xs
xsm
sm
md
lg

3 ปีพันธมิตรฯ … ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 พระจันทร์เสวยมาฆะฤกษ์ เป็นวันมาฆบูชา แต่ก็เป็นวันที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ก่อตั้งและดำเนินงานมาครบ 3 ปีแล้ว

เวลาผ่านไปไวนักหนา เป็น 3 ปีที่ประชาชนชาวไทยผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้ตื่นตัวตื่นรู้และลุกขึ้นสู้กับอำนาจอธรรมอย่างวีระกล้าหาญ อย่างทรหดอดทนด้วยความเสียสละ กล้าพลีแม้ชีวิต เพื่อปกปักรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติ และสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายให้ดำรงคงอยู่คู่ดินฟ้าแดนไทยตลอดไป


3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯ ทำศึกใหญ่ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือการลุกขึ้นสู้กับอำนาจรัฐของระบอบทักษิณแบบปักหลักพักค้างยืดเยื้อยาวนาน เปิดเผยพฤติกรรมทั้งปวงของรัฐบาลนั้นอย่างล่อนจ้อน เผชิญหน้ากับกลอุบายและเชิงชั้นการต่อสู้ทุกรูปแบบอย่างแหลมคมและพลิกแพลง กระทั่งนำไปสู่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

อำนาจรัฐของระบอบทักษิณกระเด็นออกจากอำนาจปกครองประเทศ แต่แทนที่คณะรัฐประหารจะประสานกับพลังของประชาชนผู้รักชาติ ดำเนินการแก้ไขปัญหาชาติอย่างถึงที่สุด กลับหลงคำแก๊งนักวิชาการและนักร่างรัฐธรรมนูญมืออาชีพ ยอมคลายอำนาจรัฐที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ในเวลาแค่ 11 วัน แล้วตั้งรัฐบาลที่หน่อมแน้มเข้ามาบริหารประเทศ

อำนาจรัฐแบบนี้เป็นอำนาจรัฐแบบขอไปที จึงกลายเป็นการฟูมฟักอำนาจเก่าให้ขยายตัวเติบใหญ่เพิ่มขึ้นอีก ลุกลามไปสู่หมู่ประชาชนบางกลุ่มและเกิดผลิตผลคือกลุ่มคนเสื้อแดงขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

การละเลยมิตร แต่ดำเนินนโยบายสามัคคีสมานฉันท์แบบไร้เดียงสาที่ยอมจำนนกับอำนาจเก่า เป็นผลให้พรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นหุ่นเชิดกลับเข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง

ทำให้สถาบันทั้งหลายตกอยู่ในความเสี่ยงภัยที่ร้ายแรงกว่าเก่าหลายเท่า เดชะบุญของชาติและประชาชนยังไม่ถึงคราวสิ้นสูญ รัฐบาลพลังประชาชนแทนที่จะโอ้โลมปฏิโลมค่อยเป็นค่อยไปในการครองอำนาจรัฐ กลับฮึกเหิมลำพองไม่เห็นหัวประชาชนอยู่ในสายตา ปรามาสว่ากลุ่มพันธมิตรฯ รวมกันไม่ติดแล้ว สนธิไม่มีน้ำยาแล้ว เอเอสทีวีเจ๊งแล้ว

เพราะเหตุนั้นจึงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและฟอกผิดฟอกโกงให้กับบรรดาผู้กระทำความผิดทั้งหลาย หมายฟอกให้บริสุทธิ์ผ่องใสเพื่อให้คนเสกหุ่นกลับเข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง

ฮึกเหิมลำพอง ก้าวร้าว ชนิดที่ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน ขับไสคนดีมีฝีมือออกจากอำนาจหน้าที่ ส่งเสริมนำเอาคนชั่วช้าเลวทรามเข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองอย่างเอิกเกริก ทั้งใช้อำนาจรัฐข่มเหงรังแกประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะผู้ตื่นรู้ทั้งหลาย ด้วยน้ำใจปรามาสว่าเป็นแค่ผักปลาหรือเม็ดทราย

