รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรุดฮวบ 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันอังคาร (10) ลงมาอยู่ระดับต่ำกว่า 38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อยในวันพุธ (11) ภายหลังจาก หน่วยงานด้านพลังงานตัดลดประมาณการความต้องการใช้น้ำมันของโลกลงอีก มิหนำซ้ำยังมีปัจจัยฉุดจากอาการหวาดผวาของนักลงทุน ซึ่งกังวลว่า แผนกอบกู้เศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจล้มเหลวในการหยุดยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในวันอังคารน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ลดลง 2.01 ดอลลาร์ ปิดที่ 37.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอน ปิดที่ 44.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 1.41 ดอลลาร์
ต่อมาระหว่างการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในวันพุธ (11) เมื่อถึงเวลา 10.19 น.จีเอ็มที (17.19 น. เวลาเมืองไทย) น้ำมันดิบไลต์สวีตครูดมีแรงดีดขึ้นมา 50 เซ็นต์ อยู่ที่ 38.05 โดยช่วงหนึ่งระหว่างการซื้อขายราคาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 38.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์สูงขึ้น 51 เซ็นต์ อยู่ที่ 45.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้วุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (10) จะลงมติผ่านแผนกอบกู้เศรษฐกิจมูลค่า 838,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่บรรดานักลงทุนกลับวิตกถึงขั้นตอนต่อมาในการเจรจาอันเข้มข้นเพื่อรวมร่างกฎหมายของสภาสูงและสภาล่าง ซึ่งมีรายละเอียดต่างกันให้กลายเป็นฉบับเดียว ก่อนลงมติขั้นสุดท้ายกันอีกครั้ง
นอกจากนั้นสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) ได้แถลงตัดลดประมาณการความต้องการใช้น้ำมันประจำปี 2009 ลงมา 400,000 บาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) จากการคาดหมายก่อนหน้า เท่ากับว่าอีไอเอกำลังประมาณการว่า ความต้องการน้ำมันในปีนี้จะลดลงจากปี 2008 ถึง 1.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การคาดการณ์ของอีไอเอสอดคล้องกับรายงานล่าสุดของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) อันเป็นหน่วยงานศึกษาวิจัยด้านพลังงานของพวก 28 ประเทศพัฒนาแล้ว ที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (10) โดยได้ตัดลดประมาณการความต้องการใช้น้ำมันประจำปี 2009 ว่าจะลดจากปี 2008 อยู่ 980, 000 บาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) จากเดิมที่เคยพยากรณ์ไว้ว่าจะลดลงมา 500,000 บาร์เรลต่อวัน
"ผมไม่ประหลาดใจเลยซักนิด ที่อีไอเอและนักวิเคราะห์คนอื่น ๆ ซึ่งคอยจ้องมองตลาดเหล่านี้ จะตัดลดตัวเลขความต้องการน้ำมันลงเรื่อย ๆ และแน่นอนนั่นจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันในด้านลบ" แอดดิสัน อาร์มสตรอง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาดของเทรดิชัน เอนเนอร์จี ในมลรัฐคอนเนตทิคัตกล่าว
"สำหรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ว่ารัฐสภาจะอนุมัติภายในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า หรือกระทั่งเดือนหน้า ยังจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยครึ่งปี ก่อนที่ผลต่าง ๆ จะเริ่มแทรกซึมสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงไม่คิดว่าบรรดาตลาดน้ำมันจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้" อาร์มสตรองบอก
ในวันอังคารน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ลดลง 2.01 ดอลลาร์ ปิดที่ 37.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอน ปิดที่ 44.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 1.41 ดอลลาร์
ต่อมาระหว่างการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในวันพุธ (11) เมื่อถึงเวลา 10.19 น.จีเอ็มที (17.19 น. เวลาเมืองไทย) น้ำมันดิบไลต์สวีตครูดมีแรงดีดขึ้นมา 50 เซ็นต์ อยู่ที่ 38.05 โดยช่วงหนึ่งระหว่างการซื้อขายราคาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 38.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์สูงขึ้น 51 เซ็นต์ อยู่ที่ 45.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้วุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (10) จะลงมติผ่านแผนกอบกู้เศรษฐกิจมูลค่า 838,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่บรรดานักลงทุนกลับวิตกถึงขั้นตอนต่อมาในการเจรจาอันเข้มข้นเพื่อรวมร่างกฎหมายของสภาสูงและสภาล่าง ซึ่งมีรายละเอียดต่างกันให้กลายเป็นฉบับเดียว ก่อนลงมติขั้นสุดท้ายกันอีกครั้ง
นอกจากนั้นสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) ได้แถลงตัดลดประมาณการความต้องการใช้น้ำมันประจำปี 2009 ลงมา 400,000 บาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) จากการคาดหมายก่อนหน้า เท่ากับว่าอีไอเอกำลังประมาณการว่า ความต้องการน้ำมันในปีนี้จะลดลงจากปี 2008 ถึง 1.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การคาดการณ์ของอีไอเอสอดคล้องกับรายงานล่าสุดของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) อันเป็นหน่วยงานศึกษาวิจัยด้านพลังงานของพวก 28 ประเทศพัฒนาแล้ว ที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (10) โดยได้ตัดลดประมาณการความต้องการใช้น้ำมันประจำปี 2009 ว่าจะลดจากปี 2008 อยู่ 980, 000 บาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) จากเดิมที่เคยพยากรณ์ไว้ว่าจะลดลงมา 500,000 บาร์เรลต่อวัน
"ผมไม่ประหลาดใจเลยซักนิด ที่อีไอเอและนักวิเคราะห์คนอื่น ๆ ซึ่งคอยจ้องมองตลาดเหล่านี้ จะตัดลดตัวเลขความต้องการน้ำมันลงเรื่อย ๆ และแน่นอนนั่นจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันในด้านลบ" แอดดิสัน อาร์มสตรอง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาดของเทรดิชัน เอนเนอร์จี ในมลรัฐคอนเนตทิคัตกล่าว
"สำหรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ว่ารัฐสภาจะอนุมัติภายในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า หรือกระทั่งเดือนหน้า ยังจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยครึ่งปี ก่อนที่ผลต่าง ๆ จะเริ่มแทรกซึมสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงไม่คิดว่าบรรดาตลาดน้ำมันจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้" อาร์มสตรองบอก
