xs
xsm
sm
md
lg

“ยงยุทธ” เจ็บ “ศิริโชค” ว่ากินปูนร้อนท้อง แจ้งความแก้เกี้ยวฐานหมิ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยงยุทธ ติยะไพรัช
“ยงยุทธ” แถลงแก้ตัว หลังถูกย้อนร้อนตัว เผย มอบซีดีให้ 2 อดีต พล.อ.ที่เกี่ยวข้องกับคมช.พร้อมเหน็บนายกฯ สร้างความสมานฉันท์ได้ แต่ไม่ทำ ย้ำจิตวิญญาณไม่เคยตาย จวก “สรรเสริญ” อย่าคะนองปากให้ร้องศาล อ้างไม่มีกระบวนการยุติธรรม ฟ้อง “ศิริโชค” ข้อหาหมิ่นประมาท กล่าวหาว่ากินปูนร้อนท้อง ทั้งขู่ฟ้ององค์กรสิทธิมนุษยชน ชี้เอา “แม้ว” มาติดคุกหรือฆ่า เท่ากับราดน้ำมันบนกองไฟ

วันนี้ (11 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน แถลงถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า ร้อนตัว กินปูนร้อนท้อง รวมทั้งกรณีที่ทหารระบุว่า ภาพในซีดีที่นำออกมาแถลงข่าวนั้น เป็นของเก่า ว่า ตนไม่สนใจข้อกล่าวหา และการตรวจค้น แต่การราดน้ำมันบนกองไฟ บ้านเมืองจะเสียหาย ภาพในซีดีดังกล่าวตนมอบให้อดีตพลเอก 2 คนที่เกี่ยวข้องกับ คมช.ไปแล้ว และภาพที่ตนนำมาฉายนั้นเป็นเพียง 2 ตอนจาก 10 กว่าตอนที่ตนบันทึกได้ไว้

นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า ขอเตือนอีกครั้ง ว่า หากพนักงานสอบสวนจะฟังคำสั่งนักการเมือง เพื่อสร้างพยานหลักฐานเท็จ คดีนี้มีอายุความ หากกระบวนการยุติธรรมของประเทศกลับมาในวันใด สิ่งเหล่านี้ก็จะปรากฏออกมา ตนผ่านการเลือกตั้งหลายครั้ง ช่วงที่เป็นรัฐบาลพนักงานสอบสวนหลายคนเล่าให้ฟังว่า นายสั่งแบบนั้นแบบนี้เสมอในช่วงเป็นรัฐบาล แต่เมื่อตนอยู่ฝ่ายตรงข้ามมักจะเป็นผู้ต้องหา สิ่งเหล่านี้จะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ แม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเขียนประวัติศาสตร์เสื่อมเสียต่อประเทศ คือ การไม่พยายามสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ ทั้งๆ ที่ต้องสร้างบรรยากาศความรักและเข้าใจ พยายามแล้วไม่สำเร็จก็ต้องพยายามใหม่ เพราะบาดแผลที่ล้างไปนั้น มันลึกและยากที่จะเยียวยา หากปล่อยไว้แบบนี้ ทั้งๆ ที่นายกฯทำได้ แต่กลับไม่ทำนั้นบ้านเมืองจะเสียหายมาก

นายยงยุทธ กล่าวว่า การส่งนายตำรวจบางนาย ลงไปในพื้นที่ภาคเหนือ ชาวบ้านไม่กลัว แต่สิ่งที่ทำไปนั้น เหมือนเหยียดหยาม เพราะทำร้ายพรรคที่พวกเขาเคยอยู่ การนำบุคคลฝั่งตรงข้ามไปอยู่ในพื้นที่ มันทำให้บ้านเมืองเสียหาย หากชาวบ้านไม่ยอมรับ สักวันจะลุกฮือและเรียกร้อง กุนซือที่ให้ข้อคิดเห็นในการกำจัด ฆ่า ขังคุกนั้น ขอย้ำว่า จิตวิญญาณไม่ตาย และทราบว่า วันที่ 14 ก.พ.กลุ่มพันธมิตรฯจะไปจัดคอนเสิร์ตที่ จ.อุดรธานีนั้น คอยดูว่า หากรัฐบาลปล่อยให้เกิดขึ้นจะเกิดความปรองดองได้เช่นใด การแสดงออกด้วยความตั้งใจที่รักบ้านเมืองมันจำเป็น รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการและทุกฝ่ายต้องร่วมมือ

