เอเอฟพี/รอยเตอร์ – ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) กล่าววานนี้(19)ว่า ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก ทำให้พวกประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียประสบความลำบากสาหัสกว่าที่คาดหมายกันไว้ ขณะที่กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ก็ชี้ว่าเนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังทำท่าจะถึงขั้นอยู่ในภาวะชะงักงันในปีนี้ ทางไอเอ็มเอฟจึงคงจะต้องปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงอีกครั้ง
ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานเอดีบีกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงโตเกียว การที่พวกประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียกำลังมีการเติบโตช้ากว่าที่คาดหมายกันไว้ ทำให้เอดีบีอาจจะต้องลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ลงมา
ทั้งนี้ ในรายงานการคาดการณ์ฉบับปัจจุบันที่ออกมาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้พยากรณ์ว่าพวกประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะโตช้าลงเหลือ 5.8% ในปีนี้ จากที่ทำได้ 6.9% ในปี 2008
“เอเชียกำลังเผชิญการคุกคามที่ว่า ประชาชนซึ่งมีความอ่อนแอไม่ค่อยได้รับการคุ้มครองอะไรในทางสังคมอยู่แล้ว จะต้องเผชิญกับเงื่อนไขความเป็นอยู่ที่เลวร้ายลง สืบเนื่องจากกำลังมีการว่างงานเพิ่มทะยานขึ้น ในเมื่อเศรษฐกิจเติบโตชะลอลง” เขาบอก
“แต่เอเชียก็ยังคงเป็นเครื่องจักรของการเติบโตสำหรับเศรษฐกิจโลกอยู่นั่นเอง จากการที่พวกเศรษฐกิจพัฒนาแล้วทั้งหลายต่างกำลังอยู่ในสภาพหดตัว เอเชียจึงกลายเป็นภูมิภาคเพียงแห่งเดียวที่ยังมองเห็นการเติบโตขยายตัว ถึงแม้อยู่ในฝีก้าวที่ชะลอลงก็ตามที” คุโรดะชี้
ประธานเอดีบียังเรียกร้องให้พวกประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย อาทิ อินเดีย และจีน ดำเนินการต่างๆ เพื่อเพิ่มอุปสงค์ความต้องการภายในประเทศ จะได้ชดเชยผลกระทบจากการที่พวกประเทศพัฒนาแล้วรายสำคัญๆ ประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยและลดการสั่งซื้อสินค้าจากเอเชีย
เขาชี้ว่า บรรดาเศรษฐกิจที่พึ่งพาอาศัยการส่งออกเป็นตัวนำมานานปีแล้วเหล่านี้ จำเป็นจะต้องกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ และเพิ่มพูนการค้าภายในภูมิภาคเอเชียเอง
นอกจากนั้นเขาบอกว่า จำเป็นจะต้องมีการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศอย่างอินเดีย
ในส่วนจีนนั้น ประธานเอดีบีเห็นว่า จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งในระยะยาวแล้ว จีนจำเป็นต้องมีการลดภาษี, การคุ้มครองตำแหน่งงาน, และระบบประกันสังคมที่เข้มแข็งมั่นคง จึงจะสามารถกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศได้ยาวนานต่อเนื่อง
ทางด้าน โดมินิก สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ “เลส์ เอโก” ของฝรั่งเศสว่า ไอเอ็มเอฟคงต้องปรับลดคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงมาอีก ในเมื่อเห็ฯกันในเวลานี้ว่า เศรษฐกิจโลกทำท่าจะอยู่ในภาวะชะงักงัน โดยตัวเลขาสุดท้ายของปีนี้ “อาจจะอยู่ใกล้ๆ ศูนย์ทีเดียว”
เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง ไอเอ็มเอฟเพิ่งหั่นลดพยากรณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2009 ลงเหลือ 0.5% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่สองทีเดียว โดยที่ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ก็เพิ่งประมาณการไว้ว่าจะเติบโตในอัตรา 2.2%
“สถานการณ์เช่นนี้เป็นที่ชัดเจนมาก ปี 2009 ได้รับการวินิจฉัยกันไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และมันจะเป็นปีที่แย่เอามากๆ” บิ๊กบอสไอเอ็มกล่าวในบทสัมภาษณ์ซึ่งหนังสือพิมพ์นี้นำออกเผยแพร่ในฉบับวานนี้(19)
