เชื่อว่าเป็นการแก้เกมทางการเมือง หลังที่ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านเปิดยุทธการถล่มรัฐบาลอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์แบบไร้ความปราณี ไม่ยอมให้เวลาพิสูจน์ฝีมือการทำงาน ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ กับประชาธิปัตย์ ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เป็นฝ่ายตั้งรับ และติดลบไปเรียบร้อยในหลายกรณี
อาทิ พรรคเพื่อไทยออกมาเปิดโปงปลากระป๋องในถุงยังชีพเน่า ที่น่าจะพัวพันการทุจริต จนรมว.วิฑูรย์ นามบุตร ต้องระเห็จกระทรวงการพัฒนาสังคมฯไปทั้งๆ ที่นั่งเก้าอี้ได้เดือนเดียว
โดนกระหน่ำโจมตีบนพื้นที่สื่ออยู่ฝ่ายเดียว โฆษกรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร ก็ไม่ยอมออกมาแก้ต่างให้สักเรื่อง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องคิดทบทวนแนวการสู้รบทางการเมืองใหม่ เพราะหากปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามรุกรายวันแบบนี้ มีหวังตายน้ำตื้น เดินเข้าซังเตแน่
จึงเป็นเหตุที่ต้องตั้ง นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นโฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือโฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เส้นทางเทพไท ผ่านมาทั้งบู้ และบุ๋น เคยทำศึกเสือ เหนือ ใต้ในทางการเมืองมาแล้วหลายครั้งหลายหน และยังมีดีกรีพ่วงมาด้วยในฐานะนักโต้วาที วาจาดุดัน หาตัวจับยาก
ฉะนั้นการที่ประชาธิปัตย์หยิบเทพไท ขึ้นมาทำหน้าที่หัวหมู่ทะลวงฟัน ต้องบอกว่าตั้งถูกตัวถูกคน
“ASTV ผู้จัดการรายวัน” นัดจับเข่าคุยทันทีที่เขาได้รับเก้าอี้โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค ได้รับคำชี้แจงถึงเหตุที่ต้องมีตำแหน่งพิเศษนี้ขึ้นมาว่า ตอนแรกหลังจากที่นายกรัฐมนตรีทำงานมาได้ระยะหนึ่ง ฝ่ายติดตามสถานการณ์พรรคประชาธิปัตย์ได้ประเมินว่า ข่าวของพรรคและรัฐบาลตกอยู่ในฝ่ายรับ เลยจำเป็นต้องหาคนขึ้นมาจำนวนหนึ่ง เพื่อทำงานด้านการเมือง จึงฟื้นวอร์รูมขึ้นมาใหม่ โดยมีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นประธาน
“จากการประเมินการทำหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลและโฆษกพรรค เห็นว่า ทั้งสองส่วนทำงานดีอยู่แล้ว เพียงแต่เกิดช่องว่างการประสานงานระหว่างพรรคกับรัฐบาล หัวหน้าพรรคจึงได้ตั้งผมขึ้นมา เพื่อที่จะเติมเต็ม ประสานงานช่องว่างตรงนี้ และมองมาที่ตัวผม” เทพไทกล่าว
พร้อมกับให้ความเห็นต่อการทำหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลว่า “ปณิธาน อาจจะเป็นนักวิชาการท่านก็แถลงข่าวในส่วนที่เป็นเรื่องของรัฐบาล ในทางการเมืองอาจจะไม่ถนัดและไม่ใช่บุคลิกของตัวเอง เช่นเดียวกับ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ “หมอท๊อป” ด้วยความที่เป็นแพทย์ การพูดจาทางการเมืองอาจจะดูนิ่มนวลไป ภารกิจตรงนี้ก็เลยตกมาที่ตัวผม”
เทพไท รับบทบาทหน้าที่ในส่วนของพรรค ไม่ว่าจะเป็นผลการประชุมพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคและการทำงาน ประเด็นทางการเมืองที่พาดพิงมาถึงพรรค และข่าวที่ทำให้พรรคเกิดความเสียหาย รวมถึงตัวหัวหน้าพรรค เหล่านี้เขาจะเป็นคนชี้แจง
