รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับลงอีกเกือบ 7 เปอร์เซ็นต์ จนหลุดต่ำกว่าระดับ 35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันอังคาร (17) สืบเนื่องมาจากสัญญาณต่าง ๆ อันน่าสยดสยองในทางเศรษฐกิจรุมขย้ำตลาดทั่วโลก จนหลอกหลอนให้นักลงทุนพากันหวาดผวาถึงเรื่องดีมานด์ความต้องการใช้น้ำมันจะตกต่ำด้วย
นักลงทุนต่างเกิดอาการหวั่นวิตกว่า ภาวะเศรษฐกิจทรุดโทรมในยุโรปตะวันออก อาจจะฉุดดึงให้บรรดาธนาคารของประเทศแถบตะวันตกถอนการลงทุนจากตลาดทั่วโลกถึงแม้นักลงทุนในสหรัฐฯ เริ่มใจชื้นขึ้นบ้างเมื่อ 2 ใน 3 ของบริษัทรถยนต์รายใหญ่สัญชาติอเมริกัน หรือที่เรียกกันว่า "บิ๊กทรี" แห่งดีทรอยต์ รีบเร่งส่งแผนกอบกู้อุตสาหกรรมรถยนต์ต่อรัฐบาล
เมื่อวันอังคาร(17) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ฉบับส่งมอบเดือนมีนาคมปิดที่ 34.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับลงมา 2.58 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 2.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
วิกฤตการณ์สินเชื่อได้ผลักให้ทั่วโลกคืบคลานสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยชะลอความต้องการพลังงาน และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทรุดลงฮวบฮาบจากที่เคยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระดับเหนือ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเดือนมกราคมปีก่อน
"ทิศทางเศรษฐกิจจะยังคงครอบงำตลาดน้ำมันในช่วงครึ่งแรกของปี 2009 เพราะสหรัฐฯ, ประเทศกลุ่มอียูและญี่ปุ่นล้วนแล้วแต่เข้าสู่ภาวะถดถอยด้วยกันทั้งสิ้น" แฮร์รี ชิลินกุยเรียน นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันจากบีเอ็นพี พาริบาสกล่าว "การตัดลดการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะส่งผลกระทบก็เฉพาะแต่ประเทศผู้บริโภคซึ่งมีน้ำมันในคลังสำรองร่อยหรอ"
ชากิบ คอลิล รัฐมนตรีน้ำมันของแอลจีเรีย ซึ่งเป็นชาติสมาชิกโอเปกกล่าวย้ำว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันคงจะตัดลงการผลิตน้ำมันลงอีกในเดือนมีนาคมนี้ หากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ก่อนหน้านั้นกลุ่มโอเปกเคยตัดลดกำลังการผลิตลงแล้วหลายระลอกตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2008 เพื่อยับยั้งการไหลรูดลงมาอย่างฮวบฮาบของดีมานด์และราคาน้ำมัน
เมื่อวันอังคาร (17) ยังเป็นวันที่บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามให้แผนกอบกู้เศรษฐกิจมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย กระนั้นตลาดทั่วโลกกลับถูกปกคุลมด้วยความหวาดผวาว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจะถลำลึกลงอีก แม้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ จะระดมมาตรการขนานใหญ่ขึ้นมาเยียวยาก็ตามที
"เราอยู่ท่ามกลางภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่น้ำมันในคลังเก็บเริ่มล้นเหลือจนเกือบจะทำสถิติใหม่แล้ว ดังนั้น มาถึงตอนนี้ คงยากจะมั่นใจหรือคาดหวังอะไรในอนาคต" ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จากอลารอน เทรดดิง ในเมืองชิคาโกกล่าว
น้ำมันดิบในคลังสำรองทั่วสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ติดกัน จนทำให้ซัปพลายน้ำมันพาณิชย์พุ่งสูงกว่า 350 บาร์เรลในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 กุมพาพันธ์ ทั้งนี้จากรายงานตัวเลขน้ำมันตามคลังเก็บทั่วประเทศในสัปดาห์ล่าสุดของสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ)
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ฉบับส่งมอบเดือนมีนาคมมีราคาถูกลงมากเมื่อเทียบกับงวดส่งมอบเดือนเมษายน ซึ่งปิดตลาดที่ราคา 38 .54 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากศูนย์คลังน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เมืองคุชชิง มลรัฐโอกลาโฮมากำลังมีปริมาณน้ำมันล้นเหลือ นอกจากนี้ สภาพที่น้ำมันในสหรัฐฯ มีเต็มล้นยังทำให้ทิศทางราคาน้ำมันดิบไลต์สวีตครูดถูกกว่าน้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอนด้วย