เขากล่าวด้วยว่า โชคชะตาของเศรษฐกิจโลกอาจจะเริ่มกระเตื้องดีขึ้นได้ราวๆ ตอนเริ่มต้นปี 2010 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า จะต้องมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับนโยบายภาครัฐ ตลอดจนจนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ
ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานเอดีบีกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงโตเกียว การที่พวกประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียกำลังมีการเติบโตช้ากว่าที่คาดหมายกันไว้ ทำให้เอดีบีอาจจะต้องลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ลงมา
ทั้งนี้ ในรายงานการคาดการณ์ฉบับปัจจุบันที่ออกมาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้พยากรณ์ว่าพวกประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะโตช้าลงเหลือ 5.8% ในปีนี้ จากที่ทำได้ 6.9% ในปี 2008
“เอเชียกำลังเผชิญการคุกคามที่ว่า ประชาชนซึ่งมีความอ่อนแอไม่ค่อยได้รับการคุ้มครองอะไรในทางสังคมอยู่แล้ว จะต้องเผชิญกับเงื่อนไขความเป็นอยู่ที่เลวร้ายลง สืบเนื่องจากกำลังมีการว่างงานเพิ่มทะยานขึ้น ในเมื่อเศรษฐกิจเติบโตชะลอลง” เขาบอก
“แต่เอเชียก็ยังคงเป็นเครื่องจักรของการเติบโตสำหรับเศรษฐกิจโลกอยู่นั่นเอง จากการที่พวกเศรษฐกิจพัฒนาแล้วทั้งหลายต่างกำลังอยู่ในสภาพหดตัว เอเชียจึงกลายเป็นภูมิภาคเพียงแห่งเดียวที่ยังมองเห็นการเติบโตขยายตัว ถึงแม้อยู่ในฝีก้าวที่ชะลอลงก็ตามที” คุโรดะชี้
ประธานเอดีบียังเรียกร้องให้พวกประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย อาทิ อินเดีย และจีน ดำเนินการต่างๆ เพื่อเพิ่มอุปสงค์ความต้องการภายในประเทศ จะได้ชดเชยผลกระทบจากการที่พวกประเทศพัฒนาแล้วรายสำคัญๆ ประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยและลดการสั่งซื้อสินค้าจากเอเชีย
เขาชี้ว่า บรรดาเศรษฐกิจที่พึ่งพาอาศัยการส่งออกเป็นตัวนำมานานปีแล้วเหล่านี้ จำเป็นจะต้องกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ และเพิ่มพูนการค้าภายในภูมิภาคเอเชียเอง
นอกจากนั้นเขาบอกว่า จำเป็นจะต้องมีการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศอย่างอินเดีย
ในส่วนจีนนั้น ประธานเอดีบีเห็นว่า จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งในระยะยาวแล้ว จีนจำเป็นต้องมีการลดภาษี, การคุ้มครองตำแหน่งงาน, และระบบประกันสังคมที่เข้มแข็งมั่นคง จึงจะสามารถกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศได้ยาวนานต่อเนื่อง
ทางด้าน โดมินิก สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ “เลส์ เอโก” ของฝรั่งเศสว่า ไอเอ็มเอฟคงต้องปรับลดคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงมาอีก ในเมื่อเห็ฯกันในเวลานี้ว่า เศรษฐกิจโลกทำท่าจะอยู่ในภาวะชะงักงัน โดยตัวเลขาสุดท้ายของปีนี้ “อาจจะอยู่ใกล้ๆ ศูนย์ทีเดียว”
เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง ไอเอ็มเอฟเพิ่งหั่นลดพยากรณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2009 ลงเหลือ 0.5% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่สองทีเดียว โดยที่ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ก็เพิ่งประมาณการไว้ว่าจะเติบโตในอัตรา 2.2%
“สถานการณ์เช่นนี้เป็นที่ชัดเจนมาก ปี 2009 ได้รับการวินิจฉัยกันไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และมันจะเป็นปีที่แย่เอามากๆ” บิ๊กบอสไอเอ็มกล่าวในบทสัมภาษณ์ซึ่งหนังสือพิมพ์นี้นำออกเผยแพร่ในฉบับวานนี้(19)
เขากล่าวด้วยว่า โชคชะตาของเศรษฐกิจโลกอาจจะเริ่มกระเตื้องดีขึ้นได้ราวๆ ตอนเริ่มต้นปี 2010 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า จะต้องมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับนโยบายภาครัฐ ตลอดจนจนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