กลุ่มพันธมิตรฯ จึงจำลั่นกลองชัยประกาศชุมนุมใหญ่เป็นครั้งที่สอง การกระทำทั้งหลายที่ปฏิบัติการกับประชาชน รัฐบาลได้ถือเอาประชาชนเป็นศัตรู เป็นปรปักษ์ที่ต้องทำลายให้สูญสิ้น ดังนั้นเล่ห์กลทางการเมือง เล่ห์กลทางการปกครอง แผนการอุบาทว์ทางสังคมและสื่อมวลชน กระทั่งแผนการอุบาทว์ถึงขนาดตั้งกองกำลังติดอาวุธทั้งนอกแบบ ในแบบ เพื่อทำลายประชาชนซึ่งตนถือเป็นข้าศึกได้ถูกนำมาใช้โดยไม่แยแสขื่อแปบ้านเมืองอีกต่อไป

แต่ไม่อาจฝืนสัจธรรมของการต่อสู้ของเหล่าผู้รักชาติได้ ยิ่งใช้อำนาจอธรรมมากเท่าใด ประชาชนก็ตื่นรู้มากขึ้นเท่านั้น ลุกขึ้นสู้มากขึ้นเท่านั้น

การต่อสู้ในรอบที่สองนี้จึงยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนไทย ผ่านฤดูร้อน ฝ่าฤดูฝน จนเข้าสู่ฤดูหนาว พลังวิริยภาพของประชาชนผู้ตื่นรู้และเสียสละก็มิได้ท้อถอย ยังคงยืนหยัดด้วยอหิงสาธรรม ท่ามกลางเสียงปืนและเสียงระเบิด ตลอดจนชีวิตที่ล้มหายตายจากลงชีวิตแล้วชีวิตเล่า

นักรบของประชาชนผู้กล้าหาญทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พลีให้แก่ชาติไป 12 คน พิการนับสิบคน บาดเจ็บร่วม 700 คน

ปฏิบัติการยึดทำเนียบรัฐบาลอันเป็นศูนย์กลางอำนาจรัฐแล้วต้องล่าถอยออกไปเพราะทำเนียบรัฐบาลได้กลายเป็นสนามฆ่าคนที่อำนาจรัฐอธรรมใช้อาวุธสงครามเต็มรูปแบบเข้าเข่นฆ่าสังหารประชาชนเคลื่อนสู่สนามบินแห่งชาติทั้งสองแห่ง ได้กลายเป็นเหตุการณ์ลือลั่นสนั่นโลกชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของชาติไทยเรา

แต่รัฐบาลหน้าด้านก็มิได้แยแส ยังคงดื้อรั้นอยู่ในอำนาจและมุ่งเข่นฆ่าประชาชนต่อไปอย่างไม่บันยะบันยัง สื่อในมือมารเข้าผสมโรงในแนวรบ ใส่ร้ายป้ายผิดให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ สร้างความชอบธรรมให้แก่การเข่นฆ่าประชาชนอย่างหน้าด้านหน้าทน

ทว่าพลังศรัทธา สันติ อหิงสา และความกล้าหาญของประชาชนผู้ตื่นรู้นั้นได้พัฒนาไปแล้ว กลายเป็นพลังจักรวาลอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด

นั่นคืออาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในการทำสงครามของบรรดายอดขุนพลหรือผู้นำอัจฉริยะของมวลชนในประวัติศาสตร์ เป็นศาสตราวุธที่ไม่มีอำนาจใดต้านทานได้

ก่อเป็นพลังไร้สภาพกดดันให้บรรดาผู้มีหน้าที่ต่างๆ ต้องทำหน้าที่ของตน จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติต้องกระเด็นออกจากอำนาจ และเกิดการพลิกขั้วอำนาจทางการเมือง แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

เพราะเหตุที่กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่มีองค์กรหรือเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจรัฐโดยวิถีทางแห่งรัฐสภา จึงแม้ว่าผลการต่อสู้จะได้รับชัยชนะในระดับหนึ่ง แต่ในที่สุดก็ต้องได้แต่ยืนชะแง้หาด่าคนชั่วอยู่ที่ประตูรั้วทำเนียบรัฐบาลเหมือนดังเดิม

