xs
xsm
sm
md
lg

จากครูอารมณ์ถึงแม่น้องโบว์...

เผยแพร่:   โดย: สำราญ รอดเพชร

แม้กรณี “เดอะต่อ” ต่อพงษ์ เศวตามร์ บก.บันเทิง ASTVผู้จัดการ ถูกอันธพาลใจหมาดักทุบหัวใกล้ๆ กับสถานีวิทยุชุมชน 97.75 เมกะเฮิรตซ์ ผมจะรู้สึกสะเทือนใจมากแต่ไม่มากเท่าอีกสองเรื่องที่จะเขียนถึงก็ตาม แต่ก็ขอส่งกำลังใจไปให้ “เดอะต่อ” ขอให้รีบรักษาแผลและเดินหน้าเอาเรื่องเอาราวกันตามวิถีแห่งลูกผู้ชายให้ถึงที่สุดกันต่อไป...

-1-

เรื่องที่สะเทือนใจมากก็คือ การจากไปของ “พี่อารมณ์” หรืออาจารย์อารมณ์ มีชัย ที่ใครหลายคนเรียกว่า “แม่อารมณ์” หรือไม่ก็ “ครูอารมณ์” เมื่อ 22.38 น.คืนวันที่ 16 ก.พ. 2552 หรือเพียงไม่กี่นาทีที่รายการ “แอน จินดารัตน์” นำเทปสัมภาษณ์อาจารย์อารมณ์แพร่ภาพทาง ASTV

ประหนึ่งว่าอาจารย์อารมณ์เฝ้ารอรับรู้..ก่อนที่จากลาไปอย่างสงบ

เรื่องของมะเร็งโรคร้ายที่คุกคามกดดันอาจารย์อารมณ์มาตั้งแต่ปี 2549 เป็นที่รับรู้ของทุกคนที่เข้าร่วมการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี 2551

จำได้ว่าครั้งแรกๆ ที่ผมเชิญอาจารย์อารมณ์ขึ้นปราศรัย ได้ขออนุญาตท่านประกาศให้ทุกคนรับทราบว่าอาจารย์กำลังมีชีวิตอยู่กับมะเร็งระยะสุดท้าย ทั้งนี้ก็ด้วยความชื่นชมในความเสียสละ ความหาญกล้า...

แม้เสียงจะแหบพร่า แต่สาระที่อาจารย์อารมณ์ปราศรัยก็ได้น้ำได้เนื้อ เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ด้วยน้ำใสใจจริง เปิดโปงโจมตี “การเมืองเก่า” นำเสนอเรียกร้อง “การเมืองใหม่” อย่างตรงเป้าหลายเรื่องหลายประเด็น…

อาจารย์อารมณ์ไปร่วมชุมนุมสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่ได้ขึ้นปราศรัยทุกวัน หลายต่อหลายครั้งงยังให้กำลังใจน้องๆ และลูกๆ หลานๆ

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับกำลังใจจากท่าน ทั้งๆ ที่ผมเสียอีกที่ควรจะให้กำลังใจท่าน

“ตั้งแต่รู้จักน้องสำราญมา พี่คิดว่าหนนี้แหละที่พี่ขอยอมรับว่าน้องสำราญหนักกว่าพี่ เสียสละมากกว่าพี่เป็นร้อยเท่า อย่าเครียดนะ พี่รู้ว่าบางช่วงน้องเครียด เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าไปเครียด ฟ้ามีตา สวรรค์มีใจเชื่อพี่เถอะ..” กำลังใจทำนองนี้แหละที่ผมได้รับจากผู้หญิงวัย 66 ที่ร่างกายอิดโรย เหนื่อยล้า แต่ดวงตาเปล่งประกายการต่อสู้ไม่สิ้นสุด

อันที่จริงผมรู้จักคุ้นเคยกับครอบครัวของอาจารย์อารมณ์มาตั้งแต่ปี 2517 ในฐานะที่เป็นคนบ้านเดียวกัน (นครศรีธรรมราช) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาจารย์เจริญ มีชัย สามีของอาจารย์อารมณ์ที่ล่วงลับไปแล้วนั้น ในห้วง พ.ศ.2517- 20 ได้ทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดทางการเมืองกันมาก

ปลายปี 2520 ผมลาออกจากครูสอนหนังสือ เปลี่ยนเข็มมาเป็นนักข่าวจึงแทบจะไม่ได้พบปะกับครอบครัว “มีชัย” อีกเลย กระทั่งช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 และช่วงที่อาจารย์อารมณ์ขับเคลื่อนบทบาทผ่าน “สมาพันธ์ประชาธิปไตย”

และกระทั่ง 2549 และ2551 ที่อาจารย์อารมณ์คือหนึ่งใน...พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และจากเราไปในวันที่ “การเมืองใหม่” ยังไม่ปรากฏ แต่ผมเชื่อมั่นว่าวิญญาณของอาจารย์อารมณ์ย่อมรับรู้ได้ว่า จะมีผู้สืบสานอุดมการณ์ ความศรัทธาเชื่อมั่นของอาจารย์ให้เป็นจริงในวันข้างหน้า..

