กลับมาฮือฮาอีกครั้ง...กับการเปิดตัวของ "นายยงยุทธ ติยะไพรัช" หรือที่ทุกคนรู้จักในฉายา "ยุทธ ตู้เย็น" หลังจากเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา เขาได้ออกมาตีฆ้องร้องป่าวชนิด "กินปูนร้อนท้อง" อ้างว่าถูกการเมืองป้ายสีว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีคดีสังหารโหด "นายกรเทพ วิริยะ" หรือ "ชิปปิ้งหมู" พร้อมโชว์หลักฐาน-ซีดี ภาพกลุ่มทหารเข้าบุกค้นบ้านพักย่านประชาชื่น เมื่อวันที่ 20 ก.ย.49 หลังการรัฐประหาร โดยปฎิเสธว่า เขาไม่เกี่ยวกับคดีชิปปิ้งหมู
ก่อนย้อนรอยคดี "ฆ่าชิปปิ้งหมู" ขอทบทวนความทรงจำที่มาแห่งฉายา "ยุทธ ตู้เย็น" ของนายยงยุทธ พอสังเขป กล่าวคือฉายานี้ได้มาจากปฏิบัติการสนองนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณ เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 7 ก.ค.47 ตำรวจคอมมานโดนำโดย พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้บังคับการกองปราบปราม (ขณะนั้น) นำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านของนายนิสสัย ศตะกูรมะ อายุ 70 ปี และนางอุดม ศตะกูรมะ อายุ 67 ปี สองตายายที่ ต.เชียงรากน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นเปิดฉากยิงถล่มโดยนายยงยุทธ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อ้างว่าได้ข้อมูลจากตู้ ปณ.ร้องทุกข์นายกรัฐมนตรี แจ้งว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นแหล่งผลิตและค้ายาบ้า
แต่ผลการตรวจค้นกลับไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ โดยพบเพียงสภาพบ้านได้รับความเสียหายจากห่ากระสุน โดยเฉพาะหลักฐาน "ตู้เย็น" ในบ้านมีรูกระสุนกว่า 50 นัด
หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น สื่อมวลชนจึงตั้งฉายาให้นายยงยุทธ ว่า "ยุทธ ตู้เย็น"
มาถึงคดี "ฆ่าชิปปิ้งหมู" หรือนายกรเทพ วิริยะ คดีนี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" เป็นนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 2545 เสร็จสิ้นลง นายกรเทพ ซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญแก่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับประเด็นการเลี่ยงภาษีการนำเข้าอุปกรณ์สื่อสารของบริษัทชินแซทเทิลไลท์ ของตระกูลชินวัตร
หลังจากนั้น นายกรเทพ ถูกข่มขู่ จึงหลบไปกบดานที่ จ.เชียงราย แต่สุดท้ายก็ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 มี.ค.46 บริเวณถนนเข้าดอยหมู่บ้านแสนใจ รอยต่อ ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน และ ต.แม่สลอง ใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. เข้าท้ายทอย กกหูซ้าย และลำตัว รวม 3 นัด
ตำรวจยุคนั้นตั้งประเด็นการสอบสวนว่า เป็นเพราะ "ชิปปิ้งหมู" พัวพันกับเรื่องค้ายาเสพติด
ซ้ำร้ายชิปปิ้งหมู ยังถูก "พ.ต.ท.ทักษิณ" กล่าวหาว่า "เขาไปอยู่ที่เชียงราย ก่อนเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2543 และไปมีภรรยาเป็นชาวอีก้อ นายกรเทพ ยังไปอยู่ในหมู่บ้านที่มีกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน ผมก็จำไม่ได้ แต่ทราบว่า ถูกยึดทรัพย์ในคดียาเสพติด และบริเวณนั้นเป็นย่านที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดมากมาย"
ขณะที่ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) กล่าวว่า ชิปปิ้งหมู เป็นพยานของนายศิริโชค ซึ่งนายศิริโชค ถูกฟ้องร้องจากบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ จำกัด เป็นจำนวน 11,000 กว่าล้านบาท และเรื่องดังกล่าวจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาล ชิปปิ้งหมู อาจจะไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะยืนยันให้น้ำหนักในคดีนี้ได้และทำท่าว่าจะแพ้คดี การเสียชีวิตของชิปปิ้งหมู ก็อาจทำให้คนสงสัยได้ว่า เป็นการกระทำของผู้ใดผู้หนึ่ง ในการตัดตอนพยาน
เรื่องนี้ นางภัทราภรณ์ วิริยะ ภรรยาของ “ชิปปิ้งหมู” ได้ให้การกับพ.ต.ต.พิเชษฐ์ ฟองฟู สารวัตรเวรเจ้าของคดี สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ว่าสามี ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครในพื้นที่มาก่อน แต่ไม่ทราบเรื่องราวลึกๆ เกี่ยวกับสามี เพราะไม่ต้องการเข้าไปก้าวก่ายเรื่องใดๆทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม หากนับเวลาจาก 26 มี.ค.46 จนถึงขณะนี้ เป็นเวลา เกือบ 6 ปีที่ “ชิปปิ้งหมู” ถูกยิงตาย ท่ามกลางข้อสงสัยว่า เขาถูกยิงเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด ....