โฆษกประจำตัวนายกฯ ออกตัวว่า แต่ไม่ถึงกับการเข้ามาตอบโต้ประเด็นทางการเมืองอย่างเดียว อาจจะมีการชี้แจงผสมผสานกันไป โดยวางตัวเองต่อการทำงานครั้งนี้ไว้คือ จะต้องปรับบทบาท ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราเป็นผู้ช่วยเลขาธิการพรรค ซึ่งตอนนั้นอาจจะพูดในฐานะตัวแทนสำนักงานเลขาธิการพรรค วันนี้เลขาธิการพรรคมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ท่านมีโอกาสให้สัมภาษณ์ และแสดงความเห็นอยู่แล้ว
“คงจะลดบทบาทเรื่องของการตอบโต้ที่รุนแรง ให้อยู่ในลักษณะของการทำความเข้าใจ ชี้แจงข้อเท็จจริง ลดความดุดันลงหน่อย แต่โดยบุคลิกส่วนตัวไม่ได้เป็นคนรุนแรง ก้าวร้าว แต่แนวทางหรือท่วงทำนองในการให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่เป็นการเล่นคำ เหน็บแนม เชือดเฉือน ทำให้ถูกมองเป็นคนก้าวร้าว ดุดัน แต่จริงๆเป็นแค่ท่วงทำนอง แค่คำที่นำมาใช้เท่านั้น ต่อไปอาจจะเลี่ยงคำที่เสียดสี ประชดประชันให้น้อยลง”
อย่างไรก็ตาม ที่มีการมองว่าตั้งมาเพื่อตอบโต้ "แก๊งสามเกลอ" รายการ “ความจริงวันนี้” แกนนำเสื้อแดง โดยเฉพาะนั้น คงไม่ถึงกับเป็นเช่นนั้น ซึ่งจริงๆแล้วต้องชี้แจงทุกส่วน เพราะในกลุ่มพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีสามเกลอหัวกลมอย่างเดียว แต่ยังมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง , นายสุนัย จุลพงศธร และอีกหลากหลายมาก
"แต่ได้พูดกับนายกรัฐมนตรีแล้วว่า ขอบเขตการทำหน้าที่ของผมคือ ต้องดูแลการให้สัมภาษณ์ของบุคคลเหล่านี้ ของสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มีความหลากหลาย ที่มากระทบกับพรรคประชาธิปัตย์ และทำให้พรรคเกิดความเสียหาย รวมถึงตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย"
มองกันว่า ความสำคัญของการตั้งโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคนั้น เป็นเพราะต้องการให้นายกฯอภิสิทธิ์ ทำงานเต็มที่ ไม่ต้องมาห่วงเรื่องการตอบโต้การเมืองจากฝ่ายตรงข้าม
หลังรับหน้าที่ไม่กี่วัน เทพไท ก็ออกมาฉีกหน้าทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก ในกรณีประเทศญี่ปุ่น และจีน ไม่ออกวีซ่าให้เข้าประเทศ
"การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ผมมองว่าอดีตนายกฯ คนนี้อยู่ในฐานะนักโทษที่หนีคดีอยู่ คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ผ่านสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่จะเคลื่อนไหวกดดันขัดขวางการทำงานของรัฐบาลในสภาฯ ซึ่งเป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาลที่จะต้องคิดหาหนทางประสานงานร่วมมือแก้เกมกัน การเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ที่ผ่านกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ฝ่ายข่าว ที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหว หากพ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวสร้างความเสียหายให้กับพรรคประชาธิปัตย์ พวกผมก็ต้องชี้แจง"
เทพไท วิเคราะห์ว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และสื่อยังให้โอกาสเขาตลอดเวลา อะไรก็ตามที่ประชาชนฟังบ่อยๆ ฟังซ้ำซากประชาชนก็จะเชื่อ ฉะนั้นหากปล่อยให้เขามาเคลื่อนไหวผ่านสื่อ โดยที่สื่อให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของเขา โดยเขาบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่ตลอดเวลา หากรัฐบาลไม่ชี้แจงข้อเท็จจริง ประชาชนจะหลงเชื่อว่านั่นคือความจริง เราจำเป็นต้องชี้แจง เราไม่ควรปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ มาเหยียบย่ำ หรือโจมตีประทศไทย กระบวนการยุติธรรมของไทย บุคคลสำคัญระดับประเทศหลายคน รวมถึงสถาบันเบื้องสูง
