ASTVผู้จัดการรายวัน - เจ มาร์ท เตรียมเข้าจดทะเบียนไตรมาส 2 รอเวลาที่เหมาะสมเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้เพิ่มขึ้น เตรียม จัดสรรหุ้นไอพีโอ 60 ล้านหุ้น แก่นักลงทุนทั่วไป และอีก 15 ล้านหุ้น ให้ผู้มีอุปการคุณจำนวนหุ้นไอพีโอทั้งสิ้น 75 ล้านหุ้น พร้อมเพิ่มธุรกิจรับซื้อหนี้และขยายร้านค้าเพิ่มอีก 80 สาขา
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้ช่วงไตรมาสที่ 2 ปีนี้ หลังจากที่สภาวะตลาดมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง) แล้ว โดยบริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งบริษัทมีทุนจดทะเบียนที่ 300 ล้านบาท และมีทุนเรียกชำระแล้วจำนวน 225 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยจัดให้นักลงทุนสาธารณะ 60 ล้านหุ้น และให้แก่ผู้มีอุปการคุณอีก 15 ล้านหุ้น
บริษัทคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจปี 51 ที่เพิ่มขึ้นแบบเท่าตัวจากผลประกอบการของปี 50 ภายใต้ วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งปีนี้เป็นปีที่การทำธุรกิจลำบากแต่ก็ถือเป็นปีที่ดีของบริษัท เพราะบริษัทเติบโตเต็มที่และมีทีมงานแกร่ง ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนขยายร้านค้าของธุรกิจจัดจำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์เสริม เพิ่มอีก 80 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 200 สาขา หรือเพิ่มเป็น 280 สาขา ในเวลา 3 ปี โดยงบลงทุนเฉลี่ยร้านค้าละประมาณ 1.5 ล้าน บาท รวมถึงเพิ่มธุรกิจรับซื้อหนี้ เข้ามาที่ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อราย ย่อย (Retail Finance) ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการดีลกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจประเภทนี้อยู่ 5 ราย โดยเชื่อมั่นว่าธุรกิจที่เพิ่มเข้ามานี้จะสามารถสร้างกำไรให้เพิ่มขึ้นได้ถึง 10% โดยใช้ระยะเวลาในการรับรู้รายได้ประมาณ 1-2 ปี แล้วแต่ประเภทของหนี้
'ธุรกิจใหม่จะเป็นแบบทยอยรับรู้เข้ามาเรื่อยๆ ประมาณ 2 ปี เนื่องจากหนี้เสียส่วนใหญ่จะมีอายุ 5-10 ปี ปัจจุบันหนี้ที่เราบริหารมี 1 หมื่นล้านบาท เป็นหนี้ที่ซื้อมา 2.5 พันล้านบาท ในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวบริษัทไม่มีมาตรการในการปลดพนักงานออกแต่กลับใช้กลยุทธ์ ในการเพิ่มหน้าที่ให้แก่พนักงานแต่ละคน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น' นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้ช่วงไตรมาสที่ 2 ปีนี้ หลังจากที่สภาวะตลาดมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง) แล้ว โดยบริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งบริษัทมีทุนจดทะเบียนที่ 300 ล้านบาท และมีทุนเรียกชำระแล้วจำนวน 225 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยจัดให้นักลงทุนสาธารณะ 60 ล้านหุ้น และให้แก่ผู้มีอุปการคุณอีก 15 ล้านหุ้น
บริษัทคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจปี 51 ที่เพิ่มขึ้นแบบเท่าตัวจากผลประกอบการของปี 50 ภายใต้ วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งปีนี้เป็นปีที่การทำธุรกิจลำบากแต่ก็ถือเป็นปีที่ดีของบริษัท เพราะบริษัทเติบโตเต็มที่และมีทีมงานแกร่ง ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนขยายร้านค้าของธุรกิจจัดจำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์เสริม เพิ่มอีก 80 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 200 สาขา หรือเพิ่มเป็น 280 สาขา ในเวลา 3 ปี โดยงบลงทุนเฉลี่ยร้านค้าละประมาณ 1.5 ล้าน บาท รวมถึงเพิ่มธุรกิจรับซื้อหนี้ เข้ามาที่ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อราย ย่อย (Retail Finance) ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการดีลกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจประเภทนี้อยู่ 5 ราย โดยเชื่อมั่นว่าธุรกิจที่เพิ่มเข้ามานี้จะสามารถสร้างกำไรให้เพิ่มขึ้นได้ถึง 10% โดยใช้ระยะเวลาในการรับรู้รายได้ประมาณ 1-2 ปี แล้วแต่ประเภทของหนี้
'ธุรกิจใหม่จะเป็นแบบทยอยรับรู้เข้ามาเรื่อยๆ ประมาณ 2 ปี เนื่องจากหนี้เสียส่วนใหญ่จะมีอายุ 5-10 ปี ปัจจุบันหนี้ที่เราบริหารมี 1 หมื่นล้านบาท เป็นหนี้ที่ซื้อมา 2.5 พันล้านบาท ในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวบริษัทไม่มีมาตรการในการปลดพนักงานออกแต่กลับใช้กลยุทธ์ ในการเพิ่มหน้าที่ให้แก่พนักงานแต่ละคน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น' นายอดิศักดิ์ กล่าว