xs
xsm
sm
md
lg

สคบ.คุมเข้มรับสร้างบ้านทิ้งงาน ออกกฎ"กระทำผิดสัญญา"โทษหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สคบ.หนักใจปัญหาการทำผิดสัญญาระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค เตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาการกระทำผิดสัญญา เล็งกำหนดบทลงโทษขั้นสูง พร้อมเร่งสะสางบริษัทภูธนแสงทอง และพีทีเอส โฮมฯ หลังจากผิดสัญญากับลูกค้า ด้านผู้บริหารบิวท์ ทู บิวด์ ชี้ข่าวรับเหมาสร้างบ้านทิ้งงาน ส่งผลลูกค้าหันใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านที่มีชื่อเสียง ระบุการเมืองคลี่คลาย น้ำมันลด ปัจจัยหนุนตลาดครึ่งปีหลัง "วินด์มิลล์ อาร์คเท็ค"เครืออนันดาฯ

ในปัจจุบัน ธุรกิจรับสร้างบ้านมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญเกิดจากการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจให้มีความเด่นชัด แตกต่างกับรับเหมาก่อสร้างทั่วไป ถึงกระนั้น จากการมีลูกค้าบางกลุ่มอาจพิจารณาเรื่องราคามากกว่าคุณภาพ ทำให้ไปใช้บริการการรับเหมา ซึ่งอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการกระทำผิดสัญญาระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจและผู้บริโภค มีจำนวนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้ สคบ.ต้องพิจารณาหาแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยล่าสุดสคบ.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลการแก้ปัญหาการกระทำผิดสัญญา เพื่อกำหนดเป็นข้อปฏิบัติในการร่างสัญญาทั่วไป เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการฯว่าด้วยสัญญาให้วางกรอบข้อปฏิบัติ ที่ต้องกำหนดไว้ในการทำสัญญาทั่วไป ซึ่งอาจจะมีข้อกำหนดเบื้องต้นว่า ในการทำสัญญาทั่วไปจะต้องมีข้อปฏิบัติใดบ้างที่จะต้องเขียนไว้ในการทำสัญญาร่วมกัน

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯว่าด้วยสัญญามีมติเห็นชอบและกำหนดว่า จะต้องมีข้อกำหนดใดบ้างในตัวสัญญาดังกล่าว ก่อนจะออกเป็นประกาศเพื่อบังคับใช้ต่อไป และหากผู้ประกอบการรายใดร่างสัญญาโดยไม่มีข้อกำหนดตามที่สคบ.กำหนดไว้ จะต้องรับโทษตามกฎหมาย โดยขณะนี้ทางสคบ.กำลังพิจารณาอีกครั้งว่า หากไม่มีการปฏิบัติตามประกาศนั้น จะมีโทษถึงขั้นใด

สำหรับกรณี การกระทำความผิดสัญญาของบริษัท ภูธนแสงทอง และบริษัท พีทีเอส โฮม จำกัด บริษัท รับสร้างบ้านนั้น (ผู้จัดการรายวัน ได้นำเสนอข่าว "ลูกค้ารับสร้างบ้านวิ่โร่ร้องสื่อ ถูกเพรสซิเดนท์โฮมผิดสัญญาทิ้งงาน ฉบับวันพุธที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา " ปัจจุบัน สคบ.ได้สั่งฟ้องคดีในส่วนของบริษัท ภูธนแสงทองไปแล้ว1คดี จากจำนวน 6เรื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการส่งฟ้องคดีของอัยการ และสั่งฟ้องคดีบริษัท พีทีเอส โฮม จำกัด จำนวน 2 เรื่อง ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนั้น อยู่ในขั้นตอนทางศาลเรียกสืบพยานแล้ว (อนึ่ง ปัจจุบัน บริษัท เพรสซิเดนท์โฮมฯ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจรับสร้างบ้าน มีนายศิวัช ภูธนแสงทอง เป็นกรรมการผู้จัดการและเป็นผู้ก่อตั้ง 2 บริษัทข้างต้น)