"งานแรกที่ผมทำก็พยายามชี้ให้สังคมเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่วางมือทางการเมือง ยังจะสู้ต่อ ฉะนั้นจะชี้ให้สังคมเห็นว่า ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าจะยุติบทบาททางการเมือง จะวางมือทางการเมือง แต่วันนี้เขากลับประกาศจะสู้ทั้งบนสวรรค์ และในนรก"
" การประกาศสู้แบบนี้ ผมคิดว่าอาจจะทำให้เขาไม่มีแผ่นดินอยู่ อย่าว่าแต่ไม่มีแผ่นดินอยู่เลย ผมไม่รู้ว่าสวรรค์ หรือนรกจะรับหรือเปล่า คิดว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเบี่ยงเบนประเด็นจากที่เคยประกาศสู้กับสถาบันฯ คนชั้นสูง มาสู้กับรัฐบาล โดยประกาศจะหวนคืนประเทศ จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก แสดงว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมด เชื่อถือไม่ได้ เขาไม่รู้จักพอ สิ่งที่เขาบอกว่าพอแล้ว เลิกแล้วนั้นไม่เป็นจริง วันนี้เขายังหลงใหลในอำนาจอยู่"
"วันนี้เข้าใจว่าฝ่ายค้านยังมีอารมณ์ ความรู้สึกอะไรอยู่ และลึกๆแล้วเขาไม่อยากเห็นความสำเร็จของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างแน่นอน แต่เราต้องอดทน จะไปใจร้อน หรือเดินตามเกม หลงเกมเขา คงจะไม่ดี"
ฟังบทสรุปของเทพไท และงานแรกที่เขาออกมาพุ่งประเด็นโจมตีใส่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการบอกว่า รัฐบาลเปิดศึก ทำสงครามข่าวสารตอบโต้พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเต็มกำลังแล้ว หลังที่อยู่เฉยมาระยะหนึ่ง จึงต้องรอดูกันต่อไป งานนี้ต้องดุเดือดเลือดพล่านแน่ๆ
อาทิ พรรคเพื่อไทยออกมาเปิดโปงปลากระป๋องในถุงยังชีพเน่า ที่น่าจะพัวพันการทุจริต จนรมว.วิฑูรย์ นามบุตร ต้องระเห็จกระทรวงการพัฒนาสังคมฯไปทั้งๆ ที่นั่งเก้าอี้ได้เดือนเดียว
โดนกระหน่ำโจมตีบนพื้นที่สื่ออยู่ฝ่ายเดียว โฆษกรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร ก็ไม่ยอมออกมาแก้ต่างให้สักเรื่อง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องคิดทบทวนแนวการสู้รบทางการเมืองใหม่ เพราะหากปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามรุกรายวันแบบนี้ มีหวังตายน้ำตื้น เดินเข้าซังเตแน่
จึงเป็นเหตุที่ต้องตั้ง นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นโฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือโฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เส้นทางเทพไท ผ่านมาทั้งบู้ และบุ๋น เคยทำศึกเสือ เหนือ ใต้ในทางการเมืองมาแล้วหลายครั้งหลายหน และยังมีดีกรีพ่วงมาด้วยในฐานะนักโต้วาที วาจาดุดัน หาตัวจับยาก
ฉะนั้นการที่ประชาธิปัตย์หยิบเทพไท ขึ้นมาทำหน้าที่หัวหมู่ทะลวงฟัน ต้องบอกว่าตั้งถูกตัวถูกคน
“ASTV ผู้จัดการรายวัน” นัดจับเข่าคุยทันทีที่เขาได้รับเก้าอี้โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค ได้รับคำชี้แจงถึงเหตุที่ต้องมีตำแหน่งพิเศษนี้ขึ้นมาว่า ตอนแรกหลังจากที่นายกรัฐมนตรีทำงานมาได้ระยะหนึ่ง ฝ่ายติดตามสถานการณ์พรรคประชาธิปัตย์ได้ประเมินว่า ข่าวของพรรคและรัฐบาลตกอยู่ในฝ่ายรับ เลยจำเป็นต้องหาคนขึ้นมาจำนวนหนึ่ง เพื่อทำงานด้านการเมือง จึงฟื้นวอร์รูมขึ้นมาใหม่ โดยมีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นประธาน
“จากการประเมินการทำหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลและโฆษกพรรค เห็นว่า ทั้งสองส่วนทำงานดีอยู่แล้ว เพียงแต่เกิดช่องว่างการประสานงานระหว่างพรรคกับรัฐบาล หัวหน้าพรรคจึงได้ตั้งผมขึ้นมา เพื่อที่จะเติมเต็ม ประสานงานช่องว่างตรงนี้ และมองมาที่ตัวผม” เทพไทกล่าว
พร้อมกับให้ความเห็นต่อการทำหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลว่า “ปณิธาน อาจจะเป็นนักวิชาการท่านก็แถลงข่าวในส่วนที่เป็นเรื่องของรัฐบาล ในทางการเมืองอาจจะไม่ถนัดและไม่ใช่บุคลิกของตัวเอง เช่นเดียวกับ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ “หมอท๊อป” ด้วยความที่เป็นแพทย์ การพูดจาทางการเมืองอาจจะดูนิ่มนวลไป ภารกิจตรงนี้ก็เลยตกมาที่ตัวผม”
เทพไท รับบทบาทหน้าที่ในส่วนของพรรค ไม่ว่าจะเป็นผลการประชุมพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคและการทำงาน ประเด็นทางการเมืองที่พาดพิงมาถึงพรรค และข่าวที่ทำให้พรรคเกิดความเสียหาย รวมถึงตัวหัวหน้าพรรค เหล่านี้เขาจะเป็นคนชี้แจง
โฆษกประจำตัวนายกฯ ออกตัวว่า แต่ไม่ถึงกับการเข้ามาตอบโต้ประเด็นทางการเมืองอย่างเดียว อาจจะมีการชี้แจงผสมผสานกันไป โดยวางตัวเองต่อการทำงานครั้งนี้ไว้คือ จะต้องปรับบทบาท ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราเป็นผู้ช่วยเลขาธิการพรรค ซึ่งตอนนั้นอาจจะพูดในฐานะตัวแทนสำนักงานเลขาธิการพรรค วันนี้เลขาธิการพรรคมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ท่านมีโอกาสให้สัมภาษณ์ และแสดงความเห็นอยู่แล้ว
“คงจะลดบทบาทเรื่องของการตอบโต้ที่รุนแรง ให้อยู่ในลักษณะของการทำความเข้าใจ ชี้แจงข้อเท็จจริง ลดความดุดันลงหน่อย แต่โดยบุคลิกส่วนตัวไม่ได้เป็นคนรุนแรง ก้าวร้าว แต่แนวทางหรือท่วงทำนองในการให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่เป็นการเล่นคำ เหน็บแนม เชือดเฉือน ทำให้ถูกมองเป็นคนก้าวร้าว ดุดัน แต่จริงๆเป็นแค่ท่วงทำนอง แค่คำที่นำมาใช้เท่านั้น ต่อไปอาจจะเลี่ยงคำที่เสียดสี ประชดประชันให้น้อยลง”
อย่างไรก็ตาม ที่มีการมองว่าตั้งมาเพื่อตอบโต้ "แก๊งสามเกลอ" รายการ “ความจริงวันนี้” แกนนำเสื้อแดง โดยเฉพาะนั้น คงไม่ถึงกับเป็นเช่นนั้น ซึ่งจริงๆแล้วต้องชี้แจงทุกส่วน เพราะในกลุ่มพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีสามเกลอหัวกลมอย่างเดียว แต่ยังมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง , นายสุนัย จุลพงศธร และอีกหลากหลายมาก
"แต่ได้พูดกับนายกรัฐมนตรีแล้วว่า ขอบเขตการทำหน้าที่ของผมคือ ต้องดูแลการให้สัมภาษณ์ของบุคคลเหล่านี้ ของสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มีความหลากหลาย ที่มากระทบกับพรรคประชาธิปัตย์ และทำให้พรรคเกิดความเสียหาย รวมถึงตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย"
มองกันว่า ความสำคัญของการตั้งโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคนั้น เป็นเพราะต้องการให้นายกฯอภิสิทธิ์ ทำงานเต็มที่ ไม่ต้องมาห่วงเรื่องการตอบโต้การเมืองจากฝ่ายตรงข้าม
