บมจ.เจมาร์ท ไม่หวั่นภาวะผันผวน ลั่นเดินหน้าเข็นหุ้นเข้าตลาด ก.ค.นี้ แน่นอน ตั้งเป้ายอดขายมือถือ Q2/52 ไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนเครื่อง ประกาศเปิดตัวมือถือเจโฟนรวดเดียว 7 รุ่น พร้อมอัดงบโฆษณา 20 ล้านบาท หวังดันมาร์เก็ตแชร์ธุรกิจมือถือปีนี้ขยับจาก 2% เพิ่มเป็น 8% หลังเข็นเจโฟนสู่ท้องตลาด มั่นใจช่วง ศก.ชะลอตัว ผู้บริโภคจะหันมาสนใจมือถือฟังชั่นครบ-ราคาย่อมเยาว์ ขณะที่ร้านค้าปลีกก็จะได้ส่วนต่างและยอดขายเฮาส์แบรนด์มากกว่าอินเตอร์แบรนด์
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดกล่าวถึงความคืบหน้าในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในเดือนกรกฎาคม 2552 นี้ โดยยืนยันว่า เป็นไปตามแผนงานเดิม แม้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ค่อนข้างผันผวน พร้อมเชื่อว่าไม่น่าจะกระทบต่อแผนเข้าตลาดหุ้น
"ยอมรับว่า ในปี 2551 บริษัทได้เลื่อนแผนการเข้าตลาดฯ มาแล้วครั้งหนึ่ง จึงคาดการณ์ว่าครั้งนี้แผนในการเข้าตลาดฯ น่าจะยังคงเป็นไปตามเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง"
อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งเป้ายอดขายมือถือในไตรมาส 2 ปี 2252 มากกว่า 1.5 แสนเครื่อง โดยในไตรมาสนี้ บริษัทได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือเจโฟนรุ่นใหม่พร้อมกันถึง 7 รุ่น พร้อมวางจำหน่ายในเจมาร์ททุกสาขาทั่วประเทศ และจำหน่ายใน IT Juntion 29 แห่งใน BIGC
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทุ่มงบโฆษณามากกว่า 20 ล้านบาท เพื่อที่ให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงมือถือรุ่นใหม่ทั้ง 7 รุ่นดังกล่าว รวมถึงบริการหลังการขายของเจโฟนที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยการรับประกันการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้กับลูกค้าที่ซื้อเจโฟนภายใน 14 วัน และรับประกันการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ภายใน 7 วัน ซึ่งการรุกทำตลาดมือถือเจโฟนครั้งนี้น่าจะทำให้มีผู้สนใจเข้าร่วมโปรแกรมสมัครเป็นเจมาร์ทพาร์ทเนอร์ เพิ่มขึ้นกว่า 2 พันราย
ด้านนายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้อำนวยการบริหารสายงานการตลาดและการขาย เจมาร์ท เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ธุรกิจมือถือปีนี้อยู่ที่ 8% จากเดิมที่ต่ำกว่า 2% หลังจากที่เจมาร์ทได้เปิดตัวมือถือเจโฟนออกขายในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรายได้ของมือถือเจโฟนคิดเป็นประมาณ 30% ของยอดขายทั้งหมด โดยวางเป้าการขายมือถือเจโฟนในปีนี้ไว้ที่ 5 แสนเครื่อง
ส่วนเป้ายอดขายมือถือโดยรวมทั้งปีวางไว้ที่กว่า 1 ล้านเครื่อง โดยเป็นการเติบโต 20% จากปีก่อน ขณะที่ยอดขายในไตรมาส 1 ปี 2552 สำหรับโทรศัพท์มือถือโดยรวมเติบโตกว่าไตรมาส 4 ปี 2551 เนื่องจากเริ่มมีมือถือรุ่นใหม่เข้าขายทำให้การตอบสนองของลูกค้าเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวผู้บริโภคก็จะหันมาสนใจมือถือฟังชั่นส์ที่ครอบคลุมและราคาก็เหมาะสม โดยลูกค้าก็จะหันมาสนใจมือถือในกลุ่มเฮ้าส์แบรนด์ เพราะมีฟังชั่นส์ทีครบและราคาขายก็เหมาะสม ซึ่งในแง่ของผู้ประกอบการก็จะได้รับประโยชน์จากสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เนื่องจากมาร์จิ้นค่อนข้างดีกว่าสินค้าอินเตอร์แบรนด์