วันนี้ภารกิจของพันธมิตรฯ ยังไม่สิ้น ยังไม่เสร็จ ภารกิจสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการนำการเมืองใหม่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาแทนที่การเมืองแบบเก่าที่เป็นการเมืองของวงจรอุบาทว์ คือเลือกตั้ง-ตั้งรัฐบาล-โกงชาติ-เลือกตั้ง ยังคงดำเนินต่อไป

สถานการณ์ในวันนี้แม้การเมืองเปลี่ยนขั้ว แต่ก็ยังเป็นการเมืองแบบเก่าที่ร่วมกันทำและแบ่งกันกินเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีวันนำพาชาติและประชาชนไปสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและอยู่เย็นเป็นสุขได้เลย

ดังนั้นภารกิจตั้งแต่นี้ต่อไปของพันธมิตรฯ คืออะไรกันแน่? เพราะหากแค่ตั้งเป้าหมายเพียงขับไล่รัฐบาลอธรรมหรือชั่วช้าสารเลว ภารกิจนี้จะไม่มีวันจบสิ้นและจะไม่มีผลในการแก้ไขปัญหาชาติเลยแม้แต่น้อย

รุ่นแล้วรุ่นเล่า จากหนุ่มสู่ความแก่เฒ่าก็ยังต้องไล่รัฐบาลชั่วช้าสารเลวกันอยู่ และยังไม่รู้ว่าจะต้องไล่กันไปถึงชาติไหน ภพไหน และไม่เห็นอนาคตที่จะนำการเมืองใหม่มาสู่ประชาชนและบ้านเมืองได้เลย

ความจริงแห่งประวัติศาสตร์และความจริงในปัจจุบันได้ให้ข้อกำหนดที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพันธมิตรฯ นับแต่นี้ไปมีสองอย่าง คือ

หนึ่ง กระชับความเข้มแข็งเติบใหญ่ของมวลมหาประชาชนผู้ตื่นรู้และมั่นคงจงรักภักดีในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้มีความเข้มแข็งเกรียงไกร เป็นกองรบอันยิ่งใหญ่ของมวลมหาประชาชน เป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไปนิรันดร โดยแกนนำต้องแบกรับภารกิจในการเป็นศูนย์กลางแห่งความสามัคคีอย่างหนึ่ง และในการชี้ทิศนำทางให้แก่การเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนผู้ตื่นรู้อีกอย่างหนึ่ง

เป้าหมายของภารกิจแรกนี้คือการทำให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศไม่ว่าสีไหนๆ สามัคคีสมานฉันท์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันภายใต้ร่มธงมหาราชแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เทิดทูนจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จนถึงที่สุด

สอง จัดตั้งกองรบทางการเมืองของประชาชนในระบอบรัฐสภาขึ้น นั่นก็คือต้องมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งของประชาชนผู้ตื่นรู้เพื่อเป็นตัวแทน เป็นปากเสียง และทำการต่อสู้เพื่อช่วงชิงให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐโดยผ่านกระบวนการทางรัฐสภา และโดยอาศัยพลังบริสุทธิ์ของมวลมหาประชาชนที่เหล่าแกนนำเป็นผู้นำธง

หากไม่มีกองรบของประชาชนกองนี้ การเมืองใหม่ก็ไม่มีทางเกิดได้สำเร็จ ถึงเกิดได้ก็ไม่มีทางมีเสถียรภาพ และในที่สุดก็ต้องมายืนข้างรั้วทำเนียบรัฐบาลขับไล่รัฐบาลอธรรมกันอีก

ภารกิจสองอย่างนี้คือภารกิจที่ยิ่งใหญ่มีเกียรติเชิงประวัติศาสตร์ของประชาชาติไทยผู้ตื่นรู้ทั้งปวง.
กำลังโหลดความคิดเห็น