หลังรับหน้าที่ไม่กี่วัน เทพไท ก็ออกมาฉีกหน้าทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก ในกรณีประเทศญี่ปุ่น และจีน ไม่ออกวีซ่าให้เข้าประเทศ
"การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ผมมองว่าอดีตนายกฯ คนนี้อยู่ในฐานะนักโทษที่หนีคดีอยู่ คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ผ่านสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่จะเคลื่อนไหวกดดันขัดขวางการทำงานของรัฐบาลในสภาฯ ซึ่งเป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาลที่จะต้องคิดหาหนทางประสานงานร่วมมือแก้เกมกัน การเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ที่ผ่านกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ฝ่ายข่าว ที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหว หากพ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวสร้างความเสียหายให้กับพรรคประชาธิปัตย์ พวกผมก็ต้องชี้แจง"
เทพไท วิเคราะห์ว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และสื่อยังให้โอกาสเขาตลอดเวลา อะไรก็ตามที่ประชาชนฟังบ่อยๆ ฟังซ้ำซากประชาชนก็จะเชื่อ ฉะนั้นหากปล่อยให้เขามาเคลื่อนไหวผ่านสื่อ โดยที่สื่อให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของเขา โดยเขาบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่ตลอดเวลา หากรัฐบาลไม่ชี้แจงข้อเท็จจริง ประชาชนจะหลงเชื่อว่านั่นคือความจริง เราจำเป็นต้องชี้แจง เราไม่ควรปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ มาเหยียบย่ำ หรือโจมตีประทศไทย กระบวนการยุติธรรมของไทย บุคคลสำคัญระดับประเทศหลายคน รวมถึงสถาบันเบื้องสูง
"งานแรกที่ผมทำก็พยายามชี้ให้สังคมเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่วางมือทางการเมือง ยังจะสู้ต่อ ฉะนั้นจะชี้ให้สังคมเห็นว่า ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าจะยุติบทบาททางการเมือง จะวางมือทางการเมือง แต่วันนี้เขากลับประกาศจะสู้ทั้งบนสวรรค์ และในนรก"
" การประกาศสู้แบบนี้ ผมคิดว่าอาจจะทำให้เขาไม่มีแผ่นดินอยู่ อย่าว่าแต่ไม่มีแผ่นดินอยู่เลย ผมไม่รู้ว่าสวรรค์ หรือนรกจะรับหรือเปล่า คิดว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเบี่ยงเบนประเด็นจากที่เคยประกาศสู้กับสถาบันฯ คนชั้นสูง มาสู้กับรัฐบาล โดยประกาศจะหวนคืนประเทศ จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก แสดงว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมด เชื่อถือไม่ได้ เขาไม่รู้จักพอ สิ่งที่เขาบอกว่าพอแล้ว เลิกแล้วนั้นไม่เป็นจริง วันนี้เขายังหลงใหลในอำนาจอยู่"
"วันนี้เข้าใจว่าฝ่ายค้านยังมีอารมณ์ ความรู้สึกอะไรอยู่ และลึกๆแล้วเขาไม่อยากเห็นความสำเร็จของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างแน่นอน แต่เราต้องอดทน จะไปใจร้อน หรือเดินตามเกม หลงเกมเขา คงจะไม่ดี"
ฟังบทสรุปของเทพไท และงานแรกที่เขาออกมาพุ่งประเด็นโจมตีใส่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการบอกว่า รัฐบาลเปิดศึก ทำสงครามข่าวสารตอบโต้พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเต็มกำลังแล้ว หลังที่อยู่เฉยมาระยะหนึ่ง จึงต้องรอดูกันต่อไป งานนี้ต้องดุเดือดเลือดพล่านแน่ๆ