หลับพักผ่อนให้สบายนะครับ พี่อารมณ์...อาจารย์อารมณ์..ผู้เคยถามผมว่า ทำไมหลายปีมานี้ไม่ยอมเขียนกลอนเลย ผมบอกว่า..เพราะเขียนไม่ดี ไม่คม เลยวางมือ แต่วันนี้จะเขียนให้พี่..

แล้วดาวอีกหนึ่งดวงก็ร่วงดับ
ยังวาววับจับใจไปทุกหน
“ครูอารมณ์” คมค่าราคาคน
เต็มตัวและเต็มตน บนความดี

เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดร่าง
ทุกก้าวย่างเทียนแห่งธรรมนำวิถี
ทุกย่างก้าวฝันใฝ่ในเสรี
การเมืองใหม่จักต้องมี..วัน “มีชัย”


-2-

อีกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ 16 ก.พ. 2552 และสะเทือนใจประทับใจไม่รู้เลือนเช่นเดียวกันก็คือ..กรณี คุณวิชชุดา ระดับปัญญาวุฒิ คุณแม่ของ “น้องโบว์” อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 7 ต.ค. 2551 ได้ยอมให้อภัย พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทั้งนี้ตามที่ศาลได้แนะนำไกล่เกลี่ย นำคดีเข้าสู่กระบวนการประนอมข้อพิพาท

โดยพล.ต.ต.สุรพลในฐานะจำเลยได้ทำบันทึกแสดงความเสียใจ และกราบขอบพระคุณโจทก์ที่ให้อภัย โทษฐานที่ตัวเองให้สัมภาษณ์ใส่ร้าย “น้องโบว์” ว่าเสียชีวิตเพราะพกพาระเบิดในขณะชุมนุม..

ผมดูสีหน้าแววตาคุณวิชชุดาที่รับไหว้การขอโทษของพล.ต.ต.สุรพลแล้ว บอกได้คำเดียวว่า..ตื้นตันจนบอกไม่ถูก นี่มันคือความเสียสละ คือหัวใจอันกว้างใหญ่ไพศาล หัวใจของคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่เทียบไม่ได้กับนายตำรวจหลายต่อหลายคนที่ใจแคบ เห็นแก่ตัว รักแต่พวกพ้องและเอาแต่ตัวรอด...

ต้องไม่ลืมว่าไม่เพียงสูญเสียลูกสาว หากแต่ตัวคุณวิชชุดาก็ถูกระเบิดจากการชุมนุมจนได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน..ถ้าถามใจเราๆ ท่านๆ ผมว่าหลายคนคงไม่อยากเลือกหนทางการให้อภัย..

แต่คุณวิชชุดา ครอบครัวของ “น้องโบว์” ไม่ขัดข้อง..

จะว่าไป..การขออภัย การให้อภัยก็เป็นเรื่องที่งดงามสำหรับสังคมไทย ขอเพียงแต่ให้การขออภัย การให้อภัยเกิดจากน้ำใสใจจริง โดยเฉพาะคนที่ขออภัยจะต้องมีสำนึกรับผิดด้วย

หลังเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือดนองว่า นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มือเปื้อนเลือด นับแต่ ผบ.ตร., ผบช.น.ไล่เรียงมาจนถึงมือสังหารภาคสนาม ได้ตบเท้าชักแถวออกมาขอโทษต่อสังคมต่อประชาชนและก้มหน้ารับผิด คำให้อภัยจากสังคมก็น่าจะมีอยู่พอสมควร ความสมานฉันท์มันอาจจะพอมีเชื้ออยู่บ้าง

แต่นี่เหตุการณ์กลับตรงข้าม...มันละม้ายคล้ายเหมือนพวกเพื่อไทยเพื่อแม้วเป๊ะเลย...ทำผิดแล้ว ยังจะมาด่าคนอื่น พร้อมๆ กับขอนิรโทษกรรมอีกต่างหาก

ครับ ผมขอคารวะจิตใจคุณวิชชุดา...และเรียกร้องให้พล.ต.ต.สุรพลช่วยไปกล่อมให้พรรคพวกเพื่อนฝูงได้ดวงตาเห็นธรรม มีความสำนึกผิดกันบ้าง อย่าดันทุรังคิดแต่จะถอดถอน ป.ป.ช.หวังให้ตัวเองพ้นผิดอยู่เลย.
กำลังโหลดความคิดเห็น