“บางฝ่ายถามว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่หยุด เพราะวันนี้มีกระบวนการจับ ขัง ฆ่าประชาชนที่ต่อต้านจะหยุด และหมดไปนั้น คือ ทุกฝ่ายต้องคุยกัน เรื่องซีดีทหารที่บุกรุกบ้านของผม และ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส.บอกว่า จัดฉากนั้น ผมนำมาให้ดู 2 ตอนจาก 10 กว่าตอน หากกระบวนการยุติธรรมกลับมาเมื่อไหร่ มันสืบได้ง่าย เพราะการกระทำกับบุคคลแบบนี้ มันละเมิดสิทธิมนุษชยน ในบ้านเมืองนี้มันนิรโทษกรรมไปแล้ว ฟ้องไปก็แพ้ แต่ในต่างประเทศ แม้นิรโทษกรรมก็สามารถดำเนินการเอาผิดได้ ฉะนั้น สิ่งที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ทบ.ที่พูดเรื่องนี้ด้วยความคึกคะนอง มันจะทำให้เกิดการยั่วยุกันอีก ตนขอให้ไปปรึกษาผู้บังคับบัญชา ว่า อยากให้ผมทำแบบนั้นไหม หากอยากผมก็จะทำให้ หากมันจบด้วยการคุยนั้น มันเป็นทางออกที่ดี และผมเปิดทางให้แล้ว ขอเรียนว่า การอ้างสถาบันผลักดันศัตรู และอ้างว่า ไม่จงรักภักดีนั้น มันอันตรายเหมือนตั้งข้อหาคอมมิวนิสต์ในสมัยก่อน ขอถามว่า คนโดนตั้งข้อหาแล้วไม่มีอำนาจในมือ จะทำเช่นไร สุดท้ายก็สู้เพราะโดนกล่าวหา สุดท้ายผู้ที่ขาดทุน คือ ประชาชน และสถาบัน แม้ไม่ได้ทำสิ่งใดเสียหาย ผมเก็บตัวเพื่อหวังให้บ้านเมืองสงบสุบ แต่กลับมาไล่บี้ไล่ล่า มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดความสงบ แม้สุดท้ายจะตายจากกันก็ตาม” นายยงยุทธ กล่าว

นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า ตนได้พบเจ้าหน้าที่จากยูเอ็น เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตนบอกไปว่า ปัญหาการเมืองไทยนั้น ไม่มีที่ใดในโลกจะช่วยแก้ได้ นอกจากคนไทยด้วยกัน แต่บรรยากาศวันนี้มันเป็นไปไม่ได้ คนที่อ้างสถาบันก็อ้วนเอาๆ สุดท้ายประชาชนผอมลง ประเทศก็เสียหายและไปไม่ได้ ฝ่ายการเมืองนั้น ตนคิดว่า พอเสียที เพราะเพื่อนของตนในวงการทหารตำรวจนั้น ตนได้บอกไว้ว่า ควรบันทึกคำสั่งผิดๆ นั้นไว้ด้วย เพื่อจะได้นำไปอ้างในกระบวนการยุติธรรมหากโดนกลั่นแกล้ง ฉะนั้น ข้อหาที่ตนโดนนั้นอย่าคลุมเครือโดยเฉพาะคดีชิปปิ้งหมู ขอให้สอบสวนให้จริงและถึงที่สุด แม้บุคคลในพรรคเก่าแก่ก็ต้องลงไปสืบสวนด้วย เพราะมีการซุบซิบกันจนตนโดนกล่าวหาว่าเป็นคนชั่ว จึงต้องออกมาสู้ในชั้นศาล

ด้าน นายคารม พลทะกลาง ทนายความของ นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนป็นทนายความของนายยงยุทธ ประเด็นนี้มาจาก นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาพูดต่อจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ซึ่งเราจะนำกระบวนการยุติธรรมมาตรวจสอบอีกครั้ง โดยเฉพาะคำพูดที่ว่ากินปูนร้อนท้องนั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นความผิดขนาดไหนก็ไปว่ากันที่ศาล ซึ่งฝ่ายกฏหมายก็ได้เปิดพจนานุกรมเหมือนครั้งนี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตัดสินคดีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ว่า มีความใกล้เคียงกันหรือไม่ ดังนั้น นายศิริโชค ต้องไปต่อสู่กันที่ศาล ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า นักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ พูดไปแล้วถือว่าความผิดเกิดแล้ว กระบวนการยุติธรรมก็ต้องอยู่บนรากฐานอันเดียวกัน ดังนั้น ในวันนี้ (11 ก.พ.) เวลา 15.30 น.ตนจะเดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ในคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาท

