชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อย สาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจรวมถึงความเข้มงวดจากสถาบันการเงิน เพราะลูกค้ากลุ่มนี้จะขอสินเชื่อสร้างบ้านประมาณ 50-60% แต่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้วปีนี้ดีกว่ามาก พิจารณาได้จากยอดขายของบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ที่รับสร้างบ้านราคา 1-3 ล้านบาท มียอดขายประมาณ 40 ล้านบาท ในขณะที่เดือนมค.ปี 51 มียอดขายเพียง 20 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปีนี้ยังไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ตลาดได้ จึงต้องเร่งทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นปีเพื่อสร้างยอดขาย นอกจากนี้ยังเข้าร่วมงาน รับสร้างบ้าน 2008 อีกด้วยโดยนำแบบบ้านจัดโปรโมชั่นพิเศษ แบบบ้านของ บิวท์ ทู บิวด์ ระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปให้ส่วนลดเงินสดทันที 5% ส่วนแบบบ้านของบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์แบบธรรมดา ลด 5% แถมทองอีก 1 บาท แบบบ้านซุปเปอร์เซฟ ลด 5% โดยตั้งเป้ายอดขายในงาน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นบิวท์ ทู บิวด์ 8-10 หลัง มูลค่า 50 ล้านบาท และบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ 25 หลัง มูลค่า 50 ล้านบาท
“ยอมรับว่าช่วงนี้ลูกค้าต่อรองราคาเยอะมาก เพราะเข้าใจว่าต้นทุนวัสดุลดไปเยอะ แต่ในคามเป็นจริงราคาวัสดุที่ลดเยอะๆมีแค่ เหล็กเท่านั้นซึ่งคิดเป็น 15% ของต้นทุนเท่านั้น แต่หากรวมวัสดุทั้งหมดลดไปไม่เกิน 5% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3 ปี 51 ซึ่งเราก็ต้องอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจว่าลดมากไม่ได้เพราะเราไม่ได้ตั้งราคาสูงและถ้าจะลดราคามากๆ ก็จะทำให้เสียราคา”
ส่วนกรณีที่ผู้รับเหมาในกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทแข่งขันลดราคาเพื่อแย่งลูกค้านั้น พบว่าไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะส่วนหนึ่งลูกค้าเกรงว่าผู้รับเหมาจะสามารถก่อสร้างบ้านให้ได้ นอกจากนี้ลูกค้ายังฉลาดเลือกมากขึ้น เพราะเมื่อไปเทียบกับราคาวัสดุที่ให้ และคุณภาพแล้วต่ำกว่าที่ไม่ให้ส่วนลด นกทั้งยังใช้วิธีตั้งราคาสูงๆ แล้วลดมาเยอะเพื่อดึงความสนใจลูกค้า นอกจากนี้ในชีวิตหนึ่งๆ คนเราจะเก็บเงินปลูกบ้านได้เพียง 1-2 หลังเท่านั้น ทำให้ลูกค้าไม่กล้าเสี่ยงที่จะไปสร้างบ้านกับบริษัทที่ไม่มีชื่อเสียง และยอมจ่ายแพงกว่าเพียงไม่กี่บาทกับบริษัทที่ทำธุรกิจมานาน น่าเชื่อถือ
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมา บิวท์ ทู บิวด์ ทำได้เกินเป้าเนื่องจากออกแบบบ้านใหม่มาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมียอดขาย 350 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าไว้ 350 ล้านบาทคงเดิม ส่วนบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ ปีที่แล้วทำได้ 300 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งไว้ 350 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีสัญญาก่อสร้างจากปีที่แล้วมาสร้างในปีนี้อีกกว่ากว่า 300 ล้านบาท จึงทำให้เชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
“ปีนี้การทำธุรกิจเหมือนการว่ายทวนน้ำ ผู้ประกอบการที่สามารถรักษายอดขายให้ได้เท่ากับปีที่แล้วก็ถือว่าเก่งมากแล้ว”