นักลงทุนต่างเกิดอาการหวั่นวิตกว่า ภาวะเศรษฐกิจทรุดโทรมในยุโรปตะวันออก อาจจะฉุดดึงให้บรรดาธนาคารของประเทศแถบตะวันตกถอนการลงทุนจากตลาดทั่วโลกถึงแม้นักลงทุนในสหรัฐฯ เริ่มใจชื้นขึ้นบ้างเมื่อ 2 ใน 3 ของบริษัทรถยนต์รายใหญ่สัญชาติอเมริกัน หรือที่เรียกกันว่า "บิ๊กทรี" แห่งดีทรอยต์ รีบเร่งส่งแผนกอบกู้อุตสาหกรรมรถยนต์ต่อรัฐบาล
เมื่อวันอังคาร(17) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ฉบับส่งมอบเดือนมีนาคมปิดที่ 34.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับลงมา 2.58 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 2.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
วิกฤตการณ์สินเชื่อได้ผลักให้ทั่วโลกคืบคลานสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยชะลอความต้องการพลังงาน และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทรุดลงฮวบฮาบจากที่เคยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระดับเหนือ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเดือนมกราคมปีก่อน
"ทิศทางเศรษฐกิจจะยังคงครอบงำตลาดน้ำมันในช่วงครึ่งแรกของปี 2009 เพราะสหรัฐฯ, ประเทศกลุ่มอียูและญี่ปุ่นล้วนแล้วแต่เข้าสู่ภาวะถดถอยด้วยกันทั้งสิ้น" แฮร์รี ชิลินกุยเรียน นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันจากบีเอ็นพี พาริบาสกล่าว "การตัดลดการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะส่งผลกระทบก็เฉพาะแต่ประเทศผู้บริโภคซึ่งมีน้ำมันในคลังสำรองร่อยหรอ"
ชากิบ คอลิล รัฐมนตรีน้ำมันของแอลจีเรีย ซึ่งเป็นชาติสมาชิกโอเปกกล่าวย้ำว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันคงจะตัดลงการผลิตน้ำมันลงอีกในเดือนมีนาคมนี้ หากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ก่อนหน้านั้นกลุ่มโอเปกเคยตัดลดกำลังการผลิตลงแล้วหลายระลอกตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2008 เพื่อยับยั้งการไหลรูดลงมาอย่างฮวบฮาบของดีมานด์และราคาน้ำมัน
เมื่อวันอังคาร (17) ยังเป็นวันที่บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามให้แผนกอบกู้เศรษฐกิจมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย กระนั้นตลาดทั่วโลกกลับถูกปกคุลมด้วยความหวาดผวาว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจะถลำลึกลงอีก แม้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ จะระดมมาตรการขนานใหญ่ขึ้นมาเยียวยาก็ตามที
"เราอยู่ท่ามกลางภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่น้ำมันในคลังเก็บเริ่มล้นเหลือจนเกือบจะทำสถิติใหม่แล้ว ดังนั้น มาถึงตอนนี้ คงยากจะมั่นใจหรือคาดหวังอะไรในอนาคต" ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จากอลารอน เทรดดิง ในเมืองชิคาโกกล่าว
น้ำมันดิบในคลังสำรองทั่วสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ติดกัน จนทำให้ซัปพลายน้ำมันพาณิชย์พุ่งสูงกว่า 350 บาร์เรลในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 กุมพาพันธ์ ทั้งนี้จากรายงานตัวเลขน้ำมันตามคลังเก็บทั่วประเทศในสัปดาห์ล่าสุดของสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ)
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ฉบับส่งมอบเดือนมีนาคมมีราคาถูกลงมากเมื่อเทียบกับงวดส่งมอบเดือนเมษายน ซึ่งปิดตลาดที่ราคา 38 .54 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากศูนย์คลังน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เมืองคุชชิง มลรัฐโอกลาโฮมากำลังมีปริมาณน้ำมันล้นเหลือ นอกจากนี้ สภาพที่น้ำมันในสหรัฐฯ มีเต็มล้นยังทำให้ทิศทางราคาน้ำมันดิบไลต์สวีตครูดถูกกว่าน้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอนด้วย