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแถลงข่าวครั้งที่ 2 เป็นเพราะสังคมไม่ตอบรับใช่หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนต้องการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายนำไปทบทวน ตนไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะ จะพูดสิ่งใดนั้นต้องมีข้อมูล มีพยานหลักฐาน สิ่งที่ พ.อ.สรรเสริญ ตอบกลับมายังตนนั้น ขอให้ พ.อ.สรรเสริญ ไปถามผู้บังคับบัญชา ว่า จะให้ตนฟ้องร้องกับศาลจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ตนคงไม่ฟ้อง เพราะมีการนิรโทษกรรมไปแล้ว หากจะฟ้องศาลไทยนั้นจะทำแน่ แต่ต้องรอกระบวนการยุติธรรมกลับมาก่อน โดยตนจะไปฟ้ององค์กรสิทธิมนุษยชน ตนรู้เรื่องหมดจากในพื้นที่ว่าตำรวจบางนายได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ไปฆ่าคน เมื่อลงมือแล้วไม่ได้รับการตอบสนองคนพวกนี้ก็มาเล่าให้ตนฟังหมดและบันทึกไว้แล้ว แม้แต่เรื่องการใช้สไนเปอร์มาซุ่มยิงคนใน จ.เชียงราย ตนก็รู้หมด เพราะชาวบ้านมาแจ้งให้ทราบ ตนเคารพกติกา หากยังกดดันกันแบบนี้ตนจะสู้ และออกมาเปิดเผยเพื่อเรียกศักดิ์ศรี เรื่องนี้ไม่ได้ขู่ แต่ตนขอร้องให้เกิดความสงบ

นายยงยุทธ กล่าวด้วยว่า การที่บางฝ่ายพูดแสดงความรักชาติและจงรักภักดี แต่โยนความผิดเรื่องไม่จงรักภักดีให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นตนรับไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตนก็จงรักภักดีไม่แพ้ประชาชนคนอื่นๆ ฉะนั้น อย่าโยนความผิดเรื่องต่างๆ ให้ตนเหมือนช่วงหนึ่งที่ทหารเป็นใหญ่ในประเทศแล้วโยนความผิดข้อหาคอมมิวนิสต์ให้ฝ่ายตรงข้าม และจัดการยิงทิ้ง ยืนยันว่า ไม่กลัวตาย เพราะตอนนี้เหมือนตายไปแล้ว แต่การที่อยู่ทุกวันนี้เพราะอยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบ และตอนนี้มีความพยายามกระทำต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แบบไม่หยุด เช่น นำตัวมาติดคุก หรือฆ่าให้ตาย ตรงนี้เหมือนการราดน้ำมันลงบนกองไฟ ฉะนั้น ขอให้หยุดการทำลายฝ่ายตรงข้าม ขอให้ทุกฝ่ายมาคุยกันและหยุดพฤติกรรม

“ขอฝาก 4 ข้อไปให้รัฐบาลพิจารณา คือ 1.ประเทศไทยจะหลุดพ้นปัญหานั้น ทุกฝ่ายต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม และขอให้กระบวนการยุติธรรมกลับสู่ความจริงในสภาวะปกติ 2.รัฐบาลต้องเลิกแข่งขันต่อสู้ทางกายภาพ และหันมาคุยในสาระสำคัญเพื่อให้ประเทศมีทางออก 3.อย่านำสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมือง และ 4.ขอให้สังคมไทยยอมรับทัศนคติที่แตกต่างกัน” นายยงยุทธ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว นายยงยุทธ ได้แจกซีดีให้กับสื่อมวลชนอีกครั้ง โดยเป็นภาพการตรวจค้นบ้านพักของ นายยงยุทธ ย่านประชาชื่น กทม.ซึ่งเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดชุดเดียวกับซีดีที่นายยงยุทธแจกไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่มีความยาวมากกว่าเดิม โดยนำภาพช่วงที่เหลือมาเปิดเผย ซึ่งภาพต่างๆ นั้นเป็นภาพการตรวจค้นบ้านพัก 4 ชั้น 10 กว่ามุมกล้อง และใช้เวลาบันทึกราว 30 นาที แต่ไม่มีเสียงใดๆ ในซีดี
กำลังโหลดความคิดเห็น