***ลูกค้าหันใช้บริษัทชื่อเสียงดี
***ผวาข่าวรับเหมาทิ้งงาน
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บริษัทบิวท์ ทูบิวด์ จำกัด ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านกล่าวว่า สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งได้รับปัจจัยบวกจากการเมืองที่ดีขึ้น ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างเกือบทุกผลิตภัณฑ์เริ่มลดลง โดยเฉพาะเหล็กปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 40 บาท/กิโลกรัม จากที่เมื่อต้นปีราคา 44 บาท/กิโลกรัม ยกเว้นอลูมิเนียมที่ราคายังทรง ส่งผลให้ภาวะกดดันในเรื่องต้นทุนลดลงไปได้เล็กน้อย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลดีให้แก่บริษัทรับสร้างบ้านที่มีชื่อเสียงมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการสร้างบ้านแล้วไม่ได้บ้าน โดยในช่วงครึ่งปีแรกในกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ มียอดขายถึง 330 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 550 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายของบริษัทบิวท์ ทู บิวด์ จำนวน 160 ล้านบาท บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด 140 ล้านบาท

“ยอดขายดังกล่าวถือว่าเกินเป้า ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ โดยตามปกติ ยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกจะต่ำกว่าครึ่งปีหลังที่เป็นฤดูสร้างบ้าน ที่จะมียอดสูงกว่าครึ่งปีแรก 20-30% นอกจากนี้ในช่วงปลายปียังมีงานมหกรรมต่างๆจำนวนมาก โดยเฉพาะงานรับสร้างบ้าน 2008 ทำให้เรามั่นใจว่าปีนี้จะต้องมียอดขายสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน”

สำหรับงานรับสร้างบ้าน 2008 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค.นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางกลุ่มบริษัทเตรียมนำแบบบ้านใหม่ออกแสดงภายในงานกว่า 20 แบบ โดยตั้งเป้ายอดขายภายในงาน 200 ล้านบาท เป็นยอดขายจากบริษัทบางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ 100 ล้านบาท หรือประมาณ 50 หลัง ระดับราคาตั้งแต่ 9 แสนบาท – 2.5 ล้านบาท บิวท์ ทู บิวด์ เป้าหมาย 100 ล้านบาท หรือ 15-20 หลัง ระดับราคา 4-11 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สำหรับต้นทุนก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันประมาณ 5% แม้ว่าราคาน้ำมันในปัจจุบันจะเริ่มมีแนวโน้มลดลง ก็ไม่ทำให้ราคาสินค้าปรับลดลงได้มากนัก แต่การลดลงของราคาน้ำมันและราคาเหล็กทำให้บริษัทไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้า จากเดิมจะสต๊อกเหล็กใประมาณ 100-150 หลัง หรือประมาณ 3 เดือน ทำให้ลดต้นทุนไปได้มาก

“ปกติบริษัทรับสร้างบ้านทั่วไปจะไม่สามารถสต๊อกสินค้าได้ เพราะการก่อสร้างบ้านแต่ละหลังจะใช้เหล็กและวัสดุที่แตกต่างกัน แต่สำหรับกลุ่มบริษัทมีโรงงานพรีแฟ็บ วัสดุบางอย่างผลิตที่โรงงงานแล้วนำไปติดตั้ง ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ง่ายและควบคุมคุณภาพได้อีกด้วย”

***เครืออนันดาฯรุกตลาดระดับบน
เช่นเดียวกับนายสมศักดิ์ โรจน์ดรงค์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วินด์มิลล์ อาร์คิเท็ค จำกัด บริษัทออกแบบปลูกสร้างบ้านคุณภาพในเครือ บริษัท อนันดาฯ ระบุว่า จากปัญหาต่างๆที่เริ่มคลี่คลายลง คาดว่าในครึ่งปีหลังตลาดรับสร้างบ้านจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ขณะที่ การจับกลุ่มลูกค้าของบริษัทจะเน้นตลาดระดับบน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อการตัดสินใจของลูกค้า

โดยในช่วงครึ่งหลังนี้ หลังจากที่บริษัทได้ปรับราคาขายบ้านขึ้น 10% แล้ว บริษัทได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่เพิ่มอีก4 สไตล์จำนวน20แบบ ราคา6-50ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มตลาดระดับบน ภายใต้แนวคิด “ The Metro Lifestyle Living Mode ” สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายแล้ว 90ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 200 ล้านบาท และการเข้าร่วมงานรับสร้างบ้าน 2008 คาดว่าจะมียอดขายในงานและต่อเนื่องรวม 100 ล้านบาท

ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯแยกเป็น 2 ส่วน คือ รายได้จากการรับสร้างบ้าน 80% และสัดส่วนจากงานบริการและพัฒนา( Development Services) อีก 20% โดยตั้งเป้าจะรับงานบริการและพัฒนาปีละ 2 งาน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ คือ งานออกแบบ ก่อสร้างและทำตลาดให้แก่โครงการคอนโดมิเนียมในพัทยา ขนาด40 ยูนิตราคาขาย 5-15 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท และงานออกแบบโครงการไอดีโอ ติดสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น