พัวพันยาเสพติด ตามที่รัฐบาลทักษิณ กล่าวหา หรือ ถูกฆ่าปิดปากในคดีการเมืองที่โยงใยถึงบุคคลในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนั้น
คดีนี้เมื่อ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ได้รับมอบภารกิจสำคัญจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในการสืบสวนสอบสวนหาความจริง จนการทำงานใกล้ถึงขั้นศาลออกหมายค้น ในเช้าวันที่ 6 ก.พ.52 เพื่อให้ทีมสืบสวนกองปราบปรามเข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 81 หมู่บ้านดง หมู่ 7 ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านของนายยงยุทธ และเป็นสำนักงานของ น.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาว
แต่กลับมีกระแสข่าวออกมาว่า ศาลเตรียมออกหมายค้น "กลุ่มคนเสื้อแดง" ภายใต้ชื่อกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ใน จ.เชียงราย ที่มี น.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ เป็นแกนนำ จึงมีประชาชนประมาณ 20 คน ได้พากันไปรวมตัว โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ตำรวจกองปราบปรามเข้าไปตรวจค้นบ้านของนายยงยุทธ มีการปิดประตูบ้าน และจัดเวรยามเฝ้าตรวจสอบรถรา แต่ละคันที่จะเข้าออก เพื่อป้องกันบุคคลแปลกปลอมเข้าไปภายในบ้าน
ขณะที่การสืบสวนสอบสวนในทางลึกของตำรวจส่วนกลาง ที่ก่อนหน้านี้ได้ลงพื้นที่ อ.แม่จัน พร้อมกับมีการจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับข้าราชการคนมีสีในพื้นที่ พบว่าผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับคดีนี้ล้วนแต่เป็นคนใกล้ชิดของนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่ทั้งสิ้น
จนมาถึงวันที่ 9 ก.พ.52 "นายยงยุทธ ติยะไพรัช" ได้ออกมาแถลงข่าว พร้อมกับตั้ง"สมมุติฐาน"ว่า ถ้าผู้มีอำนาจทั้งหมดคิดว่าสามารถกำจัดพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย และกลุ่มเสื้อแดง รวมถึงฝ่ายตรงข้าม และกลุ่มพวกพ้องของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยวิธีการเดิมแล้ว จะทำให้บ้านเมืองสงบได้ แม้จะจับตัวไปคุมขัง ฆ่าให้ตายทั้งหมด ตนก็เชื่อมั่นว่า ไม่มีหนทางที่จะเป็นไปได้
"วันนี้ผมจะสู้ให้ถึงที่สุด และจะบอกให้รู้ว่า การกลั่นแกล้งทางการเมือง ปล่อยข่าวมาจนเชื่อว่าเป็นความจริง ทุกวันนี้ผมไม่เถียงซักคำ จะได้รู้เสียที ไม่ว่าชาติหน้า ชาติไหน ก็ตามว่า ถูกกระทำทั้งหมด ซึ่งวันนี้เป็นคดีที่ 9 แล้ว" นายยงยุทธกล่าว
การออกมาเคลื่อนไหวของ นายยงยุทธ เหตุเพราะเขาร้อนตัวเหมือนที่ "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกรัฐมนตรี และ "นายศิริโชค โสภา" ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตุเหมือนกันว่า"นายยงยุทธ ไม่ควรร้อนตัวออกมาแถลงข่าวแก้ต่างในเรื่องนี้ เพราะเหมือนเป็นการกินปูนร้อนท้อง การสอบสวนคดีนี้ควรจะปล่อยให้กระบวนการต่างๆเดินหน้าไป เพราะรัฐบาลนี้ ยืนยันว่า จะไม่ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือทางการเมือง หากนายยงยุทธ มั่นใจว่าไม่ผิดจริง ก็น่าจะรอไว้สู้คดีตามแนวทางกระบวนการยุติธรรมจะดีกว่า"
ท้ายสุดข้อ "สมมุติฐาน" ของนายยงยุทธ จะเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงข้อกล่าวหาแบบเลื่อนลอย ที่หวังเพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง ส่วนคดีนี้ "พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง" 2 นายตำรวจมือดี จะปิดคดีอย่างไร...คำตอบสุดท้ายใครคือตัวการสั่งฆ่า"ชิงปิ้งหมู"
ไม่นานเกินรอ"ยุทธ ตู้เย็น"ได้รับคำตอบแน่ !!!